สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 607 สาวใช้ตัวแสบ 511

ตอนที่ 607 สาวใช้ตัวแสบ 511
โม่เสี่ยวจุนจับมือไห่ฉิงฉิงแน่นขึ้น พูดนิ่งๆออกมาว่า “เรียกให้ถูก ต้องเรียกว่าพี่สะใภ้”
ท่าทางที่ดูจริงจังอย่างนี้ของเขาทำเอาภายในใจของไห่ฉิงฉิงหวานราวกับได้ดื่มน้ำผึ้งเข้าไปยังไงอย่างนั้น ใบหน้าแดงก่ำขึ้นกว่าเดิม
เธอมองไปยังโม่เสี่ยวจุน แล้วเอ่ยถามเขาออกไปอย่างอดไม่ได้ “คุณ…คุณชอบฉันจริงๆหรือเปล่า?”
“แน่นอนว่าชอบแบบจริงจังสิครับ ฉิงฉิง ให้เวลาผมอีกนิดนะครับ รอเมื่อกิจการของผมเติบโตขึ้นกว่านี้อีกหน่อย ผมจะมาขอคุณแต่งงานนะครับ”
เดิมโม่เสี่ยวจุนก็รู้แล้วว่าไห่ฉิงฉิงไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เธอต้องการแค่เพียงความรัก เธอมีหัวใจที่โรแมนติกอย่างมาก คิดเพียงว่าบนโลกนี้มีเพียงความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่อความรักแล้ว เธอถึงขนาดที่ไม่คำนึงถึงอะไรเลยก็ยังได้ แม้แต่การสละชีวิตของตัวเองเธอก็เต็มใจ นี่ช่างเป็นความรู้สึกที่ล้ำค่าอย่างมากเลยจริงๆ
เธอคิดอย่างนี้ แต่เขากลับไม่ได้คิดอย่างนั้นนี่สิ
ถึงอย่างไรมันก็ยังมีขนบธรรมเนียมประเพณีทางสังคมอยู่ ในสายตาสังคมมันน่ากลัว วังวนชีวิตของไห่ฉิงฉิงอยู่ในสังคมชั้นสูง ส่วนใหญ่พวกเขาจะเป็นพวกที่จะเสแสร้งจอมปลอมเข้าหากัน เบื้องหน้าก็คงจะอวยพรให้เธอตามหาเจ้าชายขี่ม้าขาวจนเจอ
แต่ลับหลังพวกเขาก็จะพูดกันว่าไห่ฉิงฉิงเจอพวกหนุ่มหน้าขาวอะไรพวกนี้แทน
ในเมื่อเขาอยากมอบความสุขทั้งชีวิตให้กับเธอ ก็ต้องขอเธอแต่งงานในตอนนี้เขามีกำลังพร้อมจริงๆ เพื่อให้เธอมีความสุขทั้งภายนอกและภายใน ไม่มีความรู้สึกเสียดายใดๆออกมา
เขาใช่ว่าจะไม่รู้ว่า มันจะมีผู้หญิงคนไหนหรอที่ไม่ยินดีและภูมิใจที่คนรักของตัวประสบความสำเร็จกัน? เพียงมันเกิดมาจากการที่เธอรักเขาคนนี้ จึงได้เพิกเฉยต่อสิ่งเหล่านั้นเพียงเท่านั้นเอง
“ทำไมกันล่ะเสี่ยวจุน คุณก็รู้ว่าฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลยสักนิด”ไห่ฉิงฉิงเอ่ยออกมาอย่างเบาๆ โม่เสี่ยวจุนทำเพียงคว้ามือเล็กของเธอขึ้นประทับรอยจูบกับริมฝีปากของเขา
“คุณไม่สนใจแต่ผมสนใจ เอาเถอะ ผมเป็นผู้ชาย เชื่อผมเถอะนะครับ”
ประโยคอย่างนี้ของโม่เสี่ยวจุนฟังดูแล้วมันช่างเหมือนกับมีมนต์ขลังอะไรจริงๆ จนไห่ฉิงฉิงต้องเงียบนิ่งลงทันที พยักหน้าออกมาอย่างว่าง่าย แล้วเอ่ยออกมาว่า “ตกลงค่ะ คุณบอกว่าจะแต่งเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นค่ะ ผู้ชายให้ความสำคัญกับหน้าที่การงาน ฉันเข้าใจดีค่ะ”
โม่เสี่ยวจุนผู้ชายที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง ไม่ยอมใช้เงินของเธอเลยแม้แต่นิดเดียวแน่ เธอรู้เรื่องนั้นดี
เธอเองก็รู้ดีว่าโม่เสี่ยวจุนไม่มีทางที่จะชอบให้คนอื่นมาเรียกเขาว่าเขาเป็นสามีของไห่ฉิงฉิง เขาจะต้องเลือกเดินในทางที่ให้คนอื่นเขาพูดกันว่าไห่ฉิงฉิงเป็นภรรยาของโม่เสี่ยวจุนแทนเขาถึงจะพอใจได้ล่ะมั้ง
“เฮ้ พวกนายสองคนอย่ามาเมินฉันอย่างนี้ได้มั้ย?ฉันยังอยู่ในรถนะ มาเล่นหูเล่นตาใส่กันอย่างนี้ได้ยังไงกัน อั้ยหยา พี่สะใภ้พี่ต้องสอนฉันคว้าใจผู้ชายหน่อยซะแล้ว ฉันบอกพี่ไว้เลยนะว่าเมื่อก่อนพี่เสี่ยวจุนหยิ่งมาก แม้แต่ผู้หญิงที่สวยราวกับเทพเซียนพี่เขาก็ยังไม่มองดูเลยแม้แต่หางตา ในตอนนั้นมีคนเขียนจดหมายรักมาให้พี่เขาตั้งเท่าไหร่ เขาก็ไม่อ่านเลยสักฉบับ เอาจดหมายพวกนั้นไปทิ้งลงถังขยะจนหมด แม้แต่ฉันกับพี่ชีหรั่นเองพวกเราก็ยังถูกอิจฉาอยู่บ่อยๆเหมือนกัน เพราะพวกเราเป็นน้องสาวของเขา นึกไม่ถึงจริงๆเลยว่าตอนนี้เขาจะมาพูดคำหวานๆกับพี่เองแบบนี้ได้ ฉันล่ะอิจฉาพี่จริงๆ พี่สะใภ้ฉันว่าพี่ชายของฉันแพ้ทางพี่สะใภ้แน่ๆ พี่สะใภ้เสน่ห์แรงเกินไปแล้ว”
โม่เสี่ยวหนงเอ่ยชมไห่ฉิงฉิงอย่างปากหวาน ความจริงไห่ฉิงฉิงก็ไม่ได้มีภาพจำอะไรมากมายกับโม่เสี่ยวหนงนัก ทว่าคนเราก็ชอบฟังคำพูดดีๆอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่กำลังมีความรักนั้นจะชอบให้คนอื่นมาพูดอย่างนี้เป็นที่สุด
ไห่ฉิงฉิงก็ได้ยิ้มหวานให้กับโม่เสี่ยวหนงไปทีนึง แล้วเอ่ยออกไปว่า “ฉันเสน่ห์แรงที่ไหนกัน ฉันก็แค่บังเอิญเจอกับเขาเท่านั้นเอง นี่มันเป็นความโชคดีของฉันเลยก็ว่าได้”
โม่เสี่ยวจุนรู้พิสัยของเด็กคนนี้ดี เธอเห็นว่าใครพอจะมีประโยชน์กับตัวเองก็มักจะเข้าไปประจบสอพลอเพื่อให้คนนั้นได้ใจ แต่ถ้าใครไม่มีค่าให้เธอหลอกใช้ได้ เธอก็จะเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือแล้วถีบหัวส่งทันที
ดังนั้นกับการประจบของเธอนั้น ภายในใจของเขาก็มีเพียงความเอือมระอาออกมา
ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอนั้น เกรงว่าจะรู้สึกเอ็นดูเธอน้อยลงจริงๆ แต่ถ้าหากเธอสามารถทำให้เขามองเห็นความจริงใจของเธอได้ บางทีเขาอาจจะเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเธอไปก็ได้ แต่น่าเสียดาย…
“พี่สะใภ้ ร้านกาแฟร้านนี้เป็นร้านของพี่งั้นหรอคะ?”โม่เสี่ยวหนงไม่ได้หันไปมองสีหน้าของโม่เสี่ยวจุนในตอนนี้ เพราะเธอรู้ดีว่าสีหน้าของเขาตอนนี้คงไม่น่าดูเท่าไหร่นัก
เธอก็ไม่ได้สนใจหรอกว่าเขาจะคิดยังไง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พอใจเธอ เขาก็ไม่มีทางที่จะพูดอะไรออกมาต่อหน้าไห่ฉิงฉิงหรอก เธอมั่นใจ
เพียงแค่เขาไม่พูดออกมา ไห่ฉิงฉิงก็จะคิดว่าเธอเป็นน้องสาวของเขาและจะต้องไว้หน้าเธออย่างแน่นอน
“ใช่ ร้านของฉันเอง”
“พี่สะใภ้นี่เก่งจริงๆนะคะ ดูเหมือนว่าฉันไม่เพียงแต่จะต้องศึกษาวิธีกำราบผู้ชายจากพี่สะใภ้เท่านั้น แต่ยังสามารถเรียนรู้การที่จะเพิ่มรายได้ของตัวเองจากพี่สะใภ้ได้อีกด้วย!”โม่เสี่ยวหนงเอ่ยชมออกมาอีกครั้ง ในครั้งนี้ไห่ฉิงฉิงทำเพียงแค่ยิ้มออกมา แล้วเอ่ยตอบกลับมาเรียบๆว่า “เธอชมเกินไปแล้ว ความจริงแล้วจะหาเงินได้หรือไม่ได้มันก็ได้ทั้งนั้น เมื่อก่อนก็คิดว่าการเปิดร้านมันก็สนุกดี ก็เลยเปิดมาหลายร้าน มันไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นเลย”
ในใจของโม่เสี่ยวหนงคิด การหาเงินไม่สำคัญ นั่นก็เพราะว่าเธอมีเงิน คนมีเงินก็พูดได้สิไม่ได้ก้มหน้าก้มตาทำงานงกๆอย่างพวกเธอนี่ ถ้าเธอเติบโตมากับครอบครัวธรรมดาๆอย่างเธอ ลองดูสิว่าเธอจะยังมีความคิดที่สวยหรูอย่างนี้อีกมั้ย
ถึงแม้ว่าภายในใจเธอจะคิดอย่างนั้น แต่ปากของเธอก็ไม่อาจพูดอย่างนั้นออกไปได้ ปากของเธอตอนนี้ก็ยังคงเอ่ยชมเธอออกไปเหมือนเดิม
พวกเขาที่กำลังพูดคุยกันอยู่อย่างนั้นก็เห็นไห่ลี่หมินและเซี่ยชีหรั่นเดินตามหลังกันออกมา ไห่ฉิงฉิงเปิดประตูลงจากรถ แล้วเดินออกไปเอ่ยยิ้มทักทายเซี่ยชีหรั่น “เป็นยังไงบ้าง คุยกันถูกคอมั้ย? ไห่ลี่หมินได้สารภาพความรู้สึกกับเธอแล้วใช่มั้ย? ฉันว่าเธอกับเขาก็ได้อยู่นะเนี่ย เขาดีกว่าเย่เชินหลินคนนั้นไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่ากัน”
ตั้งแต่ที่รู้ว่าเย่เชินหลินและส้งหลิงหลิงมีลูกด้วยกัน เวลาที่ไห่ฉิงฉิงพูดถึงเขา ก็มักจะเรียกชื่อเขาว่าเย่เชินหลินด้วยอารมณ์โทสะอยู่หลายส่วน และไม่เรียกเขาว่าพี่เชินหลินอีกเลย
ใบหน้าของเซี่ยชีหรั่นแดงขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเอ่ยออกมาเบาๆว่า “เขาไม่ได้พูดเรื่องนั้น”
“โอ้ อย่างนี้หรอ แล้วเขาพูดอะไรล่ะ? เล่ามาให้ฉันฟังหน่อยสิ”ไห่ฉิงฉิงพูดยิ้มๆออกมา ทว่ากลับมีเสียงเย็นของไห่ลี่หมินพูดออกมาแทน “จะมาพูดอะไรมากมาย ไปส่งชีหรั่นกลับบ้านกันได้แล้ว ฉันมีธุระต้องไปจัดการอีกหน่อย”
ไห่ฉิงฉิงเพียงแค่อยากจะสอบถามความคืบหน้าของเซี่ยชีหรั่นและไห่ลี่หมิน ทว่าไม่ได้สังเกตสีหน้าของพี่ชายเลย เพราะคำพูดของไห่ลี่หมินเธอจึงสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเขาผิดปกติไป ราวกับว่ากำลังอดกลั้นอะไรบางอย่างอยู่อย่างสุดฤทธิ์
ไห่ฉิงฉิงรีบเก็บรอยยิ้มกลับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ดึงร่างเซี่ยชีหรั่นเดินออกไปพลางพูดว่า “ไปกันเถอะ พี่ไปทำธุระของพี่เถอะ”
ไห่ลี่หมินก็ได้ส่งสายตาที่สื่อความหมายลึกซึ้งไปยังเซี่ยชีหรั่น แล้วรีบไปเอารถของตัวเอง
“ไปกันเถอะชีหรั่น บ้านของเธออยู่แถวไหนหรอ?”หลังจากที่เซี่ยชีหรั่นขึ้นรถมาแล้ว ไห่ฉิงฉิงก็ถามเธอออกมา เมื่อเธอบอกที่อยู่ออกไปไห่ฉิงฉิงก็ออกรถไปทันที
หลังจากที่ไห่ลี่หมินออกพ้นสายตาคนเหล่านั้นแล้วเขาก็ติดต่อออกไปยังหมายเลขหนึ่ง ถามว่าอาการการบาดเจ็บของเย่เชินหลินเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้กำลังตรวจอาการอยู่ที่ไหน
“ตอนนี้เขาอยู่ที่แผนกศัลยกรรมกระดูกที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง บาดเจ็บบริเวณขา…คุณรอสักครู่นะครับ ผมขอรับสายของคนที่กำลังเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาลก่อนนะครับ”พูดจบเขาก็รับสายทันที จากนั้นก็กลับมารายงานไห่ลี่หมินอีกครั้ง “ตอนนี้ทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังเดินทางกลับวิลล่าของเขาแล้วครับ”
“ทราบแล้ว!” ไห่ลี่หมินเอ่ยเสียงทุ้มออกมาอีกครั้ง แล้ววางสายไป ความกังวลของเขาได้คลายลงแล้ว
เย่เชินหลิน…ครั้งนี้นายได้รับบาดเจ็บจริงๆ หรือว่าเป็นคนสร้างเรื่องขึ้นมากันแน่ เขาขึ้นรถจากนั้นก็ขับรถไปพลางคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆไปพลาง นอกจากอุบัติเหตุ และเป็นเรื่องที่เขาสร้างขึ้นมาแล้ว ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นตระกูลส้งที่เป็นผู้ลงมือทำเรื่องนี้
ตระกูลส้งลงมือทำเช่นนี้ก็เพื่อเตือนให้เขาอยู่ห่างๆเซี่ยชีหรั่นซะ เรื่องที่เขาจับคู่ให้ส้งซูหาวและเซียวเสี่ยวลี่แต่งงานกันนั้นคงทำให้ตระกูลส้งถือสาเอาได้ และอาจจะต้องการสั่งสอนเขาขึ้นมา
และแน่นอนว่าไม่อาจกำจัดจงหวีฉวนจิ้งจอกเฒ่าผู้นั้นได้
ตั้งแต่ที่เขาย้ายมาที่หลินเจียงแล้วนั้น ก็ไม่ได้เป็นเลขาส่วนตัวให้กับจงหวีฉวนอีก เพราะเวลาที่เขามีเรื่องอะไรก็แทบจะไม่สั่งให้เขาเป็นคนออกไปทำอีกเลย
ครั้งที่แล้วตอนที่เย่เชินหลินหมั้นกับส้งหลิงหลิง จงหวีฉวนก็ได้บอกให้เขาทำให้รถของเย่เชินหลินเกิดอุบัติเหตุ ในส่วนระดับความรุนแรงนั้นก็ให้เขาเป็นคนจัดการ ดังนั้นความเป็นไปได้ที่จะเป็นจงหวีฉวนก็มีไม่น้อยเลยเช่นกัน
ได้รู้ว่าเขาแค่บาดเจ็บที่ขาเท่านั้น เขาก็ไม่ได้ขับรถจนเร็วเกิน กว่าเขาจะไปถึงวิลล่า เย่เชินหลินก็มาถึงวิลล่าก่อนแล้ว
ในตอนที่เย่เชินหลินกลับวิลล่านั้น เขาเป็นคนขับรถกลับมาด้วยตัวเอง รถสปอร์ตสองที่นั่งของเขาไม่มีที่นั่งเพียงพอให้กับนักข่าวทั้งสองท่านนั่งไปด้วยได้ ดังนั้นแล้วนักข่าวทั้งหลายก็ต้องนั่งรถอีกคันนึงตามเขามาตั้งแต่ในเมืองมาจนถึงปากทางแยกแถวชานเมืองก็มีรถคันหนึ่งพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง แล้วชนเข้ากับรถของเย่เชินหลิน
ด้วยสัญชาตญาณความเป็นนักข่าว ทันทีที่เห็นก็ได้ถ่ายรูปเป็นอันดับแรกแล้วบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ที่นั่งคนขับของเย่เชินหลินถูกชนจนถุงลมนิรภัยพองตัวออกมาเพื่อปกป้องร่างกายท่อนบนของเขาแต่ขาของเขากลับถูกส่วนของตัวรถที่บุบบีบเข้ามาจนบาดเจ็บ ในยามที่เย่เชินหลินถูกยกออกมาจากรถ นักข่าวก็เข้ามาถ่ายคราบเลือดบนร่างของเขาจนเขาแสบตาไปหมด
ต่อจากนั้นเย่เชินหลินก็ได้ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ค่อนข้างที่จะใกล้กับแถวนั้น เหล่านักข่าวก็คอยเฝ้ากันอยู่ด้านนอก เมื่อเขาออกมาก็ได้บันทึกสถานการณ์ก่อนเป็นอันดับแรก
“คุณเย่คะ คุณเกิดเรื่องอย่างนี้ก็จะต้องพักผ่อน พวกเราไม่รบกวนแล้วดีกว่า ถ้าอย่างนั้นเราเลื่อนวันสัมภาษณ์ไปเป็นวันอื่นกันดีกว่านะคะ”นักข่าวพูดกับเย่เชินหลินออกมา ทว่าเขากลับยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมา แล้วเอ่ยออกมาว่า “ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก งานของพวกคุณก็ยุ่งเหมือนกัน เรามาสัมภาษณ์กันในวันนี้ให้เสร็จไปเลยดีกว่านะครับ เพียงแต่ต้องขอรบกวนให้ทุกท่านตามผมไปสัมภาษณ์ที่วิลล่าแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
ในสิ่งที่เขาเล่าลือกันว่าเป็นเจ้าชายเย็นชาจนผิดมนุษย์มนานั้นทำเอานักข่าวทั้งสองต้องกลับมาทำความรู้จักเขาอีกครั้ง ที่แท้ข่าวลือนั้นก็เชื่อไม่ได้ เจ้าชายคนนี้เข้าถึงง่ายซะขนาดนี้นี่นา
เย่เชินหลินเดินทางมาถึงวิลล่า คุณพ่อบ้านก็ตกตะลึงกับสภาพของเขาไม่น้อย
“คุณเย่ คุณเป็นอะไรไปครับ? ทำไมถึงได้รับบาดเจ็บได้?” คุณพ่อบ้านเอ่ยถามออกมาอย่างเป็นกังวลอย่างมาก เย่เชินหลินทำเพียงแค่ยิ้มออกมาอย่างไม่ใส่ใจ แล้วเอ่ยถามเขาออกไป “หลิงหลิงล่ะ?”
“คุณส้งอยู่ด้านบนตึกครับ ผมจะไปเรียนเธอเดี๋ยวนี้ครับ! พวกนายรีบมาประคองพาคุณเย่ไปห้องนอนชั้นหนึ่งเร็วเข้า”คุณพ่อบ้านตระเตรียมจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังคงมองบาดแผลของเย่เชินหลินอย่างเป็นกังวล ก่อนที่จะเดินขึ้นไปเชิญส้งหลิงหลิงลงมา
“คุณส้งครับ คุณเย่เกิดอุบัติเหตุครับ ตอนนี้กลับมาแล้วกำลังอยู่ที่ชั้นล่างครับ คุณรีบตามไปดูเขาสักหน่อยเถอะครับ!”หลังจากที่คุณพ่อบ้านเคาะประตูห้องของส้งหลิงหลิงแล้วก็รีบเอ่ยออกมาทันที
เขาพูดออกมาอย่างร้อนใจ ราวกับว่าเย่เชินหลินไม่ได้บาดเจ็บที่ขาแต่เป็นหัวใจยังไงอย่างนั้น เขาจงใจที่จะให้ส้งหลิงหลิงรู้สึกร้อนรนขึ้นมา เธอกำลังอยู่ชั้นบน พอร้อนรนขึ้นมาแล้ว ยามที่เดินลงมาก็จะพลัดตกลงมาได้ง่ายๆเลยใช่มั้ย?
ถ้าเธอกลิ้งลงมาจากบันได….คนอื่นเขาก็จะได้อยู่ด้วยกันอย่างเป็นสุขเสียที คุณพ่อบ้านคิดอย่างเย็นชา
“ว่าไงนะ? เชินหลินเกิดอุบัติเหตุ? นายรอก่อน เดี๋ยว!” ส้งหลิงหลิงร้อนใจขึ้นมา หลังจากที่เธอรีบถามออกไปแล้ว ก็รีบลงจากเตียง สวมสลิปเปอร์แล้วรีบเดินออกมา

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset