สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 46 ขอบคุณมากๆ

ตอนที่ 46 ขอบคุณมากๆ
เดิมเย่เชินหลินก็ไม่ได้มองเธอ ก็เลยเหมือนกับว่าเขาไม่รับรู้เลยว่าเธอกำลังขอความช่วยเหลือจากเขาอยู่
เซี่ยชีหรั่นรู้ว่าถ้าเธอยังดื้อด้านพยายามอธิบายอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ อยู่ที่นี่เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะเอ่ยอะไรออกมา
“ค่ะ คุณผู้หญิง” เธอตอบรับอย่างจำใจ แล้วเดินไปสวมรองเท้าที่วางไว้ด้านข้างประตูจากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
เธอเพิ่งออกจากห้องไป ฝู้เฟิ่งหยีก็พูดกับเย่เชินหลินด้วยใบหน้านิ่งตึง “เรื่องของหล่อน ลูกจะต้องจัดการให้เรียบร้อย ถ้าไม่เห็นแก่หน้าตัวเองก็เห็นแก่หน้าแม่บ้าง สรุปสั้นๆเลยว่า หล่อนควรจะออกไปจากที่นี่ ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”
หลายปีที่ผ่านมาฝู้เฟิ่งหยีล้วนให้ความสำคัญอบรมสั่งสอนลูกอย่างเข้มงวด น้ำเสียงที่พูดไม่ดังนัก แต่เซี่ยชีหรั่นก็ไม่ได้อยู่ไกลจากตรงนั้นเลยได้ยินทั้งหมด
เธออยากจะคอยอยู่หน้าประตูเพื่อรอฟังว่าเย่เชินหลินจะพูดยังไงออกมา ในช่วงสำคัญก็อยากจะพุ่งเข้าไปแย้งให้ตัวเองสักสองสามประโยค แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็จะเสียมารยาทเกินไป ดังนั้นเธอจึงต้องไม่หยุดที่จะก้าวเท้าออกไป ตอนที่มุ่งหน้าไปยังห้องโถงใหญ่ก็คอยภาวนาอย่างเงียบๆ คนแซ่เย่จะต้องมีความเมตตา ให้เธอได้อยู่ที่นี่ต่อไป
เพียงแค่วันเดียวก็ยังดี เธอจะซาบซึ้งไปชั่วชีวิต เย่เชินหลิน คุณได้ยินเสียงฉันหรือเปล่า?”
ในโลกนี้มีเพียงสองคนที่กล้าสั่งสอนเย่เชินหลิน คนหนึ่งคือย่าของเขา ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือแม่ของเขา ผู้หญิงสองคนนี้ล้วนเป็นผู้ที่เขาเคารพรักที่สุด
ถ้ามีคนอื่นมากล้าทำแบบนี้กับเขา คนคนนั้นคงต้องไม่ตายดีแน่
“พูดออกมาสิ!” แม่ของเขานำมาดเจ้าระเบียบเหมือนตอนที่อยู่ที่ทำงานออกมาใช้ ในคำพูดที่เอ่ยออกมานั้นไม่ปล่อยให้เขาได้ออกความเห็นต่างได้เลย
เขาประคองแขนของแม่ ใบหน้าเผยรอยยิ้มเล็กน้อย เอ่ยออกมาว่า “แม่ครับ ตอนนั้นแม่ยังเป็นนางพญาที่คอยกุมอำนาจ ทำไมแค่เรื่องสาวใช้คนหนึ่งถึงได้สะกิดอารมณ์ขึ้นได้ขนาดนี้ล่ะครับ? ถ้าแม่ไม่ชอบ ผมให้แม่ไล่เธอออกไปก็ได้ แล้วแม่ยังคิดว่าผมจะยังอาลัยอาวรณ์หล่อนอีกมั้ย?
ฝู้เฟิ่งหยีนั่งลงข้างเตียง สำรวจสีหน้าลูกชายอย่างเอาจริงเอาจัง
เด็กน้อยของเราโตขึ้นมากจริงๆ บางครั้งความคิดของเขานั้น ผู้เป็นแม่อย่างเธอเองก็คาดเดาไม่ออกเช่นกันว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ถ้าเขาไม่ชอบ แล้วทำไมถึงได้ให้อยู่ในห้องทั้งคืนกัน?
ถ้าชอบจริงๆ แล้วทำไมถึงได้ปล่อยให้ไล่ออกไปง่ายๆกัน? เมื่อก่อนเขาไม่ได้เป็นเช่นนี้ นึกถึงเรื่องราวเก่าๆขึ้นมา ที่ยังคอยตามหลอกหลอนอยู่ในใจของเธอ
เขาบอกให้เธอไล่ออกไป เธอทั้งยังตะขิดตะขวงใจ และยังคงลังเลอยู่บ้าง
เพียงชั่วพริบตาเดียวฝู้เฟิ่งหยีก็ได้สงบสติอารมณ์ลง เธอตบลงไปบนมือลูกชายเบาๆ เอ่ยเสียงนิ่ง “แม่เห็นหล่อนอยู่ในห้องลูก นาทีนั้นก็รู้สึกโมโหจริงๆ จนแม่เกือบลืมไปว่า ลูกของแม่เป็นคนยังไง จัดการเรื่องผู้หญิง เคยให้แม่สอดมือเข้าไปจัดการเองซะที่ไหน ลูกคิดหาวิธีจัดการเองเถอะ วันนี้เป็นวันเกิดของลูก เรื่องนี้เอาไว้ค่อยคุยกันดีกว่า อย่าเอามันมารบกวนจิตใจลูกเลย”
สิ่งสำคัญของวันนี้ก็คือจะต้องเสริมความสัมพันธ์ของพวกเขาสองพ่อลูกให้ดีขึ้น ถ้าตอนนี้เธอบังคับเขาให้ไล่ผู้หญิงที่ชอบออกไป เขาจะต้องอารมณ์ไม่ดีแน่ฝู้เฟิ่งหยีเองก็ได้คำนึงถึงจุดนี้
นอกจากนี้เธอยังเชื่อมั่นว่าลูกชายของเธอนั้นมีความสามารถในการจัดการกับสิ่งเหล่านี้ ผลการทำงานที่อยู่ภายใต้การบริหารของเขาเติบโตขึ้นทุกปีอย่างที่รู้ๆกันอยู่ ลูกชายของเธอเป็นผู้บริหารที่ยอดเยี่ยม
เขาควบคุมคนเก่งมากมายได้อย่างง่ายดาย เพียงผู้หญิงคนเดียว เขายังจะรับมือไม่ได้เชียวหรือ?
เซี่ยชีหรั่นรออยู่ในห้องโถงด้วยใจกระสับกระส่าย เดินไม่หยุด ร้อนใจราวกับโดนเผา
ท่ามกลางการรอคอยที่ยาวนาน ในที่สุดเธอก็ได้ยินเสียงการก้าวเท้าอย่างมั่นคง เธอก็รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงฝีเท้าของเย่เชินหลิน เธอเงยหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังก้าวเข้าไปหาเขา
เขายังคงสีหน้าเรียบนิ่ง มองไม่ออกว่าใจของเขาคิดอะไร
เธอระงับความอยากที่จะวิ่งไปถามเขาเอาไว้ ก้มหน้ารออย่างเขาเข้ามาอย่างใจเย็น ท่ามกลางความวุ่นวาย นิ้วมือก็บิดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
เขากวาดตามองเธออย่างเย็นชา คิดในใจ ร้อนใจแล้วใช่มั้ย? กลัวว่าจะโดนไล่ออก แล้วทำภารกิจของตัวเองไม่สำเร็จสินะ? กลัวว่าคนแซ่ไห่จะผิดหวังในตัวเธอสินะ?
ฉันควรส่งคนเอาเธอโยนทิ้งออกไปในตอนนี้เลยจริงๆ ผู้หญิงหลอกลวงอย่างเธอ ไม่ควรเก็บเอาไว้!
เมื่อวานเขาช่วยเอ่ยปากพูดกับแม่แทนเธอ ตอนนั้นเขาเพิ่งจูบเธอเสร็จพอดี บางทีสติอาจจะยังคงกลับมาไม่เต็มร้อย เมื่อคืนเธอปฏิเสธที่จะเป็นผู้หญิงของเขา แล้วยังโกหกเขาอีก เดิมทีเขาก็โกรธอยู่แล้ว เขาจึงไม่มีทางขัดแม่ผู้ที่เขาเคารพที่สุดเพื่อเธอแน่
“คุณเย่คะ!” เธอเอ่ยเรียกเขา นี่เป็นการตัดสินใจขั้นสุดท้าย เธอจะต้องขอโทษเขา แล้วบอกความจริงกับเขา
เธอพนันได้เลยว่าเขาความเป็นธรรมให้เธอแน่ เขาจะต้องยอมช่วยเธอแน่
เย่เชินหลินไม่ได้หยุดก้าวเท้า และไม่ได้หันกลับมา เพียงเอ่ยออกมาเสียงเย็น “ยังไม่ตามมาอีก? อยากจะให้ฉันไล่เธอออกใช่มั้ย?”
เซี่ยชีหรั่นราวกับได้รับการละเว้นโทษให้ ก็ทำความเข้าใจขึ้นมาทันที เขาจะต้องแอบช่วยเธอลับหลังแน่ๆเลย
เธอสามารถอยู่ต่อได้แล้ว อดไม่ได้ที่จะดีใจขึ้นมา รีบวิ่งเขาไปด้านหน้าของเขา เงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงทะมึน ยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยออกมา “คุณเย่คะ ขอบคุณคุณมากๆเลยค่ะ!”
เขาหยุดก้าวเท้าลง มองลงไปที่ดวงตาที่เปล่งประกายของเธอ เอ่ยปากพูดออกมาอย่างช้าๆ “ไม่ต้องมาขอบคุณฉันหรอก ที่เก็บเธอไว้ที่นี่ก็เพราะฉันยังมีความสนใจต่อร่างกายของเธออยู่บ้าง”
ริมฝีปากของเขาแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย จ้องมองเธออย่างหื่นกระหาย แล้วก้าวเดินเข้ามาข้างหน้าอีกครั้ง
เซี่ยชีหรั่นถูกการกระทำหยอกเย้าเช่นนี้ของเขาจนจิตใจและร่างกายของก็รู้สึกผิดแปลกไป เธอยับยั้งอาการสั่นจนพูดออกมาได้ไม่ชัดเจนนั้นเอาไว้ ก้มหน้าแล้วเดินตามหลังเขาไป
เย่เชินหลินเดินไปยังห้องออกกำลังกาย เนื่องจากว่าได้คุยอยู่กับแม่ของเขาครู่นึงแล้ว จึงทำให้วันนี้เลยสายกว่าปกติ เหล่าสาวใช้ก็ได้รออยู่ในห้องออกกำลังกายกันแล้ว
สำหรับเธอแล้ว การตื่นสายของคุณชายใหญ่เป็นเพราะเมื่อคืนคอยดื่มด่ำความสุขอยู่กับเซี่ยชีหรั่น ดังนั้นในใจของจ้าวเทียนอั้ย ฟางลี่น่าและอีกหลายๆคนจึงรู้สึกริษยาขึ้นมา
ท่านพ่อบ้านมองเซี่ยชีหรั่นที่ยืนอยู่ข้างเย่เชินหลินอย่างไม่ทุกข์ร้อนราวกับไม่ได้ประสบปัญหาใดๆ ในใจก็กัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชัง มีพียงจิ่วจิ่วกับหลิวเสี่ยวเจียวที่ดูเหมือนกับว่ารู้สึกยินดีใจไปกับเซี่ยชีหรั่น
เหล่าสาวใช้ทั้งหลายได้อยู่คอยรับใช้เย่เชินหลินจนเสร็จ ก่อนที่จะรับประทานอาหาร ท่านพ่อบ้านก็กำชับสามคนนั้นเป็นพิเศษ “คุณผู้หญิงยังอยู่ที่นี่ ห้ามทำอะไรหล่อน อดทนเอาไว้ก่อน”
ฟางลี่น่าและจ้าวเทียนอั้ยเต็มไปด้วยแรงโกรธ แต่ก็ไม่กล้าที่จะลงมือกับเซี่ยชีหรั่น
ไม่อาจกลั่นแกล้งเซี่ยชีหรั่นตรงๆได้ ท่านพ่อบ้านก็ยังยอมแพ้ที่จะแอบจัดการหล่อน หลังจากที่ทำงานช่วงเช้าแล้ว เขาก็พาเซี่ยชีหรั่นมาที่สวนดอกไม้ ใช้ให้เธอถอนหญ้าท่ามกลางแสงแดดจ้าของตอนกลางวัน
ทำงานเหนื่อยต่อเนื่องกันมาหลายวัน บวกกับแดดร้อนเปรี้ยง เซี่ยชีหรั่นจึงรู้สึกหนักหัวและตัวเบาไม่มีแรงขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ทั้งยังรู้สึกอยากอ้วกตลอดเวลา
“ท่านพ่อบ้าน ตัวฉันเองค่อยสบาย ให้ฉันพักสักหน่อยได้หรือเปล่าคะ?” เธอเดินเข้าไปในศาลาวอนขอต่อท่านพ่อบ้านที่คอยกำกับดูแลเธอ เธอไม่กลัวว่าตัวเธอจะเหนื่อย เพียงแต่กลัวว่าในมื้อเย็นวันนี้ที่มีโอกาสที่จะได้พบกับท่านประทาน จะไม่มีเรี่ยวแรงเหลือ
ใบหน้าของเธอโดนแดดเผาจนแดงไปหมด มองไม่เห็นสีหน้าที่ไม่ดีออกมา
ในใจของท่านพ่อบ้านมีความขุ่นเคือง ยามเอ่ยปากพูดด้วยคำพูดทิ่มแทงจิตใจอย่างจงใจ
“เซี่ยชีหรั่น นี่หล่อนคิดว่าพอขึ้นเตียงกับคุณเย่แล้วก็ไม่ต้องทำงานหนัก แล้วจะโบยบินขึ้นไปอยู่ดั่งหงส์อย่างนั้นหรอ? คุณเย่พูดมาเพียงแค่ว่าไม่ให้จิ่วจิ่วทำงานหนัก แต่ไม่ได้บอกว่าไม่ให้หล่อนทำ ฉันคิดว่าเธอจัดการสวนดอกไม้ที่ฉันสั่งให้เรียบร้อยจะดีกว่า อย่ามาแสร้งป่วยแถวนี้!”
“ท่านพ่อบ้าน ฉันไม่สบายจริงๆนะคะ” เซี่ยชี่หรั่นพยายามอธิบาย แต่ท่านพ่อบ้านกลับยิ้มเย็นออกมา แล้วเอ่ยออกมาว่า”ได้เลย ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไปรายงานให้คุณผู้หญิงรับทราบ ว่าหล่อนไม่อยากทำงาน ดูสิว่าท่านจะฟังหล่อนมั้ย”
ท่านพ่อบ้านยกคุณนายตระกูลเย่ออกมา เซี่ยชีหรั่นก็หมดหนทางแล้วจริงๆ คนแซ่เย่จะฟังคำของของเธอ แต่คงไม่อาจให้เธอขอได้ทุกครั้ง แม้ว่าจะขอเขาได้ แต่เธอเองก็ไม่ควรรบกวนในวันเกิดของเขา
“ไม่ต้องแล้ว ฉันจะทำต่อเอง” เธอยืนหยัดออกมา ภายใต้การสังเกตการณ์อย่างพอใจของท่านพ่อบ้าน ก็กลับเข้าไปในสวนอีกครั้ง
ตอนบ่ายเซี่ยชีหรั่นก็มาเตรียมมื้อเย็นพร้อมกับคนอื่นๆ โดยไม่ได้หยุดพัก
ตอนใกล้ค่ำส้งหลิงหลิงก็มาถึง คนขับรถของเธอถูกเธอสั่งให้กลับไป ข้างกายเหลือไว้เพียงแค่ผู้ช่วยสาวที่ประกบคอยดูแล
เย่เชินหลินนั่งลงข้างๆฝู้เฟิ่งหยี ในห้องโถงใหญ่มีแขกพิเศษอย่างส้งหลิงหลิง เซี่ยชีหรั่นและซุนเหมิงเหมิงถูกจัดมาให้ดูแลเธอโดยเฉพาะ ยืนก้มหน้าห่างจากพวกเขาไม่ไกล
หลังจากส้งหลิงหลิงได้รับการต้อนรับจากทุกคน ก็เกิดอาการเขินอายขึ้นมา แล้วยังมองเย่เชินหลินอย่างซุกซน แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกับเขา แล้วได้จับมือกับฝู้เฟิ่งหยีอย่างเป็นสนิทสนม พร้อมกับร้องเรียกออกมา “คุณป้าคะ!” จากนั้นก็กอดเธอ
“ดีจริงๆ ที่หนูได้มาร่วมวันเกิดโม่เอ๋อป้าดีใจมากๆเลย! นั่งลงเร็ว!” ฝู้เฟิ่งหยีตบลงบนมือของส้งหลิงหลิงเบาเบา ใบหน้ายิ้มอย่างสนิทสนม
“คุณป้าคะ หนูได้ยินมาว่าคุณป้าชอบหยก โดยเฉพาะหยกเหอเถียนจากซินเจียง ครั้งที่แล้วหนูไปงานประมูลแล้วไปเจอหยกเหอเถียนโบราณที่เอามาทำเป็นปิ่นรูปหงส์โดยบังเอิญ ปิ่นอันนี้เป็นเครื่องประดับชิ้นโปรดขององค์ไทเฮาแห่งจักรพรรดิหย่งเล่อในสมัยนั้น องค์ไทเฮาแห่งจักรพรรดิหย่งเล่อนั้นมากไปด้วยโชคลาภและมีอายุยืนยาว หนูเลยเอาเครื่องประดับชิ้นนี้มามอบให้กับคุณป้าค่ะ หวังว่าคุณป้าจะมีแต่โชคลาภและมีอายุยืนยาวยิ่งขึ้นนะคะ!”
ส้งหลิงหลิงพูดจบ ผู้ช่วยของเธอก็ได้ประคองกล่องใส่ผ้าสีทองที่หรูหราขึ้นมาก่อนแล้ว
“ลูกดูเด็กคนนี้สิ วันเกิดโม่เอ๋อทำไมหนูกลับมาให้ของขวัญป้าล่ะ?” ฝู้เฟิ่งหยีพูดอย่างเกรงใจ รู้สึกยินดีกับของขวัญจากส้งหลิงหลิงด้วยใจจริง
“คุณป้าคะ มีคำกล่าวเอาไว้ว่าวันเกิดของลูกคือวันที่แม่เจ็บปวดน คุณป้าให้กำเนิดเขามาอย่างยากลำบาก วันเกิดของเขาคุณป้าก็ต้องเป็นคนรับของขวัญอยู่แล้ว นี่ค่ะ หนูให้คุณป้า เดี๋ยวหนูใส่ให้นะคะ”
เพื่อให้ดูดีต่อหน้าฝู้เฟิ่งหยีแล้ว ส้งหลิงหลิงจึงต้องลงทุนมากขนาดนี้
หล่อนไม่เพียงแค่ตามหาหยกเหอเถียนจากทั่วทุกสารทิศ แต่ยังเรียนการมวยผมอยู่เป็นสิบวัน
ฝู้เฟิ่งหยีต้องการให้เธอดูดีต่อหน้าเย่เชินหลิน หลังจากที่ยกยอว่าเธอช่างรู้ความแล้วก็ยังกตัญญู เธอยอมรับอย่างเต็มใจ
เย่เชินหลินชิมน้ำชาอย่างช้าๆ ไม่ได้แสดงความยินดียินร้ายต่อการมาของส้งหลิงหลิง แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่สบายใจ
ส้งหลิงหลิงหยิบหวีสำหรับใช้มวยผมโดยเฉพาะและกิ๊บติดผมบางส่วนที่พกมาจากกระเป๋าสะพายที่อยู่กับผู้ช่วยออกมา เริ่มทำการมวยผมอย่างชำนาญ เพื่อให้หล่อนลงมือได้ทุกเวลา ท่านพ่อบ้านส่งสัญญาณให้เซี่ยชีหรั่นและซุนเหมิงเหมิงไปอยู่ช้างๆหล่อน
เซี่ยชีหรั่นที่พะอืดพะอมมาตั้งแต่ต้น เธอจึงกัดฟันแน่น ควบคุมสติ พยายามไม่ให้คนอื่นมองออกว่าเธอไม่สบาย
เธอหวังว่าเวลาจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ท่านประธานก็ใกล้จะมาถึงแล้ว แต่การมวยผมนั้นดูเหมือนว่าจะต้องใช้เวลานานพอสมควร
หลังจากส้งหลิงหลิงมวยผมยาวของฝู้เฟิ่งหยีเป็นมวยสวยงาม นำสเปรย์จัดแต่งทรงผมออกมาฉีดพ่นทั่วทุกด้านของมวยผม
กลิ่นของสเปรย์จัดแต่งทรงผมที่มีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ เซี่ยชีหรั่นระงับอาการคลื่นไส้ไม่ไหวอีกต่อไป ในขณะที่ทุกคนชื่นชมอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของฝู้เฟิ่งหยีอย่างเงียบๆนั้นเอง เธอส่งเสียง”อ้วก!”ออกมาทันที

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset