สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 384 สาวใช้ตัวแสบ288

ตอนที่ 384 สาวใช้ตัวแสบ288
“คุณทำไมโง่แบบนี้? เย่เชินหลิน คุณช่างโง่ยิ่งนัก” เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจยาวๆ แล้วก็พูดต่ออย่างอ่อนหวานว่า “หากคุณรู้สึกว่าทำแบบนี้แล้วคุณจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง งั้นก็ทำตามใจคุณแล้ว”
เขาตั้งใจอยากที่จะทารุณกับเธอ ลมหายใจของเธอ ทำให้ความโกรธในใจเขาสงบลงได้บ้าง แต่เธออย่าคิดที่จะใช้วิธีใดๆ มาทำให้เขายอมปล่อยเธอไปในค่ำคืนนี้ เขาจะต้องใช้การกระทำ แสดงอำนาจความเป็นเจ้าของของเขา
เขาล้มตัวลง จูบริมฝีปากของเขา ดูดดื่มปากน้อยๆของเธออย่างค่อนข้างป่าเถื่อน
และแล้ว จูบของเขาก็ต่ำลง……
เธอคิดว่าหลังจากที่เขากับส้งหลิงหลิงแล้ว เธอคงจะไม่ต้อนรับร่างกายเขาอีก แต่ร่างกายเธอกลับตอบสนองเขาอย่างคุ้นเคย เมื่อเขาไม่กระทำกับเธออย่างป่าเถื่อน แต่กำลังหาความสุขบนร่างกายเธออย่างปกติ ร่างกายของเธอค่อยๆอ่อนไหว ตอบสนองเขา
เธอรู้สึกเศร้าสลดกับความรู้สึกของตัวเองที่มีมาก และผิดหวังในตัวเอง เธอจึงหลับตาลง
“มองดูผม” เขาหยุดการกระทำแล้วสั่งเธอ
เธอจึงต้องลืมตาขึ้นมาอีก สบกับดวงตาเขา ความต้องการในแววตาของเขา ยิ่งอยู่ยิ่งมากขึ้น ประกายพราวแววดั่งหมาป่า
“บอกผม คุณชอบให้ผมมีคุณไหม” น้ำเสียงแหบแห้งของเขา แฝงความแน่วแน่ที่ห้ามปฏิเสธ
ที่จริงร่างกายเธอได้ให้คำตอบเขาแล้ว แต่ว่าเขายังอยากได้ยินจากปากเธอ เขาอยากมั่นใจว่า เธอจะเป็นของเขาเพียงคนเดียว
เซี่ยชีหรั่นกัดริมฝีปาก เธอไม่ชอบพูดคำว่าชอบในสถานภาพแบบนี้ เธอไม่มีคำที่มีแต่ความใคร่แบบนี้
เธอไม่พูด เขาก็ยิ่งเพิ่มความแรง….
สุดท้ายที่สุด ก็ไม่มีความอ่อนโยนมาก ไม่สวยงามเหมือนเมื่อก่อนตอนที่ร่างกายทั้งสองแนบชิดประสานติดกันเป็นหนึ่งเดียว ถึงแม้ร่างกายของเธอ เพราะเทคนิคของเขาทำให้มีความสุขจนถึงจุดสูงสุด แต่ในใจเธอยังคงหดหู่
เธอโหยหาความสุขที่กายใจทั้งสองเป็นของกันและกันแบบนั้น เขาเองก็โหยหา แต่ว่าตอนนี้ ทั้งสองคนต่างก็ทำไม่ได้ที่จะปล่อยวางตัวเองทั้งหมด
เย่เชินหลินไม่อาลัยอาวรณ์เลย ลุกขึ้น แล้วก็ตรงไปอาบน้ำ
เซี่ยชีหรั่นก็ลากร่างกายที่เมื่อยล้าลุกขึ้น เอาเสื้อเชิ้ตตัวโตของเขามาคลุม กลับห้องไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่แล้วล้างทำความสะอาดในห้องอาบน้ำ
เธอล้างเสร็จ กำลังจะกลับห้องตัวเอง เย่เชินหลินก็เปิดประตูเข้ามา ถึงจะดูไม่โกรธเหมือนทุกครั้งที่หลังจากทำโทษเธอแล้ว สีหน้ากลับยังเย็นชา
เซี่ยชีหรั่นนึกว่าเขามา เพื่ออยากพูดกับเธอเรื่องไปหาโม่เสี่ยวจุนเพื่อตรวจDNA เพราะเขาอยากที่จะหาน้องชายเจอขนาดนั้น
นี่เป็นเพียงเธอคาดเดา เธอไม่กล้าถามตรงๆ กลัวเขาเข้าใจผิดอีก ดังนั้นเธอจึงไม่พูดอะไร รอให้เขาพูดอย่างเงียบๆ
“”ตอนเที่ยง คุณแม่ของผมจะมา คุณต้องจำไว้ ตอนทานข้าวไม่ว่าจะเกินเรื่องอะไรขึ้น คุณเห็นใครก็ตาม จะต้องสงบเงียบ หากคุณกล้าพูดไปเรื่อย ผมจะเอาคืนจากคุณแน่
เซี่ยชีหรั่นไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของเขา แต่ว่าท่าทางของเขาทำให้ในใจเธอทรมาน
ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไร เขาจะบอกเธอดีๆไม่ได้เลยหรือ? ทำไมต้องใช้น้ำเสียงเตือนขนาดนี้?
นึกว่าเขาทำแบบนั้นแล้วจะสามารถระบายความโกรธ ไม่พูดจะจากระทบ กระเทียบแดกดันอีก ใครจะไปคิดยังเป็นแบบนี้ ในใจเธอถอนหายใจอย่างไม่รู้ตัว และก็ตอบเสียงต่ำว่า “ฉันรู้แล้ว คุณเย่ ฉันจะไม่พูดไปเรื่อย หากคุณไม่อยากให้ฉันออกไป ฉันทานในห้องก็ได้ หรือไม่ทานก็ไม่เป็นไร”
ท่าทางเธอดื้อรั้นขนาดนั้นและน่าสงสาร พูดออกมาแต่ละคำทำให้ใจเขาเจ็บปวด
เขากำหมัดไว้แน่น หักห้ามใจไม่ไปกอดเธอ ปลอบโยนเธอ พูดขึ้นเพียงว่า “จะต้องไปทานที่โต๊ะใหญ่” แล้วก็จากไป
ตอนใกล้ถึงเวลาอาหารเที่ยง ในคฤหาสน์หลักมีเสียงครึกครื้น เหมือนมีคนมาเป็นจำนวนมาก เซี่ยชีหรั่นยังอยู่ในห้อง ไม่ออกมา
จิ่วจิ่วก็กลับมาแล้ว เพราะว่าคนเยอะ พ่อบ้านมอบหมายให้เธอไปช่วยต้อนรับ เธออยากเจอเซี่ยชีหรั่น แต่ก็ต้องรอก่อนแล้ว
โม่เสี่ยวจุนโดนเซี่ยชีหรั่นตัดวางสาย ก็วางใจไม่ลง ขอร้องให้จิ่วจิ่วพาเขามาเจอเซี่ยชีหรั่น จิ่วจิ่วครุ่นคิดดู กลัวจะเรื่องราวจะวุ่นวายใหญ่โต รุนแรง ดังนั้นจึงโน้มน้าวโม่เสี่ยวจุนให้อดทนไว้ก่อน
เธอไม่ได้พูดถึงเรื่องที่โม่เสี่ยวจุนก็คือเย่จื่อห้าน เธอคิดว่าเรื่องสำคัญขนาดนี้ ไม่ควรที่จะเป็นเธอพูดออกมา เซี่ยชีหรั่นจะหาทางจัดการเอง
โม่เสี่ยวจุนก็กลัวตัวเองผลีผลามไปหาเซี่ยชีหรั่น จะเป็นการทำให้เธอเดือดร้อน เสียงของเธอในโทรศัพท์ดูตื่นตกใจคุณเย่ เพียงพอที่จะแสดงว่าเธอเกรงกลัวผู้ชายคนนั้นมาก เขาไม่ดีกับเธอเลย แบบนี้ยิ่งทำให้โม่เสี่ยวจุนยิ่งโทษตัวเอง และก็ตั้งมั่นอย่างแน่วแน่ว่า จะต้องเปลี่ยนแปลงสถานภาพแบบนี้
ตอนนี้ เขายังต้องรอ เชื่อว่าเซี่ยชีหรั่นจะหาโอกาสออกมาเจอเขา ถึงตอนนั้น เขาก็จะได้รู้ว่าเธอรับปากที่จะอยู่กับคุณเย่นานแค่ไหน แล้วต้องทำยังไงถึงจะสามารถไปจากเขาได้
ถึงเวลารับประทานอาหารเที่ยง พ่อบ้านมาเคาะประตู เชิญเซี่ยชีหรั่นไปทานข้าว บอกว่าเป็นคำสั่งของคุณเย่
นอกจากคุณแม่ของเย่เชินหลินแล้ว เซี่ยชีหรั่นไม่รู้ว่ายังมีใครมาอีก
เธอเลือกสวมชุดที่ดูสุภาพมาแล้วออกมา ตอนที่เดินมาถึงห้องอาหาร ถึงเพิ่งรู้ว่าที่แท้ นอกจากฝู้เฟิ่งหยีแล้ว คนที่นั่งอยู่ยังมีคุณนายไห่ คุณแม่ของไห่ลี่หมิน ตลอดจนไห่ลี่หมินกับไห่ฉิงฉิง นอกจากนี้ยังมีผู้ชายอีกคน ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
ผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่ด้านข้างฝู้เฟิ่งหยี คิดว่าคงมีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ
ที่จริงเซี่ยชีหรั่น ไม่ชอบปรากฏตัวอยู่บนโต๊ะอาหารหลัก ในขณะที่มีคนเยอะแบบนี้ สถานภาพของเธอน่าอับอายยิ่งนัก คนอื่นไม่พูด แต่ในใจทุกคนต่างก็รู้ว่าเธออยู่ในสถานะอะไร
หากไม่ใช่เพราะเย่เชินหลินยืนกราน เธอคิดว่า ฝู้เฟิ่งหยีเองก็คงไม่อยากเห็นเธอปรากฏตัวอยู่ทางนี้แน่
ที่เป็นสังคมปัจจุบัน จะมีแม่คนไหนอยากเห็นลูกชายของตัวเองมีผู้หญิงสองคน?
เธอเดินไปใกล้ฝู้เฟิ่งหยี พูดขึ้นเสียงเบาว่า “สวัสดีค่ะคุณนาย” แล้วก็พูดกับคุณนายไห่ว่า “สวัสดีค่ะคุณนายไห่”
แม้แต่ไห่ลี่หมิน ไห่ฉิงฉิง ยังมีคนนั้นผู้ชายที่ไม่รู้ว่าชื่ออะไร เธอก็ทักทายหนึ่งรอบ
“สวัสดีค่ะคุณชายไห่ สวัสดีค่ะคุณหนูไห่”
กับผู้ชายที่ไม่รู้จัก เธอก็ยิ้มแล้วพูดว่า “สวัสดีค่ะท่าน”
เหยนชิงเหยียนไม่รู้ว่าเซี่ยชีหรั่นเป็นใคร เมื่อวานตอนที่อยู่บ้านตระกูลเย่ ฝู้เฟิ่งหยีเคยพูดให้เขาฟัง บอกว่าเย่เชินหลินหมั้นกับส้งหลิงหลิง ลูกสาวรองประธานส้งแล้ว
ผู้หญิงคนนี้ หากเป็นส้งหลิงหลิง ก็น่าจะออกมาต้อนรับแขกแต่แรกแล้วสิ ไม่ใช่ออกมาตอนนี้ ฟังดูคำทักทายแล้ว เธอเรียกทุกคนว่าคุณนาย คุณชาย คุณหนู ล้วนเป็นคำให้เกียรติ แสดงว่าสถานะของเธอ น่าจะไม่แตกต่างอะไรกับสาวใช้ที่นี่
ดูการแต่งตัว เธอกลับไม่เหมือนสาวใช้ธรรมดาทั่วไป เหยนชิงเหยียนไม่รู้จะเรียกขานเธอว่าอย่างไร และก็ไม่หันไปพยักหัวให้เธอ ตอบเพียงว่า “สวัสดี”
เซี่ยชีหรั่นยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ไห่ลี่หมินมองเธออย่างเป็นห่วง ในใจคิด หากรู้ว่าเขาคือเย่จื่อห้าน เธอจะรับได้ไหม?
เธอคิดมาตลอดว่าโม่เสี่ยวจุนคือเย่จื่อห้าน เรื่องราวทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ แม้แต่ไห่ลี่หมินเองยังรู้สึกประหลาดใจ
แต่ว่าวันนี้ตอนที่เขากับเย่เชินหลินได้คุยกันตามลำพัง เย่เชินหลินได้เล่าเรื่องผลตรวจDNAที่ยืนยันแล้วให้เขาฟัง ถึงแม้เขาจะคิดว่าเซี่ยชีหรั่นจะไม่โกหก แต่หลักฐานสำคัญขนาดนั้น ก็ไม่น่าที่จะผิดพลาด อีกอย่างเซี่ยชีหรั่นแค่คาดเดา อาจจะไม่เป็นความจริง เธออาศัยเพียงรูปภาพที่ถ่ายกับดอกลาเวนเดอร์ รูปถ่ายก็นานมากแล้ว และคนที่หน้าคล้ายๆกันก็มีตั้งมากมาย แม้กระทั่งดอกลาเวนเดอร์ ดอกแบบนั้นมีกลิ่นหอมฉุน เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมากมาย ไม่สามารถเอามายืนยันได้
เซี่ยชีหรั่นนั่งลงข้างๆเย่เชินหลิน ฝู้เฟิ่งหยีชำเลืองดูนาง แล้วก็ไม่พูดอะไร เซี่ยชีหรั่นเห็นแก้วเหล้าวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าเธอ คนอื่นๆก็ไม่ได้แบ่งแยกแขก ตรงหน้าล้วนมีแก้วเหล้า แสดงว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ?
อาหารขึ้นโต๊ะครบหมดแล้ว ฝู้เฟิ่งหยีชูแก้วเหล้าขึ้น พูดว่า “ขอยกหนึ่งแก้ว เพื่อเป็นการต้อนรับลูกชายของฉันเย่จื่อห้าน”
เย่จื่อห้าน? ไม่รู้ว่าในใจเซี่ยชีหรั่นเป็นยังไง ตกอกตกใจ นึกว่าเสี่ยวจุนมาแล้ว
แต่ว่าไม่มีเสี่ยวจุนนี่ ในขณะที่เธอกำลังงุนงง ก็เห็นทุกคนยกแก้วเหล้า แล้วหันไปหาผู้ชายแปลกหน้าคนนั้น คุณนายไห่ยิ้มพูดว่า “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน หลายปีมานี้ คุณแม่ของเธอตามหาเธออย่างยากลำบาก”
เขาคือเย่จื่อห้าน? มือเซี่ยชีหรั่นที่ถือแก้วเหล้าอยู่ สั่นไม่หยุด
หากไม่ใช่เพราะเย่เชินหลินเตือนไว้ตั้งแต่แรก สงสัยเธอคงจะรีบลงขึ้น ตะโกนต่อหน้าทุกคนว่า พวกเขาเข้าใจผิดแล้ว
คนคนนั้นจะเป็นเย่จื่อห้านได้อย่างไร โม่เสี่ยวจุนต่างหากที่เป็นเย่จื่อห้าน
เย่เชินหลินชำเลืองมองดูนาง บ่งบอกว่าให้นางเงียบสงบ
เซี่ยชีหรั่นหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำให้ตัวเองใจเย็นๆ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอสามารถโวยวายได้ ต่อให้พวกเขาเข้าใจผิดจริงๆ เธอก็ไม่สมควรพูดออกมาตรงนี้
เย่เชินหลินก็ยกแก้วอย่างสง่างาม พูดกับเหยนชิงเหยียนว่า “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ต่อไปที่นี่ก็ถือว่าเป็นบ้านของเธอ อยากมาก็ไปมาได้ อาหารที่นี่ปราณีตกว่าที่คุณแม่เยอะ”
ไห่ลี่หมินเชื่อถือDNAมากกว่า ดังนั้นเขาก็ยกแก้วต้อนรับเหยนชิงเหยียนอย่างจริงใจ
เหยนชิงเหยียนยิ้มขอบคุณคำต้อนรับของทุกคน ในขณะเดียวกันก็ขอบคุณฟ้าดิน ในที่สุดเขาก็มีโอกาสได้พบกับครอบครัว
มุมจากตรงที่เซี่ยชีหรั่นนั่ง สามารถเห็นเพียงรอยยิ้มด้านข้างของเหยนชิงเหยียน เห็นเขาหัวเราะ หัวใจของเธอทรมานเหมือนดั่งโดนมีดแทง เขาแย่งทุกอย่างของโม่เสี่ยวจุนไป ความยินดีพวกนี้ รอยยิ้มพวกนี้ ความสุขพวกนี้ สมควรที่จะเป็นของพี่เสี่ยวจุนของเธอ ไม่ควรเป็นของเขา เขามีสิทธิ์อะไรมายิ้มอยู่ตรงนี้ มีสิทธิ์อะไร?
ในใจเธอเต้นอย่างรุนแรง เหมือนกำลังโดนฉุดกระชากอย่างรุนแรง เจ็บจนแทบหายใจไม่ออก
อยากที่จะอดกลั้นไว้ แต่มือก็ยังสั่นอย่างระดับไว้ไม่อยู่
ไห่ฉิงฉิงก็พูดเล่นกับเหยนชิงเหยียนว่า “ยินดีต้อนรับกลับมา หากไม่ใช่เพราะคุณหายไปตั้งนานขนาดนี้ ฉันคงได้มีไม้กันหมาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน”
ถึงคิวเซี่ยชีหรั่นต้องพูดบ้างแล้ว เย่เชินหลินหันมามองเธออีก ความหมายลึกซึ้ง
เขาตั้งใจที่จะให้เธอได้รับรู้ ตระกูลเย่มีน้องชายแล้ว ให้เธอไม่ต้องพูดเรื่องที่โม่เสี่ยวจุนเป็นน้องชายของเขาอีกหรือ? ที่จริงความนี้เซี่ยชีหรั่นเข้าใจเย่เชินหลินผิด อาหารมื้อนี้ นับว่าเป็นอะไรที่ไม่คาดถึง
คุณแม่ของเขาโทรศัพท์หาเขา บอกว่าวันนี้ได้เล่าเรื่องที่หาเย่จื่อห้านเจอให้คุณน้าหลี่ฟัง เธออยากเห็น และไห่ลี่หมินกับไห่ฉิงฉิงก็อยู่ ได้ฟังข่าวนี้แล้ว ก็อยากตามมาดูมาร่วมยินดี
ฝู้เฟิ่งหยีคิดถึงครั้งก่อนที่ได้ยินทุกคนในคฤหาสน์ลือกันว่าลูกชายของเธอตายแล้ว เธอจึงตั้งใจอยากที่จะพาลูกชายของเธอมาอุดคำล้ำลือ อีกอย่างเธอยังมีเรื่องที่อยากจะพูดกับเย่เชินหลินบนโต๊ะอาหาร

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset