สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 711 สาวใช้ตัวแสบ 615

ตอนที่ 711 สาวใช้ตัวแสบ 615
เซี่ยชีหรั่นบอกว่าจะไปทำงานเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
ที่จริงแล้วเธอไม่มีอารมณ์ที่จะทำงานในตอนนี้หรอก โดยเฉพาะเธอในตอนนี้ไม่มีกำลังใจมากพอที่จะเริ่มต้นใหม่เลย
เมื่อไหร่ที่อยู่เงียบ ๆ คนเดียว เธอมักจะนึกถึงภาพของเย่เชินหลินที่จับมือส้งหลิงหลิงไว้ แล้วภาพนั้นค่อย ๆ จางหายไป แต่ทุกครั้งที่เย่เชินหลินโทรหาเธอก็จะรู้สึกดีขึ้น แต่ลูกของเขากำลังจะคลอดแล้ว เธอรู้ว่าถ้ามีทารกคนนี้ยังไงก็ต้องเบี่ยงเบนความสนใจของเขาแน่นอน ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ถ้ามีเด็กทารกขั้นกลางระหว่างเขาสองคนแล้ว ความสัมพันธ์ก็จะไม่ใกล้ชิดเหมือนเดิมอีก
เธอไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกับความเคยชินไหม เพราะเธอโหยหาความรักมาตั้งแต่เด็ก และเมื่อได้พบกับความรักความเอาใจใส่แล้วเธอคงพึ่งพามันมากเกินไป จนทำให้เธอตอนนี้ต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงมาก
ถ้าในเวลานี้มีคนมาเปิดใจคุยกับเธอ ก็คงดีกว่าการที่เธอบังคับตัวเองให้หมกมุ่นกับการงาน เธอคงรู้สึกดีมากกว่า
“เธอมีเรื่องอะไรบอกกับพี่ได้นะ ถูกเขารังแกอีกแล้วล่ะสิ?” ท่าทีของหลี่เหอไท้อ่อนโยนและยังคงแสดงออกถึงความห่วงใยอยู่เสมอ
“เปล่า พี่เหอไท้เข้าใจผิดแล้ว เมื่อคืนหนูร้องไห้ก็จริง แต่หนูแค่รู้สึกไม่ดีไปเอง เมื่อคืนส้งหลิงหลิงกำลังจะคลอด เย่เชินหลินเลยส่งเธอไปที่โรงพยาบาล และลูกของเธอก็คลอดเช้านี้แล้ว หนูรับปากแล้วว่าจะยอมรับมัน แต่เมื่อถึงเวลาจริง ๆ มันก็ไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้ แต่เขายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนนะ ตอนเฝ้าเย่เชินหลินที่โรงพยาบาลเขาก็โทรหาหนูหลายสายเลย หนูเองที่ไม่ดี คงคิดมากไปเอง หนูกลัวว่าเด็กคนนี้จะแย่งความรักไปจากหนู กลัวว่าเขาจะไม่รักหนูอีก”
ดวงตาเซี่ยชีหรั่นมีความเศร้าโศกเล็กน้อย และน้ำเสียงของเธอก็ดูอ่อนแรงมาก เมื่อพูดจบก็มองไปที่หลี่เหอไท้อย่างทำตัวไม่ถูก
เขารู้ว่าต้องเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้น ไม่เช่นนั้นทำไมเขาถึงสนับสนุนให้ทำแท้งลูกของเย่เชินหลินล่ะ
“ตอนนี้ทุกอย่างมันก็สายเกินไปแล้ว พี่เคยบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าเธอยังมีทางเลือกอีกมากมาย ไม่จำเป็นต้องเลือกเย่เชินหลินคนเดียวหรอก เลือกใครก็ได้สักคน เธอก็ไม่ต้องใช้ชีวิตกับลูกของคนอื่นไง”
“ไม่! พี่เหอไท้ หนูจะไม่ทิ้งเขาไปไหนหรอก ถ้าหนูทิ้งเขาไปได้หนูคงไปนานแล้ว หนูรักเขา! หนูเตรียมใจไว้แล้ว เพียงแค่ต้องใช้เวลาปรับตัวหน่อย”
“เธอนะ!” หลี่เหอไท้ได้แต่ส่ายหัว
เขาไม่อยากโน้มน้าวอีกต่อไป บางทีเซี่ยชีหรั่นก็เหมือนแม่ของเขา ตอนนั้นเธอก็เป็นสาวสวยคนหนึ่ง มีทางเลือกตั้งมากมายแต่กลับเลือกพ่อของเขา ไม่ว่าจะมีอุปสรรคมากเท่าไหร่ เธอก็ยืนหยัดกับทางเลือกของเธอไม่เปลี่ยนใจ
ถึงยังไงสถานการณ์ของเซี่ยชีหรั่นในตอนนี้ก็ดีกว่าแม่ของเขาในอดีต อย่างน้อยลูกคนนี้ยังเด็ก ถ้าได้เลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก ลูกคนนี้ก็จะพึ่งพาในตัวเธอ
เซี่ยชีหรั่นกัดริมฝีปากของเธอไว้แล้วยิ้มพูด “หนูไม่เป็นไรแล้ว แค่ได้ระบายความรู้สึกก็สบายใจขึ้นเยอะแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากให้เขาต้องกังวล แต่ตัวของหลี่เหอไท้ยังคงหนักใจในเรื่องของเธออยู่ดีผู้หญิงดี ๆ แบบนี้สวรรค์ช่างไม่เข้าข้างเธอเลย เธอควรได้มีชีวิตที่ดีกว่านี้
หวังว่าความทุกข์ความเศร้าของเธอจะหายไปโดยเร็วที่สุด และไม่ว่าเธอจะอยู่กับใคร เขาก็หวังว่าเธอจะมีความสุข
หลี่เหอไท้ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาทั้งสองนั่งดื่มชาด้วยกัน และเขาริมชาให้เธอด้วยความอบอุ่น ค่อย ๆ จิบชาไปสักพักเขาถึงพูดต่อ “ถ้าเธอยืนยันจะสานความสัมพันธ์กับเย่เชินหลินต่อ เธอไม่ควรให้ส้งหลิงหลิงอยู่บ้านตระกูลเย่ไปตลอดนะ ตราบใดที่นางยังอยู่ ลูกของเขาไม่มีวันจริงใจกับเธอหรอก อีกอย่างนิสัยของผู้หญิงคนนั้นใช่ย่อยเลยนะ เธอคงเอาชนะนางไม่ได้หรอก”
“อื้ม! เรื่องนี้หนูรู้ดีค่ะพี่เหอไท้ เย่เชินหลินก็เคยพูดกับหนูเหมือนกัน หลังจากที่เธออยู่เดือนครบแล้ว เด็กก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธออีก แล้วจะให้เธอย้ายออกไปอยู่ข้างนอก”
แม้ว่าเซี่ยชีหรั่นจะพูดอย่างนั้นก็ตาม แต่เขาก็ยังรู้สึกหนักใจอยู่
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่แม่คนหนึ่งคลอดลูกออกมาแล้วต้องพรากจากลูกไป
ถ้าไม่ใช่แผนร้ายของส้งหลิงหลิง ที่คิดจะใช้ลูกเป็นเครื่องมือที่จะแย่งเย่เชินหลินไป เธอจะยอมแยกจากลูกง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร?
ตั้งแต่เธอเห็นเย่เชินหลินจับมือส้งหลิงหลิงไว้ก่อนจะคลอดลูก ก็ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจแล้ว และทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่า เพราะส้งหลิงหลิงพยายามฆ่าตัวตาย เย่เชินหลินจึงยอมไม่ให้นางทำแท้งลูก
ถ้าหากส้งหลิงหลิงอยู่ครบเดือนแล้วไม่ยอมแยกจากลูก แล้วใช้วิธีขู่ฆ่าตัวตายอีกล่ะ เย่เชินหลินจะไม่ใจอ่อนอีกเหรอ?
เธอเงยหน้ามองหลี่เหอไท้ แล้วอยากบอกความในใจนี้กับเขา แต่เมื่อคิด ๆ แล้ว เขาจะตอบเธอได้อย่างไร?
เกรงว่าปัญหานี้ถ้าถามเย่เชินหลินในตอนนี้ก็คงให้คำตอบเธอไม่ได้อยู่ดี
ตอนนี้เธอทำได้เพียงเผื่อใจไว้ก่อน ถ้าถึงเวลานั้นแล้วเย่เชินหลินยังคงใจอ่อนต่อการกระทำของส้งหลิงหลิงแบบนี้ เธอคงไม่มีเหตุผลที่จะทนอยู่ต่อไปอีก
ไม่ต้องพูดถึงว่าเย่เชินหลินกับส้งหลิงหลิงยังไม่ได้แต่งงานกัน ต่อให้เขาแต่งงานกันแล้ว และเธอที่ต้องเป็นอดีตภรรยา ก็ไม่มีเหตุผลที่อดีตภรรยาจะต้องทนอยู่ไปตลอด
……
หลินหลิงโทรหาเย่เชินหลินและบอกว่าผลตรวจสุขภาพของเด็กทารกออกมาแล้ว หมออยากให้ผู้ปกครองของเด็กเข้าไปพบ
เย่เชินหลินเข้าไปในห้องผู้ป่วยแล้วบอกกับส้งหลิงหลิงว่าต้องไปทำธุระแล้วออกจากที่นั่น ก่อนเดินออกมาเขาหันไปมองลูกอีกครั้ง เมื่อเห็นลูกกินนมแล้วหลับไปเขาถึงรู้สึกสบายใจขึ้น
เย่เชินหลินไปที่แผนกกุมารเวชกรรมชั้นล่าง หลินหลิงได้เปิดเผยสถานะของเย่เชินหลินให้กับแพทย์หลาย ๆ คนแล้ว แม้ไม่ได้บอกโดยตรงว่าเขาคือใครมาจากไหน แต่ทุกคนก็พอเดาได้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา
แพทย์หลายคนจึงมีท่าทีที่เคารพเกรงใจต่อเย่เชินหลิน
“สถานการณ์เป็นอย่างไร คุณหมอช่วยบอกผมโดยตรงเลยนะครับ” เย่เชินหลินได้เตรียมใจที่จะรับฟังแล้ว
“คืออย่างนี้นะครับคุณเย่ ผลการตรวจวินิจฉัยของเด็กคนนี้คือเขามีโรคหัวใจตั้งแต่กำเนิด”
หัวใจของเย่เชินหลินสั่นสะเทือนไปชั่วขณะ แม้เขาจะทำใจไว้แล้ว แต่เมื่อได้ฟังผลลัพธ์ที่แท้จริงนี้ เขาก็ไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยได้
สีหน้าของเขานิ่งเฉยมาก เขาเก็บอารมณ์จนหมอทุกคนต้องรู้สึกประหลาดใจและคิดว่าพ่อคนนี้เป็นพ่อที่เลือดเย็นไปไหม
“ในเมื่อเป็นโรค มันก็ต้องมีวิธีรักษา คุณหมอก็ได้วินิจฉัยออกมาแล้ว ผมคิดว่าตอนนี้เราควรหารือเกี่ยวกับแผนการรักษาใช่ไหมครับ? คุณต้องใช้วิธีรักษาด้วยการผ่าตัด หรือว่าบำบัด?” น้ำเสียงของเย่เชินหลินหนักแน่นมาก
แพทย์ทุกคนต่างมองหน้ากัน สุดท้ายต้องให้ผู้อำนวยการแผนกกุมารเวชกรรมมาให้คำตอบกับเย่เชินหลิน “สถานการณ์ร่างกายของเด็กในตอนนี้ค่อนข้างไม่ราบรื่นอย่างที่คิดเท่าไหร่ครับ เพราะเป็นโรคหัวใจแต่กำเนิดจึงค่อนข้างซับซ้อน ดังนั้นเรายังไม่สามารถให้การรักษาด้วยการผ่าตัดได้ครับ เพราะอัตราการประสบความสำเร็จในการผ่าตัดนั้นมีน้อยมาก ดังนั้น เบื้องต้นเราทำได้เพียงให้การรักษาแบบอนุรักษนิยมเท่านั้นครับ”
“การรักษาแบบอนุรักษนิยมต้องทำยังไงบ้างครับ? ต้องใช้ยาหรือว่า?”
เย่เชินหลินรู้ดีว่าถ้าใช้ยากับเด็กทารกมันต้องมีผลข้างเคียงต่อร่างกายของเด็กอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากไม่ใช้ยาในการรักษา ลูกอาจจะไม่มีชีวิตรอดก็เป็นไปได้
หมอส่ายหัวอีกครั้งแล้วพูดต่อ “ขออภัยด้วยนะครับคุณเย่ สถานการณ์ของเด็กคนนี้ไม่สามารถให้ยารักษาได้ เพราะเป็นโรคหัวใจโดยกำเนิด ถ้าใช้ยาก็จะไม่มีผลดีอย่างอะไรต่อร่างกาย อีกทั้งยังมีผลข้างเคียงด้วย ที่ทางเราแจ้งว่าต้องรักษาแบบอนุรักษนิยมนั้น ก็ทำได้เพียงสังเกตอาการไปเรื่อย ๆ จนกว่าเด็กจะโตจนสี่ถึงห้าขวบถึงจะพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัดได้ครับ”
ยังมีส่วนอื่นอีกไหม? ที่แพทย์ไม่ได้บอก แต่เย่เชินหลินสามารถรับรู้ได้จากสีหน้าของเขา โดยเด็กส่วนใหญ่แล้วจะพ่ายแพ้กับอาการแบบนี้ ซึ่งก็หมายถึงเสียชีวิตนั่นเอง
“คุณดูผลตรวจของเด็กได้นะครับ” เมื่อเย่เชินหลินหยิบผลตรวจนั้นขึ้นมา ในรูปนั้นสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าหัวใจของเด็กนั้นยาวกว่าปกติ……
“ถ้าหากทำการผ่าตัดต่อนี้ เปอร์เซ็นความสำเร็จเท่าไหร่ครับ? ผมหมายถึงอยู่ในสภาวะของเด็กทารกทั่วไปนะ” เย่เชินหลินถาม
ผู้อำนวยการแผนกกุมารเวชกรรมได้แต่ส่ายหัวแล้วตอบอย่างตระหนักว่า “เก็บจะเป็นศูนย์เลยครับ ผมคิดว่าเขาไม่เหมาะที่จะรับการผ่าตัดจริง ๆ ก็คงทำได้เพียงสังเกตการณ์ไปเรื่อย ๆ ครับ”
สีหน้าของเย่เชินหลินเปลี่ยนไป แล้วผู้อำนวยการจึงรีบพูดต่อ “ต้องขออภัยจริง ๆ นะครับ เทคโนโลยีทางการแพทย์ของเรามีจำกัดจริง ๆ เฮ้อ! ที่จริงแล้วเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยนี้มันก็ล้วนมีข้อจำกัดครับ อย่างเช่นโรคแบบนี้ไม่สามารถตรวจพบในครรภ์ของคุณแม่ได้ ถ้าสามารถตรวจพบในครรภ์ของคุณแม่ได้ ผมคิดว่าทางเราต้องแนะนำผู้ปกครองให้แท้งเสียจะดีกว่านะครับ”
แต่ ณ ตอนนี้ ทุกอย่างมันก็สายเกินไปแล้ว
เย่เชินหลินรู้ดีว่าเด็กคนนี้ได้เกิดจากคืนที่เขามึนเมา และส้งหลิงหลิงยังใช้ยาด้วย ที่น่าเสียดายที่สุดคือไม่สามารถตรวจพบได้ในตอนอัลตราซาวนด์เด็กในครรภ์ และตอนนั้นถ้าเขาใจแข็งพอ เด็กคนนี้ก็ไม่ต้องเกิดมาทนทุกข์ทรมานแล้ว
แพทย์แผนกสูติศาสตร์นรีเวชเคยให้คำแนะนำกับผู้ปกครองเด็กในช่วงที่ฝากครรภ์แล้ว ว่าให้ใส่ใจกับอารมณ์ของแม่เด็ก และพยายามพูดคุยสื่อสารเอาใจใส่กับเด็กในครรภ์มาก ๆ แต่เขาไม่เคยทำเช่นนั้นเลย
ถ้าหากเขาได้รับรู้เร็วกว่านี้ และได้เอาใจใส่กับลูกในครรภ์ให้มากกว่านี้ วันนี้เด็กก็คงไม่ต้องประสบกับเรื่องแบบนี้แล้วใช่ไหม?
หลินหลิงรู้ว่าเย่เชินหลินกำลังรู้สึกผิด เธอจึงเดินเข้าไปถามผู้อำนวยการ “ที่เด็กทารกต้องประสบกับโรคแบบนี้ โดยปกติแล้วอะไรคือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเช่นนี้คะ?”
“เหตุผลนี้ค่อนข้างซับซ้อนมากครับ โดยทั่วไปการตั้งครรภ์สามเดือนแรกเป็นช่วงพัฒนาการอวัยวะของเด็กในครรภ์ ดังนั้นสาเหตุอาจจะเกิดจากการสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์หรือความเครียดทางจิตใจและความวิตกกังวลของสตรีมีครรภ์ นอกจากนี้ก็มีสาเหตุจากการที่คุณพ่อของเด็กนั้นดื่มแอลกอฮอล์หรือเสพยาเสพติดก่อนมีเพศสัมพันธ์เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ก็ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้กระทบต่อลูกในครรภ์ได้”
“ขอบคุณครับคุณหมอ นอกจากสังเกตอาการแล้ว ยังต้องเน้นเรื่องอะไรไหมครับ?” เย่เชินหลินถาม
“พยายามรักษาอารมณ์ของเด็กให้คงที่ที่สุด คุณน่าจะพอทราบดีว่าถ้าเด็กร้องไห้เมื่อไหร่ จังหวะการเต้นของหัวใจและระบบไหลเวียนของโลหิตนั้นจะผิดปกติ ซึ่งมันจะทำให้เด็กขาดออกซิเจนได้ แล้วถ้าในกรณีที่รุนแรงของอาการนี้ ก็อาจจะ……”
“ทราบแล้วครับ!” เย่เชินหลินไม่สามารถทนฟังคำพูดที่รุนแรงต่อจากนี้ได้
ไม่ว่าจะยังไง เด็กก็มีโอกาสที่จะมีชีวิตรอดเสมอ
เขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องลูก ถึงอย่างไรก็ตาม เขาจะดูแลรักษาลูกให้ดีที่สุด
ตอนนี้ลูกยังเด็ก เขาจะปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ไปก่อน เมื่อเด็กอายุครบหกเดือนแล้ว เขาจะพาลูกไปแผนกกุมารเวชที่เชี่ยวชาญที่สุดในต่างประเทศเพื่อรักษา
เย่เชินหลินยื่นผลวินิจฉัยนี้ให้กับหลินหลิงแล้วพูดกับเขาว่า “เธอช่วยเก็บเอกสารนี้ไว้ให้ดี ๆ นะ ก็ยังเป็นประโยคเดิม อย่าเปิดเผยให้ใครรู้โดยเด็ดขาด”
ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า แล้วเห็นสายเรียกเข้าจากหลี่เหอไท้

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset