สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่534สาวใช้ตัวแสบ438

ตอนที่534สาวใช้ตัวแสบ438
“ผู้จัดการหลี่ค่ะ ฉันอยากจะลางานหน่อยค่ะ พอดีตอนเย็นฉันมีธุระนิดหน่อยค่ะ”
“ได้ ชีหรั่น เธอไปเถอะ จะไปนานเท่าไหร่ เธอบอกไว้ก็พอแล้ว”
“ขอบคุณมากค่ะ ผู้จัดการหลี่” เซี่ยชีหรั่นพยายามทำให้เสียงของตัวเองปกติที่สุด ไม่อยากให้ฟังออกว่าเธอเคยร้องไห้
หลังจากวางสายเธอจึงหยิบกระเป๋าไปที่ห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา ยืดตัวขึ้น แล้วก้าวออกจากตึกบริษัทอย่างมั่นใจ
เซี่ยชีหรั่นไม่ใช่ดอกไม้ที่โตท่ามกลางความอบอุ่น เธออ่อนโยนไม่ได้แปลว่าเธออ่อนแอ เธอเป็นหญ้าที่โตตรงริมหน้าผา ใจเธอทั้งเข้มแข็งและเปราะบาง เธอคาดหวังที่ได้จะได้รับความดูแลเอาใจใส่ แต่ถ้าความดูแลเอาใจใส่กลายเป็นคำโกหก เธอจะบังคับให้ตัวเองสงบและเข้มแข็ง
เหมือนกับทุกครั้ง เธอเดินออกจากบริษัทได้ไม่ไกล คนที่เย่เชินหลินส่งมาปกป้องเธอก็เดินออกมา
“คุณนางเย่ครับ” คนขับรถและการ์ดอีกสองคนเรียกเธอแล้วคำนับให้เธออย่างนับถือ
คำเรียกนี้ทำให้เซี่ยชีหรั่นตื่นจากภวังค์
คุณนางเย่…..เธอคงยังไม่ได้เป็นอย่างทางการก็ต้องลงจากตำแหน่งแล้วล่ะ
เธอมองคนที่เดินตามเธอด้วยสายตาที่นิ่งและปนไปด้วยความเสียใจ แล้วพูดเบาๆ ว่า: “รบกวนเตรียมรถให้หน่อยค่ะฉันจะออกไปข้างนอก”
หลังจากพูดเสร็จเธอเม้นปากแล้วเดินออกไป มีการ์ดสองคนเดินตามหลังเธอ คนขับรถรีบตอบรับแล้วไปเอารถ
หลังจากที่ขึ้นรถ เซี่ยชีหรั่นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “โรงพยาบาลเสิ่งเอ๋อ”
“คุณนางเย่ครับ คุณไม่สบายเหรอครับ? ให้ผมโทรไปแจ้งคุณเย่ไหมครับ?” คนขับรถอยู่เย่เชินหลินมาหลายปี ดูความห่วงใยที่เย่เชินหลินมีต่อเซี่ยชีหรั่นออก เห็นเซี่ยชีหรั่นผิดปกติ เลยอดไม่ได้ที่จะถาม
“ขอบคุณ แต่ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณเย่เขารอฉันที่โรงพยาบาลแล้ว” เซี่ยชีหรั่นอธิบายคำเดียว ก็ไม่พูดอะไรต่อ แต่กลับทำเหมือนที่เย่เชินหลินชอบทำ คือหลับตาลง เอนหัวลงกับที่พิงศีรษะของเบาะหลัง
เธอต้องการที่จะสงบสติอารมณ์ เธอต้องการที่พิง
ชีวิตช่วงนี้สงบเกินไป มีความสุขมากเกินไป ทำให้เธอเกือบลืมไปเลยว่า บนโลกนี้ยังมีความขม ความเจ็บปวด
เธอไม่ได้ดูโทรศัพท์อีกต่อไป แต่ภาพนั้นกลับฉายอยู่ในหัวเธอซ้ำๆ เธอพยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้
จากบริษัทไปโรงพยาบาลเสิ่งเอ๋อใช้เวลาเพียงแค่สิบนาที แต่มันกลับเหมือนใช้เวลานานเป็นชาติ เธออยากให้เส้นทางนี้ไม่มีจุดหมายปลายทาง เธอจะได้ไม่ต้องเผชิญกับความจริง
แต่เธอก็อยากให้ถึงเร็วๆ แค่วินาทีเดียวเธอก็ไม่อยากรอ เธออยากไปดูความจริงให้เห็นกับตา

เย่เชินหลิน! ฉันไม่เชื่อจริงๆ ว่าคุณจะโกหกฉัน แต่คุณก็โกหกฉันจริงๆ

เธอไม่เข้าใจ ว่าทำไมเมื่อคืนเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น แต่อย่างทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาอยู่เกาะติดกับเธอ เขายังพูดอยู่ซ้ำๆ ว่า: “เชื่อผม ผมรักแค่คุณคนเดียว”

ความเชื่อใจของเธอทั้งหมดกลายเป็นความตลก เธอยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่คนหนึ่ง

เธอกัดปากตัวเองไว้แน่นเพื่อลดความเจ็บที่เกิดขึ้นในใจ คนขับรถมองหน้าที่ซีดขาวของเธอผ่านกระจกรถ คิ้วก็ขมวดกันแน่น

“คุณนางเย่ครับ คุณเจ็บมากเลยเหรอครับ? เจ็บยังไง เจ็บที่ไหนครับ?” คนขับรถทนไม่ได้จึงถามขึ้นมาอีก

เซี่ยชีหรั่นลืมตาขึ้น มองคนขับรถด้วยสายตาเหม่อๆ แล้วพูดขึ้นเบาๆ : “ฉันโอเค ไม่เป็นไร”

“ผมจะพยายามขับเร็วๆ นะครับ คุณทนอีกหน่อยนะครับ ใกล้จะถึงแล้ว”

“อือ”

ในที่สุดก็ถึงโรงพยาบาล ทันทีที่ถึงหน้าประตู เซี่ยชีหรั่นบอกกับคนขับรถว่า: “จอดรถไว้ที่นี่แหละ”

คนขับรถมองเซี่ยชีหรั่นด้วยความเป็นห่วง แม้จะเป็นช่วงเวลาแบบนี้ เซี่ยชีหรั่นดูความเป็นห่วงของเขาออก จึงฝืนยิ้มบางแล้วด้วยความขบขัน: “คุณไปจอดรถก่อนเถอะ ฉันไม่เป็นไร”

“พวกคุณสองคน รอฉันห้องโถงด้านล่างก็พอ ฉันไปสูตินรีเวชพวกคุณตามไปก็คงไม่สะดวก” เซี่ยชีหรั่นพูดกับการ์ดอีกสองคน พวกเขาตอบอย่างสุภาพ: “ครับ คุณนางเย่”

ประตูห้องโถงของชั้นหนึ่งเป็นทางเข้าออกเดียว ระหว่างทางที่พวกเขามาไม่มีใครสะกดรอยตามมา พวกเขาไม่จำเป็นต้องห่วงว่าเย่เชินหลินจะเป็นอะไรไป ก็เลยรอที่ห้องโถงชั้นหนึ่ง

เซี่ยชีหรั่นมองป้ายแนะนำชั้นของโรงพยาบาล เห็นว่าสูตินรีเวชอยู่ชั้นสาม เธอไม่ได้ขึ้นลิฟต์ แต่เธอเดินก้าวขึ้นไปบนบันได

ทุกก้าวที่เธอเดิน ใจเธอก็สั่นไปตามกัน

ไปถึงชั้นที่เขียนสูตินรีเวชไว้ตัวใหญ่ สีหน้าเธอก็ซีดขาวเข้าไปอีก

เธอกำสายกระเป๋าไว้แน่น หายใจเข้าลึกๆ ทำให้ตัวเองสงบมากที่สุดเพื่อไปเผชิญกับทุกอย่าง

ผู้ชายของเขา อาจจะกำลังกอดส้งหลิงหลิงไว้ กำลังพูดปลอบเขาเบาๆ ให้เขากินข้าวเยอะๆ ดื่มน้ำเยอะๆ เดินออกกำลังกายเยอะๆ อะไรพวกนี้ ก็เหมือนที่เขาพูดให้เธอฟัง

เซี่ยชีหรั่น ไม่ว่าเธอเห็นอะไร เธอก็ต้องใจเย็นๆ อย่าเสียใจ เธอสามารถแก้ไขได้ทุกสถานการณ์ เธอพูดกับตัวเองแบบนี้

เย่เชินหลินกับส้งหลิงหลิงมาถึงโรงพยาบาลก็ไปตรงที่ห้องทำงานของหมอเลย คุณหมอที่อยู่เวรดึกเมื่อคืนก็ยังอยู่

เธอเห็นสีหน้าของส้งหลิงหลิงไม่ค่อยดีนัก ไม่ได้ถามเธอว่าได้ไปลงทะเบียนหรือยัง แต่พูดกับเธอว่า: “คุณตามฉันมาไปตรวจที่ห้องตรวจค่ะ”

ส้งหลิงหลิงไปห้องตรวจกับคุณหมอ เย่เชินหลินเลยรออยู่ที่ข้างนอกทางเดิน หลินต้าฮุยไปจัดการเรื่องเอกสารที่ชั้นหนึ่ง

คุณหมอตรวจอัตราการเต้นของหัวใจของเด็กให้ส้งหลิงหลิง หัวใจยังเต้นเหมือนเมื่อคืน เต้นเร็วผิดปกติ

เธอขมวดคิ้ว แล้วถามส้งหลิงหลิงว่า: “ช่วงนี้คุณมีอารมณ์ที่รุนแรงหรือตื่นตกใจหรือเปล่า?”

“มีบ้างค่ะ”

“ช่วงนี้เป็นช่วงที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณกับเด็กเลยนะคะ ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไร คุณที่เป็นแม่ของเด็กคุณควรนึกถึงเด็กเป็นอันดับแรกนะคะ”

“ฉันรู้ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณหมอ ลูกของฉัน เป็นอะไรมากไหมคะ”

“หัวใจเต้นเร็ว ครรภ์ดิ้นแรงผิดปกติ เมื่อคืนเพิ่งอัลตราซาวด์ไป ไม่ควรทำติดต่อกันมากไปค่ะ” คุณหมอพูดแบบนี้

“งั้นตอนนี้ฉันต้องทำยังไง เด็กถึงจะสงบลงละคะ?”

“คุณรอสักครู่ค่ะ จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วลุกขึ้นค่ะ หมอเรียกพ่อของเด็กเข้ามาแล้วพูดทีเดียวค่ะ”

ตอนที่เซี่ยชีหรั่นมาถึง เห็นเย่เชินหลินนั่งอยู่ที่เก้าอี้โถงทางเดินแต่ไกลๆ เขาใสเสื้อตอนเช้าที่เธอเลือกเองกับมือ เพราะฉะนั้นเธอไม่มีทางดูผิด

เขานั่งก้มหน้า มือนวดที่ขมับ ท่าทางแบบนี้แสดงได้ชัดว่าเขากำลังหงุดหงิด

นั้นคือผู้ชายที่เธอรัก เธออยากเดินเข้าไป กอดเขาไว้ ถ้าคนที่เขารอไม่ใช่ผู้หญิงคนอื่น เธอคงจะทำแบบนั้น

ตอนนี้ เธอจะทำแบบนั้นได้เหรอ

“คุณพ่อของเด็กค่ะ เชิญเข้ามาค่ะ” คุณหมอผมขาวท่านหนึ่งเดินออกมาจากห้องตรวจ เรียกเย่เชินหลิน

“ครับ” เขาตอบรับ ลุกขึ้นยืน แล้วเดินตามคุณหมอเข้าไป ใจของเซี่ยชีหรั่นเจ็บแปลบขึ้นมาทันที

เธอเดินไปทางที่ไปห้องตรวจอย่างไม่รู้ตัว อาจจะเป็นเพราะยังไม่โหดร้ายมากพอ ยังไม่ทำให้เธอเจ็บมากพอ เธอต้องเห็นกับตาว่าเขาสองคนอยู่ด้วยกัน เธอถึงจะตายใจ

ครั้งนี้ประตูของห้องตรวจไม่ได้ปิดไว้ หลังจากที่เย่เชินหลินเข้าไป คุณหมอก็พูดกับเขาว่า: “ตอนนี้คนท้องกับทารกในครรภ์อาการไม่ค่อยดีนัก ที่ฉันสอนคุณเมื่อคืน คุณคงไม่ได้ทำใช่ไหม? ตอนนี้คุณควรที่จะลองทำดู ลองดูผลลัพธ์ของมัน”

เย่เชินหลินเห็นท้องของส้งหลิงหลิงยังดิ้นอยู่ ดูออกว่าทารกในครรภ์ดิ้นแรงเกินไป

“หมอครับ ผมต้องทำยังไงครับ” เขาถาม ตอนนี้ที่เขาคิดมากที่สุด ก็คือความรับผิดชอบ

เด็กต้องเก็บไว้ หน้าที่ของเขาก็คือให้เด็กคลอดออกมาอย่างแข็งแรง

“คุณทำอย่างนี้…..” คุณหมอเดินมายืนที่ข้างๆ ส้งหลิงหลิง เอามือวางไว้ที่ท้องแล้วลูบอย่างอ่อนโยน

“ดีที่สุดคือใกล้กว่านี้หน่อย แบบนี้เวลาคุยกับเด็ก เด็กก็จะได้ยินค่ะ”

เย่เชินหลินไม่อยากเข้าใกล้ส้งหลิงหลิง เขายังจำได้ครั้งก่อนที่ส้งหลิงหลิงให้เขาลูบท้องเขาไม่ยินยอมเลยสักนิด

แต่ตอนนี้ คำว่าความรับผิดชอบค้ำคออยู่ เลยจำใจเดินไปข้างๆ เธอ ยื่นมือไปที่ท้องกลมๆ ของเธอ สูดหายใจ แล้วหน้านิ่ง สุดท้ายก็วางมือลงบนท้องของเธอ

ฉากนี้ ทำให้ใจของเซี่ยชีหรั่น แตกออกเป็นเสี่ยงๆ

เธอเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของส้งหลิงหลิง เธอไม่เห็นหน้าของเย่เชินหลิน เพราะเขายืนหันหลังมาทางเธอ เธอไม่ควรยืนอยู่ที่ตรงนี้ ดูพวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกพูดคุยกันอย่างมีความสุข แต่เท้าเธอหนักเหมือนมีอะไรมาถ่วงไว้ ไม่สามารถที่จะก้าวขยับไปไหนได้

“พูดสิคะ คุยกับลูกของคุณ ลองสื่อสารกับเขาดู จริงๆ แล้วสื่อสารกับเด็กที่อยู่ในครรภ์นี่เป็นสิ่งพิเศษนะคะ ยกตัวอย่างนะคะ ถ้าคุณแตะที่นี่เบาๆ สองครั้ง เดี๋ยวเขาก็จะดิ้นที่ตรงนี้เองค่ะ โต้ตอบกับคุณค่ะ” คุณหมอเห็นความพัฒนาของเย่เชินหลิน ยิ่งมีความสุข สอนเขาอย่างใจเย็น

“ผมควรพูดอะไรครับ?” เย่เชินหลินถามคุณหมออย่างคนไม่รู้จะทำยังไง

ตอนที่เขาวางมือลงบนท้องของส้งหลิงหลิง เด็กถีบเขาจากข้างในจริงๆ การเคลื่อนไหวเบาๆ นี้ ทำให้เขารู้สึกพิเศษจริงๆ

“พูดว่าคุณเป็นพ่อ ถามเขาว่าได้ยินไหม เสียงต้องอ่อนโยน อย่าแข็งไปนะคะ”

“ครับ เดี๋ยวผมลองดูครับ”

เย่เชินหลินทำตามที่คุณหมอบอก มือเบาลง แล้วพูดอย่างเบาๆ หนึ่งคำ: “นี่พ่อนะ ได้ยินหรือเปล่าครับ?”

น้ำตาของเซี่ยชีหรั่นเหมือนเปิดก๊อกน้ำ ไหลออกมาไม่หยุด

เธอรู้สึกอึดอัดมาก คำว่าพ่อนั้นเหมือนเป็นมีดแหลมคมที่ทิ่มแทงใจเธอ แทงจนใจเธอไม่เหลือชิ้นดี เธอกัดปากไว้แน่นเพื่อไม่ให้มีเสียงสะอื้นออกมา

ตอนที่รู้ว่าลับหลังเธอเย่เชินหลินอาจจะอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เธอเกือบจะปิดเครื่อง อยากหนีไป ไม่ติดต่อกับเขาอีกต่อไปเธอกลัว กลัวตัวเองจะเข้าใจเขาผิด

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset