สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 45 อย่าทำแบบนี้

ตอนที่ 45 อย่าทำแบบนี้  
“ขอร้องคุณเถอะนะ ปล่อยฉันไปเถอะ อย่าทำแบบนี้เลย” อย่ามาจูบฉันแบบนี้เลย ฉันกลัว
ไม่ทันได้คิดว่าเขากำลังพูดอะไร พอได้อิสรภาพ เซี่ยชีหรั่นก็รีบพลิกตัวลุกขึ้นมานั่ง
“นอนลงมา มาพูดให้ฉันฟังต่อ พูดเรื่องอื่นๆอีก”
ภายในใจของเธอก็ถอนหายใจออกมา แล้วเอนกายลงนอนตามคำสั่งของเขา
เขาพูดว่าไม่ให้เอ่ยถึงเรื่องความรัก เธอก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยออกมาอีก
คิดไปแล้วก็ยังคิดว่าถ้าเล่าเรื่องตอนเด็กก็คงไม่กระตุ้นอารมณ์เขาขึ้นมาง่ายๆแน่ ก็เลยเอ่ยปากพูดออกมาเสียงเบา “คุณเย่ งั้นฉันขอเล่าเรื่องตอนเด็กของฉันให้คุณฟังก็แล้วกัน ดีมั้ยคะ?”
เขาก็ไม่แสดงท่าทีอะไร ก็คงจะพูดเรื่องนี้ได้
ค่ำคืนที่เงียบสงัด ทุกพยางค์ที่หลุดออกมาจากปากของเธอนั้นมีความนิ่งสงบแต่ก็ยังงดงาม
น้ำเสียงอ่อนโยนของเธอ เหมือนกับกำลังเล่านิทานให้เด็กฟัง
”ฉันเติบโตมาจาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ไม่รู้ว่าพ่อแม่เป็นใคร เจ้าของที่นั่นบอกว่าในตอนนั้นเจอฉันถูกทิ้งอยู่หน้าประตู ฉันนอนอยู่บนกระดานโฟม มีอายุเพียงหนึ่งถึงสองเดือน ตอนนั้นเป็นฤดูร้อน ครูใหญ่ของพวกเราก็ตั้งชื่อให้ฉันว่าเซี่ยชีหรั่น ตอนฉันเด็กๆฉันเป็นคนเงียบๆ ไม่ชอบพูดจา คนที่มารับเด็กไปอุปการะล้วนก็ชอบเด็กที่สดใสมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย ดังนั้นฉันก็แทบจะไม่มีคนสนใจเลย”
ท่ามกลางความมืดคิ้วของเย่เชินหลินก็กระตุกขึ้นมา แต่ก็ไม่ส่งเสียงอะไรออกมา
“ในตอนนั้นสิ่งที่ฉันคาดหวังที่สุดก็คือจะมีสักวันที่มีคนมารับฉันไปเลี้ยงสักที สามารถออกไปจากที่นี่ที่มีแต่เด็ก ครูใหญ่และอาสาสมัครที่สูงอายุ ฉันอยากมีพ่อมีแม่ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามีเด็กผู้ชายผิวขาวคนนึง เขาอายุมากกว่าฉันไม่กี่ปี เขาดูแลฉันเหมือนกับพี่ชายของฉัน ถ้ามีใครมาแกล้งฉัน เขาก็จะพุ่งเข้ามาทะเลาะกับคนนั้น หน้าตาของเขาหล่อเหลา หลายคนที่มารับเด็กไปอุปการะต่างก็เลือกเขา อยากพาเขาไป แต่ทุกครั้งเขาก็บอกว่าถ้าอยากจะรับเขาไปเลี้ยง ก็ต้องเอาฉันไปด้วย คุณลองคิดดูสิ จะมีกี่ครอบครัวกันที่อยากจะมีเด็กสองคนพร้อมกัน? ก็แค่เป็นแบบนี้ฉันจึงอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนถึงสามขวบ ในที่สุดก็เจอคนที่ยอมรับทั้งฉันและเขาไปอุปการะแล้ว พ่อแม่บุญธรรมให้เขาใช้นามสกุลเดียวกันกับพวกเขา แซ่โม่ แต่เพราะฉันเป็นแค่ของที่แถมเข้ามา ดังนั้นจึงยังต้องใช้ชื่อเดิม แต่เดิมพวกเขามีบุตรยาก แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อรับพวกเรามาเพียงไม่นานก็ตรวจพบว่าแม่บุญธรรมได้ตั้งครรภ์เสียแล้ว”
เซี่ยชีหรั่นเงยหน้ามองเพดาน ดูเหมือนว่าจะติดอยู่ในห้วงความทรงจำ หลังจากพูดออกไปมากมายก็นึกขึ้นมาได้ว่าตนกำลังคุยอยู่กับใคร
เธอพลิกตัวไปอีกด้าน มองไปยังเย่เชินหลิน แล้วถามเขาออกมา “คุณเย่คะ คุณหลับแล้วหรือยัง? เรื่องที่ฉันพูดมันน่าเบื่อมากเลยใช่มั้ยคะ?”
“พูดต่อสิ!” เขาเอ่ยเรียบๆออกมาเพียงสามคำ ฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้วก็เดาได้ไม่ยากนักว่าท่าทีของเขายังไม่แข็งกระด้างขนาดนั้น
“หลังจากที่แม่บุญธรรมตั้งท้องในบ้านก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาเล็กน้อย การใช้ชีวิตก็ไม่ได้ดีไปกว่าแต่ก่อน พวกเขาปรึกษากันว่าอยากส่งพวกเรากลับไป เพราะว่ายังไม่ได้ตัดสินใจ ผ่านมาจนถึงตอนที่ลูกของพวกเขาคลอดออกมา เป็นผู้หญิง แม่บุญธรรมก็ไม่สามารถให้กำเนิดลูกคนที่สองออกมาได้อีก พ่อบุญธรรมก็ยิ่งเป็นพวกให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง จึงตัดสินใจเลี้ยงพวกเราต่อไป”
หลังจากนั้นชีวิตก็ยากลำบาก เซี่ยชีหรั่นที่อายุเพียงไม่กี่ขวบก็เริ่มดูแลโม่เสี่ยวหนง แม้ว่าจะอายุมากกว่าเธอเพียงแค่สามสี่ปีเท่านั้น แต่กลับต้องกลายเป็นแม่คนที่สองของเธอไปโดยปริยาย
ไม่ว่าเสี่ยวหนงจะทำอะไรผิดก็ตาม เธอก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบเองทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวจุนที่คอยช่วยเหลือเธออยู่ตลอด ก็ไม่รู้เลยจริงๆว่าเธอรอดชีวิตมาได้ยังไงตั้งหลายปี
เธอไม่ได้พูดต่อออกไป แต่เย่เชินหลินกลับรู้ว่าสิ่งที่เธอไม่ได้พูดออกมาคืออะไร เขาถามออกมาหนึ่งประโยค “ตอนนั้นเจ็บปวดมาก?”
เธอตกตะลึง แล้วรีบส่ายหัวเบาๆ แล้วเอ่ยออกไป “ไม่ค่ะ มีความสุขมาก!”
ใช่แล้ว อย่างน้อยก็ยังมีเสี่ยวจุน ดังนั้นทุกความขมขื่นจึงกลายเป็นความสุขขึ้นมา
อาจเป็นเพราะตอนกลางดึกคนจะสามารถอำพรางตัวเองได้ง่าย และอาจเป็นเพราะสิ่งที่ผ่านมาของเธอทำให้ในใจของเย่เชินหลินสัมผัสได้ มีความคิดหนึ่งที่ผุดออกมา เขาอยากจะให้โอกาสเธอสักครั้ง ฟังเธอบอกกับเขาด้วยตัวเอง ว่าเธอเข้ามาเป็นหนอนบ่อนไส้ที่นี่
ถ้าเธอยอมรับตรงๆ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะยอมยกโทษให้เธอ
“เซี่ยชีหรั่น ทำไมเธออยากมาเป็นสาวใช้ของที่นี่?”
“ฉัน…..” เซี่ยชีหรั่นอยากเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา แต่เมื่อคิดถึงเรื่องหนึ่งปีที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่ที่เธอพบเจอล้วนเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก เธอถูกเอาเปรียบ ถูกใส่ร้าย ถูกหักหลัง เธอไม่อาจเอาโอกาสเพียงหนึ่งเดียวของตนมาเสี่ยง ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะโกหกต่อไป
“ฉันต้องการเงิน คุณเย่ ลูกสาวของพ่อแม่บุญธรรมของฉันยังอยู่…..”
“ไม่ต้องพูดออกมาแล้ว! นอนไป!”
เซี่ยชี่หรั่นก็เงียบลง เธอรู้ว่าเย่เชินหลินเริ่มโกรธขึ้นมาแล้ว เขาอาจเดาได้ว่าเธอไม่ได้มาเพื่อเงิน เขาจะต้องเกลียดที่คนอื่นพูดเรื่องโกหกกับเขาแน่ๆ
ลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบ ๆ แล้วกลับไปนอนลงบนโซฟาอีกครั้ง
เธอยังไม่นอน คอยฟังเสียงการเคลื่อนไหวของเขาอยู่ตลอด
พรุ่งนี้เจอกับท่านประธานเย่ ถ้ามันผ่านไปได้ด้วยดี เธอก็จะออกไปจากที่นี่
เรื่องที่ผ่านมานั้นก็ไม่นับว่าจะมีความสุข แต่เธอไม่สามารถบอกได้ว่าเมื่อถึงเวลาที่จะต้องไปแล้วทำไมเธอยังถึงลังเลที่จะจากไป นั่นเป็นเพราะผู้ชายที่เข้าใจยากที่คอยสั่งให้ขึ้นเตียงอยู่ตลอดหรอ?
เธอกับเขา แม้แต่เพื่อนก็ไม่อาจเป็นได้ แต่กลับทำสิ่งที่คนรักหลายคนมักจะทำกัน เธอโดนเขาแกล้งไม่หยุด โดนเขาจูบ เขามีความคิดที่ชัดเจนแบบนั้นให้กับเธอ ตัวเธอเองราวกับมีบางช่วงที่เผลอไปเช่นเดียวกัน
ไม่ นี่ไม่ใช่หวั่นไหว มันเป็นเพียงแค่สัญชาตญาณอย่างหนึ่ง
เหมือนกับเจออาหารแล้วอยากกินขึ้นมา เหมือนกันกับเจอน้ำแล้วอยากดื่ม ไม่อาจเอามาเกี่ยวรวมกับความรักได้
ความสัมพันธ์ต่อโม่เสี่ยวจุนอันที่จริงแล้วนั้นมันมากกว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวเสียอีก เขามักจะโอบไหล่ของเธอเดิน เธอก็มักจะคล้องแขนเขาอยู่บ่อยๆเช่นเดียวกัน แต่พวกเราทั้งสองไม่เคยมีจูบที่ร้อนแรงด้วยกัน
แต่เขาจูบเธอ แล้วมักจะจูบหน้าผากเธอเสมอ
บางทีมากสุดพวกเขาก็อาจจะเป็นเพียงมีความสัมพันธ์แบบพึ่งพาซึ่งกันและกันทางจิตวิทยาอย่างหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นแบบนี้ แต่ใจของเธอนั้นก็มีเพียงเสี่ยวจุนคนเดียว ไม่อาจรับคนที่สองเข้ามาได้อีก
ฟ้ายังไม่สว่าง ท่านพ่อบ้านก็มาถึงเรือนใหญ่เพื่อมารับใช้คุณผู้หญิงของบ้าน ฝู้เฟิ่งหยีที่ตื่นก่อนเย่เชินหลิน หล่อนกำชับหลายครั้งว่าหล่อนอยู่ที่นี่ เย่เชินหลินจะต้องไม่ตื่นเช้าเป็นกว่าปกติเพื่อหล่อน แต่ท่านพ่อบ้านกลับไม่กล้าปล่อยให้หล่อนเดินเล่นในบ้านคนเดียว
เขาเดินตามก้าวของฝู้เฟิ่งหยีอย่างกระตือรือร้น  บิดเอวเล็กน้อย เธอยังคงดูอารมณ์ดี เขาแสร้งทำเป็นพูดโดยไม่ตั้งใจออกมา “คุณผู้หญิงครับ เมื่อคืนเซี่ยชีหรั่นอยู่ในห้องของคุณเย่ทั้งคืนเลยครับ”
เบื้องหน้าของฝู้เฟิ่งหยีก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่จริงๆแล้วก็ตกใจไม่น้อยเลย
หล่อนมีสายอยู่ใกล้ๆลูกชาย ไม่ว่าเขาจะมีผู้หญิงกี่คน แต่ก็ไม่เคยมีใครที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในตึกใหญ่ข้ามคืน ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีใครอยู่ในห้องนอนเขาเลย
คนแซ่เซี่ยนอกจากสวยแล้ว ยังมีอะไรมาดึงดูดลูกชายของหล่อนกัน มาทำให้เขาเปลี่ยนไปกัน?
“คุณผู้หญิง?”
“ท่านพ่อบ้าน ท่านคิดว่าดอกไลลักในสวนลดน้อยลงไปบางส่วนใช่มั้ย? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ากลิ่นมันยังไม่เข้มพอน่ะ”
ในใจของท่านพ่อบ้านกระวนกระวายไปหมด ในใจคิดว่า ไม่ใช่ว่าหล่อนจะถามก่อนว่าเหล่าสาวใช้ได้ทำตามกฎกันมั้ย? ทำไมเขารายงานให้หล่อนฟังแล้ว หล่อนยังคงจงใจที่จะเบี่ยงประเด็นกัน
ฝู้เฟิ่งหยีเดินไปด้านหน้าไม่กี่ก้าว หยุดอยู่ด้านหน้าต้นไลลักต้นหนึ่ง หลับตาดมกลิ่น เอ่ยออกมาช้าๆ “ในความคิดของท่านพ่อบ้าน ถ้าหากว่าส้งหลิงหลิงอยู่ที่นี่ ควรจะอยู่ห้องไหนดีล่ะ?”
ในบ้านมีคุณผู้หญิงหลายคนสำหรับท่านพ่อบ้านแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร การปฏิบัติต่อเธอก็ไม่กล้าที่จะปฏิบัติแบบพวกสาวใช้เหล่านั้น ใบหน้าต้องพกรอยยิ้มทั้งวัน ต้องดูแลรับใช้อย่างระมัดระวัง
แต่เขากังวลว่า เจิ้งเห่าจะจดจำเซี่ยชีหรั่นไม่มีวันลืม หรือไม่ก็จะต้องหาทางรีบไล่หล่อนออกไป
ท่านพ่อบ้านคิดพิจารณาอยู่ครู่นึง แล้วเอ่ยออกมาว่า”คุณผู้หญิงครับ ผมคิดว่าถ้าหากคุณหนูส้งได้อยู่ห้องเดียวกับคุณเย่จะทำให้ทั้งสองคนเกิดความรู้สึกที่ดีต่อกันมากขึ้นแน่ๆครับ”
โม่เอ๋อจะยอมหรือเปล่า? ฝู้เฟิ่งหยีคิดในใจ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ฝู้เฟิ่งหยีไม่แสดงอาการอะไรออกมา ท่านพ่อบ้านก็พูดอย่างระมัดระวังขึ้นอีกที “คุณผู้หญิงครับ คุณเย่คงใกล้ตื่นนอนแล้ว คุณ……”
“ไปดูกันเถอะ”
หล่อนได้เห็นกับตาตัวเอง ถึงจะเชื่อว่าลูกชายเอาสาวใช้คนนั้นมากกอยู่ในห้องทั้งคืนจริงๆ
ท่านพ่อบ้านประคองหล่อนเอาไว้ นึกถึงในเรื่องความฝันในหอแดงที่คุณนายหวังได้ทำกับฉิงเหวิน ก็คิดได้ว่าเพียงปล่อยให้คุณนายเห็นเซี่ยชีหรั่นอยู่ที่นั่น หล่อนจะต้องจบไม่สวยแน่
“คุณผู้หญิงครับ ผมว่าผมขึ้นไปด้วยคงไม่ดีเท่าไหร่” ท่านพ่อบ้านประคองร่างของฝู้เฟิ่งหยีเข้าไปในห้องโถงใหญ่ แล้วเอ่ยออกมา
“ท่านพ่อบ้านไปทำธุระอื่นเถอะ”
เขาก็เป็นหนึ่งในสายของหล่อน ฝู้เฟิ่งหยีไม่อาจทำให้เขาลำบากใจเกินไป
หลังจากที่ท่านพ่อบ้านเดินออกไป หล่อนก็เดินนวยนาดไปถึงหน้าประตูห้องของเย่เชินหลิน จากนั้นก็เคาะประตู ถามเสียงเบา “โม่เอ๋อตื่นแล้วหรือยังลูก?”
เมื่อฟ้าสางทั้งสองคนก็ถึงจะต่างคนต่างนอน เย่เชินหลินเพิ่งจะตื่นนอน เซี่ยชีหรั่นยังคงนอนหลับสนิท
ในความฝันมีเสียงหนึ่งดังออกมา เซี่ยชีหรั่นก็ตื่นขึ้นมาทันใด พอดีกับได้ยินเสียงฝู้เฟิ่งหยีถามออกมาอีกครั้ง “โม่เอ๋อตื่นหรือยังลูก?”
เธอสะดุ้งลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วมองไปยังเย่เชินหลิน จากนั้นก็หันมามองตัวเอง เธอรู้ว่าระหว่างพวกเขาทั้งสองคนไม่มีอะไรกัน แต่แม่ของเขาจะเชื่อหรือเปล่านี่สิ?
“เธอไปเปิดประตูสิ!” เย่เชินหลินลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง สั่งเซี่ยชีหรั่นเสียงต่ำ
สีหน้าของเขาไม่ดีเลย คงเป็นเพราะโกรธเรื่องที่เธอโกหกเมื่อคืนแน่
เซี่ยชีหรั่นทำได้เพียงภาวนา คุณผู้หญิงเข้าใจผิดว่าเธออยู่ที่นี่ทั้งคืนมันจะไม่เป็นอะไรเลย แต่อย่าได้ไล่ให้เธอออกไปจากที่นี่เลย
“ค่ะ คุณเย่!” เธอตั้งใจเพิ่มระดับเสียงขึ้นเล็กน้อย เพื่อพยายามบอกให้คุณผู้หญิงรู้ว่าเธอก็แค่เพียงกำลังดูแลเขาอยู่ที่นี่เท่านั้น
เดินมาถึงประตูก็บิดประตูเพื่อเปิดออกไป เธอโค้งคำนับให้กับฝู้เฟิ่งหยีหนึ่งครั้ง เอ่ยด้วยเสียงเบา “อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณผู้หญิง!”
หล่อนอยู่ในห้องของโม่เอ๋อจริงๆ ผมเผ้ายังคงยุ่งเหยิง เดินเท้าเปล่ามาเปิดประตู
ทั้งสองคนนี้ล้วนเป็นหนุ่มสาวทั้งคู่ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเย่เชินหลินเป็นที่รู้จักกันในนามเพลย์บอย ถ้าจะบอกว่าทั้งสองคนอยู่ด้วยกันทั้งคืนแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หล่อนไม่มีทางเชื่อแน่ และไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่มีทางเชื่อ
ฝู้เฟิ่งหยีกวาดตามองรอบๆจนทำให้เซี่ยชีหรั่นยิ่งทวีความอึดอัด เย่เชินหลินลุกลงมาจากเตียงเหมือนกับไม่มีอะไร เดินเข้าไปข้างๆแม่ของตน ถามด้วยรอยยิ้ม “แม่ครับ เมื่อคืนหลับสบายดีมั้ยครับ?
ฝู้เฟิ่งหยีไม่เอ่ยอะไรกลับมา หันกลับไปมองเซี่ยชีหรั่น แล้วเอ่ยสั่งออกมา “เธอออกไปก่อน ไปรออยู่ที่ห้องโถง อย่าไปไหนไกลล่ะ”
แย่แล้ว ดูจากท่าทางของคุณผู้หญิงแล้ว เกรงว่าอยากจะไล่เธอออกไปโดยเร็วแน่
ในขณะที่เซี่ยชีหรั่นกำลังร้อนใจนั้น มองไปยังเย่เชินหลินอย่างขอความช่วยเหลือ เธอหวังว่าเขาจะเป็นเหมือนตอนที่อยู่ในห้องครัวเมื่อวานเป็นอย่างมาก ช่วยเอ่ยพูดแทนเธอ เพื่อไม่ให้คุณผู้หญิงเข้าใจผิด

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset