สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 489 สาวใช้ตัวแสบ 393

ตอนที่ 489 สาวใช้ตัวแสบ 393
ฝู้เฟิ่งหยีพยักหน้า หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าถือ จากนั้นก็กดโทรไปหาเย่เชินหลิน
ในวันที่ฤดูใบไม้ผลิ และแสงแดดที่อบอุ่นส่องประกายไปทั่วโลก เย่เชินหลินและ เซี่ยชีหรั่น หลังจากที่ทั้งสองคนหมั้นกันแล้ว ก็ตัวติดกันราวกับกาว อาจกล่าวได้ว่าติดกันจนเกือบจะแยกกันไม่ออก
ทุกอย่างดูราบรื่นและเป็นไปได้อย่างสวยงาม แต่ว่าดูไม่ออกเลยว่าชีวิตของพวกเขาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในวันนี้ และการเปลี่ยนแปลงนี้ก็มาจากสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เริ่มเติบโตอยู่ในท้องของผู้หญิงคนหนึ่ง
วันที่ฝู้เฟิ่งหยีและคุณนายไห่ เผชิญหน้ากับส้งหลิงหลิงและเซียวเสี่ยวลี่ คือวันอาทิตย์ หลังจากที่เซี่ยชีหรั่นกลายเป็นคุณนางเย่ แล้วก็ได้ให้สวัสดิการแก่คนงานในบ้าน ในวันหยุดสุดสัปดาห์ จะมีคนงานหนึ่งในสามส่วนที่สามารถพักผ่อนได้
เธอ และเย่เชินหลินก็จะเข้าครัวพร้อมกัน แบ่งปันเวลาว่างที่หายาก
ในช่วงบ่าย ไม่หนาวไม่ร้อน หลังจากที่เซี่ยชีหรั่นพักกลางวันเสร็จแล้ว เย่เชินหลิน
ก็อยากจะลากเธอออกไปช็อปปิ้งด้วยกัน พาเธอมาซื้อเสื้อผ้าใหม่สำหรับฤดูกาล
เซี่ยชีหรั่นมักจะไม่เข้าใจเสมอ ว่าทำไมทำเรื่องที่ทำร้ายร่างกายเหมือนกัน แต่เขาดูเหมือนว่าจะมีพลังมากขึ้น และเธอก็ต้องการเพียงอยากจะนอนหลับ ไม่อยากไปไหนทั้งนั้น
“ไม่ไปก็ได้ แต่อย่าทำให้บรรยากาศดีดีแบบนี้สูญเปล่าเลย ผมจะพาคุณไปนั่งชิงช้าดีกว่า” เย่เชินหลินล่อให้เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้นมาจากเตียง กลัวว่าเธอจะนอนหลับในช่วงกลางวันมากไป เดี๋ยวตอนกลางคืนจะนอนไม่หลับเอา
“ได้” เซี่ยชีหรั่นตอบตกลงทันที และตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่าจะไปชา แล้วเขาจะกลายร่างเป็นอสูรร้าย
เย่เชินหลินอ่อนโยนขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนมาก แม้ว่าจะไปเริ่มพูดคำพูดที่หวานเลี่ยนก่อน โดยเฉพาะคำว่าผมรักคุณ เขาเคยพูดเพียงไม่กี่ครั้งในวันที่หมั้นกัน ต่อมาไม่ว่าเซี่ยชีหรั่นจะงอแงมากแค่ไหน เขาก็ไม่พูดอีกแล้ว
ความอ่อนโยนของเขามักจะแฝงอยู่ในการกระทำ เซี่ยชีหรั่นยิ่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกได้ ผู้ชายคนหนึ่งหากเขารักผู้หญิงคนหนึ่งจริงๆ เขาจะสามารถเอาใจใส่ และพิถีพิถันได้มาก
ตั้งแต่อาหารการกิน และเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ จนถึงการออกกำลังกายและการพักผ่อนของเธอ รวมถึงเรื่องงานของเธอด้วย ดูเหมือนว่าเขาจะพิจารณาทุกอย่างจากทุกๆ ด้าน บ่อนครั้งสิ่งที่เธอคิดไม่ถึง เขาก็ได้ช่วยเธอคิดไว้ก่อนแล้ว
เธอยังจำวันที่กลับมาจากงานหมั้นนั้นได้ หลังจากร่วมรักกันเสร็จ เขาก็พาเธอไปดูห้องเด็กอ่อน
ห้องสีฟ้าเก็บไว้สำหรับลูกชาย และห้องสีชมพูเก็บไว้สำหรับลูกสาว เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ถามเขาอย่างไม่เชื่อ: “คุณรู้ได้ยังไงว่าเราจะมีลูกชายหนึ่งคนและลูกสาวหนึ่งคน? ฉันเคยฝันหลายครั้งแล้ว และทุกครั้งก็จะฝันเห็นว่าพวกเรามีลูกชายหนึ่งคนลูกสาวหนึ่งคน พวกเราคลอเคลียกันอยู่ที่ใต้ต้นไม่ต้นใหญ่ ตรงหน้าคือพื้นหญ้าที่กว้างใหญ่ ลูกของเราทั้งสองคนวิ่งเล่นไล่จับกันบนพื้นหญ้า”
“คุณเคยฝันแบบนี้ด้วยเหรอ? ทำไมไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงเลย” คิ้วของเย่เชินหลินขมวดขึ้น ไม่พอใจนิดหน่อยกับเรื่องที่เธอไม่ยอมบอก
“เมื่อก่อนคุณน่าน่ากลัวจะตายไป ฉันจะกล้าพูดได้ยังไง ดีไม่ดีเดี๋ยวคุณบอกว่าฉันเจตนาจะทำยังไง” เมื่อนึกถึงตอนนั้นวันเวลาที่ถูกเขาสงสัย เซี่ยชีหรั่นก็รู้สึกว่าความสุขในตอนนี้ราวกับเป็นความฝันที่หายาก
เธออดไม่ได้ที่จะ เอื้อมมือออกไปจับฝ่ามือใหญ่ๆ ของเย่เชินหลิน กระซิบเสียงเบา: “ฉันรู้สึกกลัวนิดหน่อย”

เขาก้มหัวลงมามองตาเธอ จากนั้นก็ลูบผมของเธอพร้อมด้วยการหัวเราะเบาๆ

“กลัวอะไร ผมสัญญากับคุณไว้แล้วนะวางใจเถอะ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ผมก็จะไม่มีทางสงสัยคุณอีกแล้ว”

“แต่ฉันก็ยังกลัว ฉันมักรู้สึกว่าจะมีเรื่องที่เลวร้ายเกิดขึ้น เพราะฉันมีความสุขมากเกินไปหรือเปล่า ดังนั้นถึงได้รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ปลอดภัย?” เมื่อเซี่ยชีหรั่นพูดจบ ก็ถอนหายใจเบา ๆ

เขายื่นแขนทั้งสองข้างออกมา และกอดเธอไว้แน่น

“คราวนี้รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นไหม?” เขาถามขึ้นเสียงเบาๆ

เมื่อได้ยินเสียงการเต้นของหัวใจเขา เธอเหมือนจะสงบลงมาก เขาอยู่ข้างๆ เธอ เธอรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของเขาอย่างชัดเจน เธอไม่ควรสงสัยเลย

เธอบูดบึ้งอยู่ในอ้อมกอดของเขา ถามเขาอย่างเขินอายเล็กน้อย: “ฉันเป็นแบบนี้คงจะน่ารำคาญมากใช่ไหม? เหมือนกับน้อยหลิน เลย มักจะโศกเศร้าอยู่เสมอ คุณรู้สึกเหนื่อยไหมที่ต้องอยู่กับฉัน?”

“คุณเพียงแค่ไม่มีความรู้สึกปลอดภัยมาตั้งแต่เด็ก จึงต้องการความรักมากกว่าคนปกติ วางใจเถอะ เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว ความรู้สึกปลอดภัยก็จะถูกสร้างขึ้นมาเอง” เขากระชับอ้อมกอดแน่น ดวงตาของเซี่ยชีหรั่นมีน้ำตาไหลร่วงลงมาอีกครั้งเพราะคำพูดของเขา

บางทีเขาอาจจะพูดถูก เธอต้องการความมั่นใจมากขึ้นต่อการดำเนินชีวิต ถ้าเขาทำได้ดีขนาดนี้แล้ว แต่เธอยังมักจะสงสัยอยู่อีก มันก็แย่มากเลยจริงๆ

หลังจากการสนทนาครั้งนั้นแล้ว เซี่ยชีหรั่นก็พยายามให้ตัวเองผ่อนคลาย และยิ่งใส่ใจกับความรู้สึกของเย่เชินหลินมากขึ้น

เธอเริ่มวางแผนเวลาให้กับตัวเอง จัดการเวลางานให้เรียบร้อย ลองใช้เวลาว่างช่วงเย็น และสุดสัปดาห์ร่วมกับเย่เชินหลิน

ดังนั้นวันอาทิตย์ ในขณะที่เธอกำลังเดินเล่นและ นั่งชิงช้ากับเย่เชินหลินอยู่นั้น ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น เพียงแค่สนุกไปกับช่วงเวลาเท่านั้น

ยังคงเป็นเธอที่นั่งอยู่บนชิงช้า เขาเริ่มผลักหลังเธอ สายลมพัดโชยเส้นผมของเธอ ทุกครั้งที่บินขึ้นไปบนที่สูง เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

เขามองไปที่เธอด้วยรอยยิ้ม ในใจสุขสม

ในขณะที่เธอกำลังบินขึ้นไปสูงนั้นเองโทรศัพท์ของเย่เชินหลินก็ดังขึ้น เป็นสายจากแม่ที่โทรมา เขาคว้าเชือกของชิงช้าไว้ และทำให้เซี่ยชีหรั่นหยุดนิ่งลง จนกระทั่งเธอหยุดลงอย่างสมบูรณ์ เขาจึงจะรับโทรศัพท์ และพูดกับเธอ: “ผมไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ”

“แม่!”

“เย่เชินหลิน!” ฝู้เฟิ่งหยีเรียกชื่อเต็มของเขาผ่านทางโทรศัพท์ นี่แสดงว่าเธอโกรธมาก

เย่เชินหลินเหลือบไปมองเซี่ยชีหรั่น เธอชี้ไปที่สวนดอกไม้ นั่นก็หมายถึงเธอไปดูดอกไม้ก่อนนะ เธออ่อนไหวมาก เพียงแค่สายตาของเขา เธอก็เข้าใจแล้ว ว่าโทรศัพท์สายนี้เขาอยากจะคุยเป็นการส่วนตัว

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เมื่อเซี่ยชีหรั่นไปแล้ว เย่เชินหลินจึงจะถามแม่อีกครั้ง

ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่อยากให้เซี่ยชีหรั่นได้ยินสิ่งที่เขาคุยกับแม่ เพียงแต่ว่าเขารู้ว่าเด็กน้อยนั้นบอบบาง ไม่ว่าเรื่องของใครก็มักจะทำเหมือนเป็นเรื่องของตัวเอง เขาไม่อยากให้เธอมีปัญหาแปลกๆ ผุดขึ้นมามากมายขนาดนั้น

“แกอยู่คนเดียว หรือว่ามีเซี่ยชีหรั่นอยู่ด้วย?” หลังจากนั้นไม่นานฝู้เฟิ่งหยีก็สงบลง ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะยังโกรธมาก แต่ก็สามารถนึกถึงคนอื่นได้แล้ว

“คุณพูดมาเถอะ ตอนนี้ผมอยู่คนเดียว”

“กลับบ้าน! กลับมาตอนนี้เลย กลับมาคนเดียว” น้ำเสียงของฝู้เฟิ่งหยีหนักแน่น และเย็นชาผิดปกติ

ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เธอคงจะไม่เป็นแบบนี้

“ได้ครับ ผมจะรีบกลับ ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น คุณอย่าเพิ่งใจร้อน ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย” เย่เชินหลินไม่ได้ถามอะไรมาก เขาฟังออกถึงอารมณ์ของแม่ในตอนนี้

เมื่อก่อนมีเพียงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเย่จื่อห้านเท่านั้น ที่เธอจะตื่นเต้นมากขนาดนี้

คราวนี้เธอจงใจถามมาหนึ่งประโยคว่าเซี่ยชีหรั่นอยู่ไหม ดูเหมือนเรื่องนี้คงจะไม่เกี่ยวข้องกับเย่จื่อห้าน

เย่เชินหลินสาวเท้าเดินไปถึงข้างๆ ของเซี่ยชีหรั่น ลูบหัวของเธอโดยท่าทางที่ปกติ “คุณแม่เรียกผมกลับไปช่วยเธอซื้อของบางอย่าง ผมจะไม่พาคุณไปด้วยแล้ว คุณพักผ่อนอยู่ที่บ้านนะ เย็นนี้ผมอยากกินปลาตะเพียนทรงเครื่องฝีมือคุณ”

“ได้ค่ะ!” เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า

“รีบไปเถอะ อย่าปล่อยให้แม่ต้องรอนาน”

เย่เชินหลินไม่รอช้า รีบโทรไปบอกให้พ่อบ้านเตรียมรถไปด้วย และกลับเข้าไปในบ้านเพื่อเปลี่ยนชุดด้วย

เซี่ยชีหรั่นจ้องมองแผ่นหลังของเย่เชินหลินที่ค่อยๆ จากไป เธอมองออกว่าที่เย่เชินหลินกลับไปคราวนี้ ไม่ใช่แค่ซื้อของอะไรให้แม่ของเขาแน่

เขากลับไปเพราะเรื่องอะไร เขาไม่อยากบอก เธอก็จะไม่ถาม

ทันใดนั้นในใจของเธอก็รู้สึกกังวลขึ้นมา มันคล้ายกับว่าในวันที่ท้องฟ้าโปร่งใสแต่ทันใดนั้นก็มีกลุ่มเมฆฝนลอยเข้ามา ใช่หรอ? โชคชะตาคงจะไม่ได้เล่นตลกกับเธออีกแล้วใช่ไหม?

เธอไม่ได้ขออะไรมาก ไม่ต้องการคุณนางเย่ อะไรนี่หรอก เธอเพียงแค่อยากจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับเย่เชินหลินอย่างมีความสุขเท่านั้น

หากว่าพระเจ้าให้พรที่สมบูรณ์แบบกับผู้คนไม่ได้ เธอก็เต็มใจที่จะเป็นแค่สามีภรรยากับเขาที่ธรรมดา แต่เธอไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ในที่ที่มีความทุกข์ทรมาน และมีเรื่องราวยากๆ

บางทีเธอก็อาจจะคิดมากเกินไป เธอมองดูท้องฟ้าสีคราม และบอกกับตัวเอง จะต้องคิดมากไปเองแน่นอน แต่ว่าเขาไปทำอะไรกันแน่หละ?

“คุณนายหญิง!” จิ่วจิ่ววิ่งมาหาเธอแล้วตะโกนเรียก

“มีแค่เราสองคนเท่านั้น เธอยังจะเรียกแบบนี้อีก ไม่ลำบากเหรอ? เรียกฉันชีหรั่น เถอะ ” เซี่ยชีหรั่นพูดเสียงเบา จิ่วจิ่วส่ายหน้า และตอบอย่างจริงจัง: “ไม่ได้ ตอนนี้ยังไงฉันก็เป็นถึงหัวหน้าเล็กๆ จะต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดีสิ บางทีหากฉันทำหน้าที่หัวหน้านี้ได้ดี อีกหน่อยคุณชาย ก็อาจจะพิจารณาให้ฉันได้ไปทำงานที่ บริษัทก็ได้ บางทีสักวันหนึ่งฉันก็อาจจะได้เป็นถึงผู้จัดการระดับสูงก็ได้ ฮาฮา ถ้าถึงตอนนั้นก็คงจะดีมากไม่น้อย”

“เธอเนี่ยนะ!” เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าให้จิ่วจิ่ว ถามขึ้น: “มีเรื่องอะไรเหรอ?”

“คุณโม่มาค่ะ กำลังรื้อค้นอยู่ที่ห้องแต่งตัวของคุณอยู่ ฉันมาแจ้งให้คุณทราบ”

“ไปกันเถอะ พวกเราไปดูหน่อย” เซี่ยชีหรั่นไม่รู้จะทำยังไงกับน้องสาวคนนี้แล้วจริงๆ หลังจากงานหมั้นผ่านไป โม่เว่ยปิงและไป๋จงเจี๋ยก็กลับไปแล้ว จากนั้นก็ฝากโม่เสี่ยวหนงไว้กับเธอ

ก่อนไป ไป๋จงเจี๋ยก็กล่าวขอโทษขอโพย เซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลิน ยังบอกอีกว่า เสี่ยวหนงอยู่ที่มณฑลตงเจียงคนเดียว พวกเขาไม่ไว้ใจ เธอหน้าตาสะสวย แล้วก็เรียนการแสดงอีกด้วย ไม่ว่าจะไปถึงไหนก็มีแต่คนชอบ แต่เธอก็ไร้เดียงสามาก จะถูกหลอกเอาง่ายๆ ถ้าเกิดว่าไม่มีคนดูแลเธอ ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง

เธอไม่รู้เรื่องที่โม่เสี่ยวหนงเคยแท้งลูกมาก่อน แต่เซี่ยชีหรั่นรู้ ดังนั้นจึงรู้สึกว่าความกังวลของกับแม่บุญธรรมก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีมูล

ความหมายที่เธอขอร้องเย่เชินหลิน อยากจะให้โม่เสี่ยวหนงอาศัยอยู่ที่วิลล่าต่อไป

ตระกูลเย่ก็ใช่ว่าจะไม่มีพื้นที่สำหรับคนอีกหนึ่งคน และก็ไม่ใช้ว่าจะไม่มีอาหารพอให้กับคนอีกหนึ่งคน เพียงแต่ว่าเมื่อเย่เชินหลินเห็นสายตาของโม่เสี่ยวหนงที่มองมาหาเขาอย่างคลุมเครือนั้น ก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

เขารู้ว่าการที่เขาพูดความคิดแบบนี้ออกมา เซี่ยชีหรั่นก็อาจจะไม่เชื่อ ในสายตาของเธอ น้องสาวนั้นดีเสมอ แม้ว่าทำอะไรที่ผิดที่ไม่ดีไป มันเป็นก็เป็นเพียงแค่เด็กที่ไม่รู้เรื่องเท่านั้น

นอกจากเขาจะช่วยเธอมองดูโม่เสี่ยวหนงที่ไม่น่าเชื่อถือนี้แล้ว ดูเหมือนจะไม่มีวิธีไหนที่ดีกว่านี้แล้ว

ดังนั้น โม่เสี่ยวหนงยังคงอาศัยอยู่ที่วิลล่า สถานะของพี่สาวสูงขึ้นแล้ว ไม่ว่าเธอจะเดินไปถึงที่ไหน ทุกคนก็มักจะเรียกเธอด้วยความเคารพว่าคุณโม่

เธอชอบชื่อนี้มาก แน่นอน ถ้าหากว่าคนอื่นเรียกเธอว่าคุณนางเย่ เธอกลัวว่าจะพึงพอใจอย่างสมบูรณ์

แม่เคยสอนเธอไว้ว่า ต้องเรียนรู้จากเซี่ยชีหรั่นให้มากๆ ว่าเธอเข้ากับผู้คนได้อย่างไร วิธีพูดคุยกับ เย่เชินหลินยังไง และปฏิบัติต่อพวกคนใช้ยังไง

“การที่เธอมีแรงบันดาลใจแบบนี้เป็นเรื่องที่ดี เพียงแต่ว่าไม่ควรประมาท เหมือนเมื่อก่อน จะต้องมองสีหน้าคนอื่นให้เป็น ปล่อยให้พวกเขาทั้งคู่มีความสุขไปก่อน หลังจากเกลี้ยกล่อมพวกเขาเสร็จ เธอถึงจะมีโอกาส เข้าใจไหม?”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset