สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 559 สาวใช้ตัวแสบ 463

ตอนที่ 559 สาวใช้ตัวแสบ 463
แต่ว่าแปลกมากๆ เธอไม่เคยคิดถึงภาพเธอกับเสี่ยวจุนเลยสักนิด อาจจะเป็นเพราะในจิตใต้สำนึกของเธอ เขาเป็นแค่พี่ชายคนหนึ่งป่ะ
นับตั้งแต่คบกับเย่เชินหลินมา ความปรารถนาของเธอนั้นก็
เธอมักจะเคยนึกถึง เรื่องที่คู่สามีภรรยาจับมือกันแก่เฒ่า ต้องเป็นความรักที่สมบูรณ์แบบมากแน่ๆเลย แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าความจริงกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้ว รักกันมาสิบปี ทั้งสองคนค่อยๆคุ้นเคยมากกันขึ้น แล้วก็ไม่มีความตื่นเต้นแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็กลายเป็นความเคยชิน เพราะฉะนั้นเลยมีคำพูดหนึ่งที่พูดว่าอาถรรพ์เจ็ดปี เมื่อถึงตอนนั้น ผู้คนมากมายอาจจะมองไปที่อื่น เพราะว่าเคยชินแล้ว ก็จะอยู่แบบไม่มีตัวตนแล้ว
การนอกใจ คนที่เลือกยอมรับและให้อภัยนั้น ก็สามารถจูงมือคบกันต่อไปได้ ก็เหมือนกับคู่สามีภรรยาที่อยู่ด้านหน้านี้
ก็มีบางคนที่เลือกที่จะเลิกลากัน งั้นหลังจากนี้พวกเขาจะได้พบความรักที่สวยงามอีกไหม จะไม่มีอุปสรรคอีกแล้วใช่ไหม? เกรงว่าจะยากมากขึ้นไปอีกซะอีก
ชีวิตของคนเราต้องมีเรื่องเยอะแยะมากมายขนาดนี้เลยเหรอ?
หรือว่าเธอเรียกร้องเย่เชินหลินสูงเกิน? เขาไม่ได้มาคบกับเธอแล้วนอกใจหนิ เทียบกับพวกผู้ชายที่แต่งงานแล้วเหงาไปแอบมีอะไรกับคนอื่นไม่ได้ แท้ที่จริงเขาสมควรให้อภัยมากกว่า ใช่หรือเปล่า?
ชายชราเอาของเล่นที่อยู่ในมือของเด็กน้อยนั้นไปให้หญิงชรา พูดอย่างอารมณ์ไม่ดีกับเธอไปหนึ่งประโยค : “รออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวผมกลับไปเอาน้ำที่บ้านมาให้ ”
“ไปเถอะ ช้าๆระวังหน่อยล่ะ ” หญิงชราพูดสั่ง การกระทำของทั้งสองคนนั้นดูเป็นปกติมาก ภาษาที่ใช้พูด กลับดูออกว่าพวกเขาแคร์กันและกันมาก
“คุณปู่ ครั้งนี้อย่าเดินหลงหายไปอีกนะ จำไว้ว่าผมกับคุณย่ารออยู่ตรงนี้นะ! ” เด็กน้อยพูดออกมาหนึ่งประโยค ชายชราและหญิงชรามองตากันแล้วยิ้ม
“เด็กโง่ ปู่เดินหลงไปครั้งหนึ่งหลังจากนั้นสมองก็ดีขึ้นแล้ว ไม่เดินหลงหายไปอีกแล้ว ” ชายชราพูดเอาความในใจออกมาเสร็จ ก็มองไปที่ภรรยาของเขา พูดเสียงเบาว่า : “ซูจาน คุณพูดว่าใช่ไหม? ”
หญิงชราเบะปาก พูดเสียงไม่พอใจอ่อนไปนิดหนึ่ง : “แล้วใครจะรู้ล่ะ รักษาคนสวยไว้ไม่ได้ ใจของคุณก็ลอยไปอีก ”
“ยังจะมาคนสวยอีกนะ หญิงแก่หกสิบกว่าแล้ว สวยบ้าอะไร ไม่ต้องพูดมั่วซั่วแล้ว เดี๋ยวผมกลับบ้านไปเอาน้ำมาให้คุณ คุณอยากกินแอปเปิลไหม อยากกินเดี๋ยวผมปอกมาให้กิน ”
“โอเค คุณปอกมาเถอะ ” หญิงชราพูดจบ มองส่งชายชราเดินออกไป เซี่ยชีหรั่นไม่ได้เห็นอารมณ์ด้านลบในสายตาเธอเลย
อาจจะเป็นเพราะเวลาผ่านไป ก็ไม่ได้ถือสาอะไรแล้วจริง?
หญิงชราคนนั้นสามารถทำเหมือนไม่เคยเกิดเรื่องนั้นมาก่อน เซี่ยชีหรั่นคุณทำได้ไหม?
หรือว่าสถานการณ์ที่คุณเจอไม่เหมือนกับเธอ ข้างกายเธอคงไม่มีลูกของสามีกับคนอื่นแน่นอน แต่คุณกลับมี
คุณต้องเห็นหน้าของเด็กคนนั้นทุกวัน สามารถไม่คิดถึงเรื่องที่เขาเคยไปผูกพันกับผู้หญิงคนอื่นได้ไหม สามารถมองข้ามเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วได้ไหม?

ด้านหน้าของเธอเหมือนกับมองเห็นเย่เชินหลินกับส้งหลิงหลิงอยู่ด้วยกันอีกแล้ว เป็นภาพที่เขาลูบท้องของเธอ

หรือว่าเธอยังข้ามผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้ ทำไม่ได้ไม่ไปวางแผน ไม่ไปคิด

ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็อย่าเสียใจอีก มองดูด้านหน้า ไม่หันกลับไปมองอีก

เธอลุกขึ้นยืน ในเวลานี้โทรศัพท์ก็ดังขึ้น หน้าจอโทรศัพท์แสดงชื่อของโม่เสี่ยวจุน

นับตั้งแต่รู้เรื่องที่ส้งหลิงหลิงตั้งท้อง ทุกวันโม่เสี่ยวจุนเป็นกังวลว่าเซี่ยชีหรั่นจะรู้ เขามักจะคิดว่าก่อนที่เธอจะรู้เขาจะตีเด็กที่ควรจะตายคนนั้นของส้งหลิงหลิงก่อน

แต่ว่าแผนการการกระทำที่วางแผนไว้นั้นกลับล้มเหลว เขาพยายามคิดอีกสักเท่าไร ก็ไม่มีทางที่จะทำสำเร็จได้

เขาปรึกษาไห่ฉิงฉิง รอให้ช่วงเวลานี้ผ่านไป หรืออาจจะให้ทางของเย่เชินหลินนั้นไม่ตื่นตัวก่อน พวกเขาค่อยคิดหาวิธีใหม่อีกครั้ง อีกสองสามเดือนเด็กถึงจะคลอดออกมา ไม่ใช่หนึ่งสองวันนี้สักหน่อย

ถึงแม้ในใจยังคิดเรื่องวางแผนอยู่ แต่ใจของโม่เสี่ยวจุนก็ยังคงร้อนรนอยู่ เขาเข้าใจเซี่ยชีหรั่นเป็นอย่างมาก รู้ว่าถ้าเธอรู้เรื่องนี้ ต้องเหมือนฟ้าถล่มทลายลงมาแน่นอน

ไห่ฉิงฉิงมองความคิดของเขาออกอย่างแน่นอน เธอแนะนำให้เขาโทรหาเซี่ยชีหรั่นตั้งหลายครั้ง ถามอาการของเธอ

โม่เสี่ยวจุนกลัวว่าถ้าเขาโทรหาเธออย่ากะทันหัน เซี่ยชีหรั่นจะสงสัย และอีกอย่างเขาก็กลัวเขาติดต่อเซี่ยชีหรั่นมากเกินไป ไห่ฉิงฉิงก็จะหึงนิดหนึ่ง เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของไห่ฉิงฉิง เขาเลยอดทนไว้ตลอดไม่ได้โทร

วันนี้ไห่ฉิงฉิงแย่งเบอร์โทรศัพท์ของเขามา เป็นฝ่ายรุกโทรหาเซี่ยชีหรั่น

“โอ้ย ไม่ใช่บอกแล้วเหรอว่าเธอเป็นแค่น้องสาวของคุณอ่ะ? เป็นพี่ชายเป็นห่วงน้องสาวไม่ใช่เรื่องปกติเหรอ? คุณคาดการฉันต่ำเกินไป ฉันไห่ฉิงฉิงเก่งกาจมากแค่ไหน ยังกลัวว่าคุณจะวิ่งหนีเหรอ?”

ผ่านเรื่องนี้ไป โม่เสี่ยวจุนเคารพและซาบซึ้งในตัวไห่ฉิงฉิงเพิ่มไปอีก เขาก็เริ่มเป็นห่วงความรู้สึกของเธอขึ้นมาแล้ว คิดถึงเรื่องเกี่ยวกับเธอทั้งหมด

“เสี่ยวจุน ” เซี่ยชีหรั่นรับโทรศัพท์ พูดเสียงเบา

“ช่วงนี้คุณเป็นยังไงบ้าง สบายดีใช่ไหม? ” โม่เสี่ยวจุนถามเธออย่างปกติ

“สบายดี คุณล่ะ? พัฒนาความสัมพันธ์กับฉิงฉิงไปเป็นยังไงบ้าง? ”

“พวกเราก็ดี ผมกับฉิงฉิงคิดว่า สองวันนี้อากาศไม่เลวเลย อยากจะชวนคุณกับเย่เชินหลินไปเที่ยวด้วยกัน ได้ยินมาว่าช่วงนี้ 孔雀山มีรายการการเที่ยวขึ้นมาเพิ่มอีกนะ ฉิงฉิงร้องอยากจะไป หรือว่าวันนี้ตอนเย็นคุณลองกลับไปถามเย่เชินหลินดูว่าเขามีเวลาไหม? ”

เซี่ยชีหรั่นนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เดิมทีเธอไม่อยากเล่าเรื่องที่เธอเลิกกับเย่เชินหลินให้โม่เสี่ยวจุนฟัง

โม่เสี่ยวจุนเพิ่งคบกับไห่ฉิงฉิง ไห่ฉิงฉิงก็รู้ว่าโม่เสี่ยวจุนชอบเธอ เธอกลัวว่าถ้าพวกเขารู้เรื่องเลิกกันของเธอ ไห่ฉิงฉิงจะไม่วางใจ เอาความรู้สึกที่พวกเขาเริ่มก่อตัวขึ้นมาอย่างไม่ง่ายนั้นย้อนกลับไปที่เดิม

“ชีหรั่น? ” การเงียบของเซี่ยชีหรั่นทำให้โม่เสี่ยวจุนรู้สึกตื่นเต้น เขาพอจะเดาได้แล้วว่าเธอรู้เรื่องที่พวกเขาปิดบังเธอไว้แล้ว

“เสี่ยวจุน เอาไว้วันหลังเถอะ ช่วงนี้เย่เชินหลินน่าจะยุ่ง ”เซี่ยชีหรั่นยังคงพูดโกหกไป

“โอเค งั้นก็เอาไว้วันหลัง แต่ว่าฉิงฉิงพูดว่าครั้งที่แล้วที่คุณสอนเธอทำปลานั้นอร่อยมากๆ เธอยังทำไม่เป็น ยังอยากจะไปเรียนกับคุณอีก คืนวันนี้พวกเราไปหาดีไหม? ” โม่เสี่ยวจุนก็ยังหาเหตุผลถามอย่างระมัดระวังอีก

ครั้งนี้หลบหลีกไม่ได้แล้วจริงๆ เซี่ยชีหรั่นกัดริมฝีปากล่าง หายใจเข้าลึกๆ พูดนิ่งๆว่า : “อย่ามาเลย ฉันไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ ฉันแยกกับเย่เชินหลินแล้ว หลังจากที่แยกจากกัน ฉันก็ย้ายไปอยู่กับแม่ของฉันแล้ว ”

“คุณรู้เรื่องส้งหลิงหลิงแล้ว? ” น้ำเสียงของโม่เสี่ยวจุนมีความกังวลและเป็นห่วงอย่างมาก เขาคิดถ้าไม่ใช่เรื่องส้งหลิงหลิง เกรงว่าจะไม่มีเรื่องไหนที่สามารถจะมาแยกพวกเขาให้ออกจากกันได้

เซี่ยชีหรั่นเพิ่งรู้สึกได้ว่าแท้ที่จริงแล้วโม่เสี่ยวจุนรู้เรื่องมาตั้งนานแล้ว เธอนึกย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องครั้งที่แล้วที่โม่เสี่ยวจุนและไห่ฉิงฉิงมาคฤหาสน์ เธอคิดว่าเขาจะบริษัทจริงๆซะอีก ไม่ได้คิดไปถึงเรื่องอื่นเลย

ที่จริง พวกเขาช่วยเย่เชินหลินปกปิดเธอ เธอโง่จริงๆ ดูเหมือนว่า คนข้างกายเธอทุกคนน่าจะรู้เรื่องนี้หมดแล้ว มีแค่เธอคนเดียวที่ไม่รู้

“อือ รู้แล้ว ” เธอพูดอย่างนิ่งๆ น้ำเสียงฟังดูเหมือนผ่อนคลายลง

“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ผมกับฉิงฉิงจะไปหาคุณ ”

ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร โม่เสี่ยวจุนก็ยังคงไม่วางใจ เขาจะมาดูด้วยตาตัวเองให้ได้ว่าเธอไม่เป็นไรจริงๆ เขาถึงจะวางใจขึ้นมาหน่อย

“ไม่ต้องเสี่ยวจุน ตอนบ่ายฉันจะไปทำงานที่บริษัทของพี่ไท้ ใกล้จะเที่ยงแล้ว ฉันกินข้าวเสร็จก็จะไปกับเขา ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ ถ้าคุณกับฉิงฉิงมีเวลา ก็สามารถมาที่บ้านฉันได้ทุกเมื่อ แค่ว่าตอนบ่ายไม่ได้ตอนเย็นฉันน่าจะมีเวลาอยู่ ”

โม่เสี่ยวจุนนิ่งเงียบไป

ผ่านไปแป๊บหนึ่ง เขาพูดขึ้นมาอีก : “ก็ได้ คุณก็คิดดีดีล่ะ ทุกเรื่องจะผ่านไปได้ แยกกันก็ดี เป็นแม่เลี้ยงให้ลูกคนอื่น คงไม่มีความสุขทั้งชีวิต ”

“ฉันรู้ เสี่ยวจุน คุณกับฉิงฉิงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของฉัน คุณเข้าใจฉันดี ฉันแค่ดูเหมือนคนที่อ่อนแอ แต่ที่จริงแล้วฉันเข้มแข็งมากนะ ”

คุณเข้มแข็งอะไร ผมยังไม่รู้จักคุณเหรอ? ทุกเรื่องของคุณ คุณมักจะคิดมาก คิดว่าเป็นความผิดของตัวเอง

หลังจากที่วางโทรศัพท์ เซี่ยชีหรั่นก็ถอนลมหายใจออกมาแรงๆ

เธอคิดว่า เรื่องทุกข์สุขที่เกี่ยวกับเธอไม่ได้เรื่องของเธอคนเดียวอีกต่อไป มีคนมากมายเป็นห่วงเธอ หวังว่าเธอว่ามีชีวิตที่ไม่มีความกังวลใดๆ เธอไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องที่อยากตาย

ยังคงเป็นประโยคนั้น เดินตรงไปด้านหน้าเดินตรงไปด้านหน้า ไม่หันมองย้อนกลับ เวลาจะเป็นตัวรักษาทุกสิ่ง ตอนนี้วางไม่ได้ อนาคตต้องมีวันที่วางลงได้อย่างแน่นอน

เธอออกจากสวนสาธารณะริมถนนไป ยังไม่ทันรอให้เดินถึงถนนก็เห็นรถเบนท์ลีย์สีดำจอดอยู่ไม่ไกลมากหนัก หลังจากนั้นบอดี้การ์ดก็ลงจากรถมา เชิญเธอให้ขึ้นรถอย่างเคารพ

เซี่ยชีหรั่นไม่ได้พูดอะไรกับพวกเขามาก สิ่งที่ควรจะพูดได้พูดไปแล้ว เธอแค่ส่ายหัว หลังจากนั้นก็โบกมือเรียกรถแท็กซี่ ขึ้นรถกลับบ้าน พอถึงตลาดผักผลไม้ที่อยู่ละแวกบ้านของเสนาธิการหลี่เธอก็หยุด

ถึงบ้านก็เลยเวลาสิบเอ็ดโมงแล้ว จ้าวเหวินอิงและจิ่วจิ่วทำอาหารเต็มโต๊ะ เห็นเธอกลับมาแล้ว จ้าวเหวินอิงเช็ดมือกับชุดผ้าคลุมกันเปื้อน และเรียกเธอ : “ลูกรัก กลับมาแล้วเหรอ? ”

ช่วงวันเวลาที่เธอพักอยู่บ้านแม่ของเธอนั้น ทักครั้งที่กลับบ้านแม่ของเธอก็จะพูดทักทายแบบนี้ตลอด เป็นฉากที่คุ้นเคยของคนอื่น และทุกครั้งที่เธอได้ยินก็รู้สึกเป็นความอบอุ่นและความสุขที่ไม่ธรรมดา

เธอยิ้ม “กลับมาแล้ว หนูยังซื้อทุเรียนมาด้วย แม่ไม่ใช่ชอบกินทุเรียนเหรอ? ”

จ้าวเหวินอิงรับมา แล้วยิ้ใมห้ลูกสาว และถามว่า : “ใช่แล้ว เมื่อกี้มีคนมาเอกสารมาส่งให้ลูก จิ่วจิ่วเอาไปวางไว้ในห้องของลูกแล้ว ”

เอกสารอะไร? เซี่ยชีหรั่นรู้สึกแปลๆ จิ่วจิ่วเดินมาจับเธอ ยิ้มแล้วพูดว่า : “คุณเย่สั่งให้คนมาส่ง น่าจะเป็นเช็คธนาคารนะ ฮ่าๆ ”

โอมายก้อด คนนี้ทำไมถึงเป็นแบบนี้?

เซี่ยชีหรั่นเดินตามจิ่วจิ่วขึ้นไป เดินเข้าไปในห้อง ซองเอกสารนั้นวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งของเธอก็ไม่ใช่อันที่เธอจะเอาไปคืนเย่เชินหลินเหรอ เย่เชินหลินยืนหยัดที่จะเอาใบทรัพย์สินให้เธอเหรอ?

“อะไรอ่ะ? ฉันดูได้ไหม? ” จิ่วจิ่วอยากรู้จะแย่อยู่แล้ว ถึงยังไงก็ไม่ใช่ความลับอะไร เซี่ยชีหรั่นก็ยืนเอาให้เธอดู

“ว้าว! โอ้มายก้อด! โอ้มายก้อด! ” จิ่วจิ่วน้ำเสียงตกใจอย่างมาก เหมือนกับไม่เชื่อในสิ่งที่เธอเห็น ดูเสร็จหนึ่งรอบแล้วก็ดูอีกหนึ่งรอบ ดีใจจนแก้มแดงขึ้นมาแล้ว

สุดท้าย เธอยกกระดาษที่อยู่ในมือขึ้น พูดขึ้นอย่างดีใจว่า : “โอ้มายก้อด คุณเพื่อนเซี่ยชีหรั่น ตอนนี้คุณเป็นเศรษฐีพันล้านแล้วนะ! คุณเลี้ยงฉันเถอะ ชีวิตนี้ฉันไม่ต้องทำงานอะไรแล้ว ฉันแค่กินข้าว ไม่มีอะไรทำก็ไปตากแดดที่ฮาวาย ชีวิตนี้จะสวยงามขนาดไหนกันนะ? ”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset