สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 714 สาวใช้ตัวแสบ 618

ตอนที่ 714 สาวใช้ตัวแสบ 618
ตั้งแต่เมื่อคืนที่เขาออกไปจนถึงตอนนี้ สำหรับเขาแล้วรู้สึกหนักใจมาก และสำหรับตัวเธอก็รู้สึกแย่ไม่แพ้กันเลย
สายตาที่เธอมองเขาในตอนที่เขาออกจากบ้านนั้นก็เหมือนเด็กคนหนึ่งที่กำลังถูกทอดทิ้ง เขาอยากมีวิชาแยกร่างมาก จะได้มีอีกร่างหนึ่งของเขาคอยอยู่เป็นเพื่อนเธอตลอดเวลา
“เมื่อคืนไม่ได้หลับเหรอ? ยังร้องไห้ด้วยล่ะสิ! ทำไมไม่ดูแลตัวเองเลย” เขากระซิบตำหนิเธอด้วยเสียงเบา ๆ แล้วมองใบหน้าเล็ก ๆ ของเธออย่างละเอียดอ่อน
“ต่อไปฉันจะดูแลตัวเองให้มากกว่านี้” เธอยิ้มเล็กน้อย
“ติ๊งต๊อง!” เขาลูบผมเธอเบา ๆ แล้วโอบไหล่เธอไว้ “ผมจองโต๊ะร้านอาหารหลี่ถิงที่อยู่ไม่ไกลจากนี้ไว้โต๊ะหนึ่ง เราไปกินที่นั่นกันนะ”
เดิมทีเซี่ยชีหรั่นคิดว่าจะกินบะหมี่ธรรมดาสักถ้วยก็พอ อยากชวนเขาไปกินด้วย แต่เมื่อนึกถึงครั้งก่อนที่ไปกินหม้อไฟหม่าล่าด้วยกัน แล้วทำให้เขาแสบร้อนจนถึงกระเพาะ เธอจะไม่คิดชวนเขาอีก
เขาอยากไปที่ไหน เธอก็จะตามไปที่นั่น เพราะกว่าเขาจะมาได้มันไม่ง่ายเลย ไม่แน่ช่วงบ่ายเขาต้องกลับไปโรงพยาบาลอีก
“เดินจากที่นี่ไปถึงร้านอาหารหลี่ถิงใช้เวลาสิบห้านาที ถ้าคุณเดินไหว เราค่อย ๆ เดินไปด้วยกันนะ” เย่เชินหลินพูดด้วยความอ่อนโยน เซี่ยชีหรั่นหยักหน้าแล้วจับมือเขาไว้
นั่นสิ เธอคิดมากไปเอง เธอไม่ควรคิดมากไปกว่านี้ เพราะตอนนี้เขาอยู่ข้าง ๆ เธอแล้วไม่ใช่หรือ? เธอควรเชื่อในตัวเขานะ
อย่างน้อยตอนนี้มีเพียงเขาสองคน และไม่มีมือที่สามอยู่ด้วย ไม่จริงหรือ?
วันนี้อากาศแจ่มใสมาก และรู้สึกร้อนเล็กน้อย เขาสองคนเดินไปได้สักพัก ใบหน้าของเซี่ยชีหรั่นก็เริ่มแดงและมีเหงื่อไหลที่หน้าผาก
“รอผมแป๊บนะ” เมื่อเย่เชินหลินพูดจบก็รีบเดินนำไปข้างหน้า เซี่ยชีหรั่นมองไปข้างหน้าแล้วเห็นร้านสะดวกซื้อร้านหนึ่ง
เย่เชินหลินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อไม่นานก็ออกมา แล้วมือถือร่มตอนออกมาด้วย
เขากางร่มออกแล้วบังแดดให้เซี่ยชีหรั่น
การกระทำนี้มันไม่แปลกสำหรับผู้ชายธรรมดาทั่วไป แต่เซี่ยชีหรั่นรู้ดีว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายทั่วไป ความพิเศษของเย่เชินหลินเธอก็เคยเห็นมาแล้ว ตอนนั้นที่เขากำลังอาบน้ำก็มีผู้หญิงเข้าแถวอยู่ข้างนอกคอยรับใช้เขา เรื่องอะไรที่คนอย่างเขาต้องมาถือร่มให้ผู้หญิงด้วย?
แต่ตอนนี้เขาทำเช่นนั้นแล้ว และทำอย่างเป็นธรรมชาติด้วย
“อากาศร้อน ๆ แบบนี้ คุณทำไมไม่พกร่มออกมาด้วย” เขาถามด้วยน้ำเสียงตำหนิเล็กน้อย โดยจะบอกเธอว่าทำไมไม่ดูแลตัวเอง แต่การตำหนิแบบนี้ฟังแล้วทำให้คนรู้สึกชื่นใจมากกว่า
“ไม่เอาหรอก ฉันไม่ชิน ฉันคิดว่าผิวคล้ำหน่อยก็ไม่ได้ดูแย่นะ”
เธอเป็นแบบนี้มาตลอด แต่ไม่ได้หมายถึงเธอไม่รักความสวยความงามเลย สาเหตุหลักก็มาจากแม่เลี้ยงของเธอ ทุกครั้งที่โม่เสี่ยวหนงออกจากบ้าน แม่เลี้ยงก็มักจะให้นางถือร่มไปด้วยเพื่อจะไม่ให้โดนแดดจนผิวดำ
แต่ทุกครั้งที่เซี่ยชีหรั่นกางร่ม โม่เสี่ยวหนงและแม่เลี้ยงของเธอก็จะไม่พอใจ ถึงแม้ร่มนั้นโม่เสี่ยวจุนเป็นคนซื้อให้เธอ แต่แม่เลี้ยงก็ยังประชดประชันและด่าว่าเธอ และหาว่าให้เงินใช้เธอมากเกินไปใช่ไหม หลังจากนั้นเธอก็ไม่กล้าพกร่มอีกเลย แต่ผิวของเธอขาวโดยธรรมชาติ แม้จะโดนแดดอย่างมากก็แค่คล้ำไปสักช่วงก็กลับมาขาวอีก ซึ่งเรื่องนี้มันทำให้โม่เสี่ยวหนงอิจฉาเธอมากตลอด
ในขณะที่ตอบ แววตาของเธอประกายและฟ้องถึงความรู้สึกในใจ จึงทำให้เย่เชินหลินเข้าใจได้ทันที
เขาจับมือเธอขึ้นมาแล้ววางจูบลงไปเบา ๆ “ใกล้ถึงแล้วนะ เดินอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงละ”
หลังจากมาถึงร้านอาหารหลี่ถิง เซี่ยชีหรั่นถึงรู้ว่าเย่เชินหลินได้สั่งอาหารไว้แล้ว และอาหารที่สั่งนั้นล้วนเป็นจานโปรดของเธอเลย เมื่อทั้งสองนั่งลงอาหารก็เริ่มเสิร์ฟทันที
เย่เชินหลินดูแลเอาใจใส่เซี่ยชีหรั่นทั้งมื้อเที่ยงนั้น และเธอก็พยายามตักกับข้าวให้เขา เห็นเขาเหนื่อยล้ามาทั้งคืน ในใจก็รู้สึกเป็นห่วงเขาไม่น้อย หวังว่าเขาจะได้กินอิ่มสักมื้อ
“เด็กคลอดออกมาแล้ว ผมอาจจะไม่สามารถอยู่กับคุณได้ตลอดเหมือนที่ผ่านมา คุณอย่าคิดมากนะ เด็กก็คือเด็ก ไม่ว่าผมจะดีต่อเด็กอย่างไร แต่ระหว่างผมกับส้งหลิงหลิงก็จะไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ ทั้งสิ้น”
เย่เชินหลินไม่อยากให้เซี่ยชีหรั่นต้องคิดมากตลอด ไม่อยากให้เธอต้องเศร้าใจกับความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นอนแบบนี้ เขาจึงพูดให้เธอมั่นใจ
“หลิน ดีจังที่คุณพูดแบบนี้ ต่อไปฉันจะไม่คิดฟุ้งซ่านอีกนะ”
เย่เชินหลินลูบผมเธอเบา ๆ “อื้ม อย่าคิดฟุ้งซ่านอีกนะ เย่เชินหลินคนนี้จะรักคุณเพียงคนเดียว ผ่านมาไม่มีใครคนอื่นและต่อไปก็จะไม่มีใครคนอื่นนอกจากคุณนะ”
น้ำตาของเซี่ยชีหรั่นไหลลงมาอย่างบังคับไม่ได้ เธอหลั่งน้ำตาไปด้วยแล้วยิ้มพูดไปด้วย “ใครว่าเย่เชินหลินไม่โรแมนติก ดูสิ เพียงคำพูดง่าย ๆ คำเดียว ทำให้คนอื่นเขาหวั่นไหวเลย”
“เรื่องกล้วย ๆ น่ะ!” เย่เชินหลินถอนหายใจแล้วลุกขึ้นและเดินไปกอดเธอไว้ แม้น้ำตาของเธอจะไหลไปเปื้อนเสื้อของเขา แต่มันไม่สำคัญสำหรับผู้หญิงคนนี้ที่เขารัก
เพียงคำพูดไม่กี่คำ ทำให้ความขุ่นเคืองในใจของเซี่ยชีหรั่นจางหายไปหมด ณ เวลานี้ นอกจากความหวานก็มีแต่ความหวาน
เซี่ยชีหรั่นยังอยู่ในอ้อมแขนของเย่เชินหลิน เขาเช็ดน้ำตาให้เธอ และตอนนี้ โทรศัพท์ของเย่เชินหลินได้ดังขึ้น สายที่โทรจากหลินหลิง โทรมารายงานว่าเขาหาแม่บ้านได้แล้ว
“คุณเย่คะ หนูพาพวกเธอไปโรงพยาบาลเลยไหมครับ?”
“พาไปสิ เดี๋ยวผมเข้าไปด้วย”
เมื่อได้ยินว่าเย่เชินหลินจะไป เซี่ยชีหรั่นก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าเหมือนเมื่อคืนอีก เธอเริ่มยิ้มแล้วพูดกับเขา “คุณไปเถอะ เดี๋ยวฉันเดินกลับออฟฟิศเอง คุณไม่ต้องกังวลอีกนะ ต่อไปฉันจะมีความสุขทุกวัน”
“ยัยติ๊งต๊อง ผมส่งคุณกลับไปก่อนค่อยไปก็ได้ อย่าคิดว่าหลี่เหอไท้คบกับจงหยุนซางแล้วเขาจะไม่มีวันมาแย่งภรรยาผมไปนะ ผมต้องระวังไว้”
“คุณจะระวังเขาหรือจะระวังฉันกันแน่ แต่ฉันไม่มีประวัติแบบนั้นนะ ไม่เหมือนใครบางคน” เซี่ยชีหรั่นยิ้มพูด
“คุณว่าคุณไม่มีประวัติเหรอ? คุณตั้งใจเข้าหาผมเพื่อผู้ชายคนอื่น ยังมีประวัติซุบซิบกับไห่ลี่หมินอีก ไม่พอตอนนี้ยังไปทำงานที่บริษัทของหลี่เหอไท้ ความผิดของคุณนั้นมันช่างน้ำนิ่งไหลลึกเหลือเกิน คอยดูนะ คืนนี้ผมจะกลับไปจัดการคุณเอง!”
เซี่ยชีหรั่นรู้สึกว่าคำพูดของคุณเย่คนนี้เหมือนมีเลศนัยนะ ความคิดของเขาเริ่มไปในทางแง่ลบแล้ว เธอเริ่มหน้าแดงแล้วรีบกระซิบพูดต่อ “คุณไม่ไปโรงพยาบาลแล้วใช่ไหม?”
เขากำลังจะไปโรงพยาบาล แต่เขาอยากทำให้เธอยิ้ม เขารู้ว่าทุกครั้งที่เขาแกล้งเธอนั้น เธอมักจะเขินจนหน้าแดง แต่ในใจเธอรู้ว่าเขารักเธอถึงได้แซวเธอแบบนี้ เพราะเธอรู้ดีว่าเขาจะไม่พูดกับผู้หญิงคนอื่นแบบนี้ เขาจะไม่หยอดผู้หญิงคนอื่นแบบนี้
หลังจากส่งเซี่ยชีหรั่นกลับออฟฟิศ เย่เชินหลินก็นั่งแท็กซี่กลับไปที่โรงพยาบาล
ระหว่างทางเขาโทรหาผู้ช่วยชายชุดดำ และให้เขามอบหมายให้เซี่ยอี้ชิงมาติดตามเซี่ยชีหรั่นและคอยดูแลเธอตลอดเวลา
การฝึกของเซี่ยอี้ชิงสิ้นสุดลงแล้ว ถึงเวลาที่เขาต้องเริ่มประจำการ
แม้ตระกูลส้งจะล่มสลายไปแล้ว แต่ศัตรูของเย่เชินหลินนั้นไม่ได้มีเพียงตระกูลส้งตระกูลเดียว ตราบใดที่เธอเป็นผู้หญิงของเขาก็ย่อมมีอันตรายที่ไม่คาดคิดอยู่เสมอ ดังนั้นเขาควรระวังตัวตลอดเวลา และจะไม่ให้ความปลอดภัยของเธอลดลงในช่วงที่เขายุ่งอยู่กับเด็กคนนี้
เซี่ยอี้ชิงติดตามเซี่ยชีหรั่นอย่างไม่คลาดสายตา และเขายังจัดบอดี้การ์ดชุดดำค่อยเฝ้าติดตามเธออยู่ในที่ลับ นอกจากนี้เขายังสังเกตเห็นว่าหลี่เหอไท้ก็สั่งคนมาดูแลเซี่ยชีหรั่นอยู่ที่ลับเหมือนกัน แม้เขาจะไม่ชอบให้คนนอกมายุ่งกับผู้หญิงของเขาก็ตาม แต่ไม่ว่างอย่างไรทั้งหมดนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของเธอ ซึ่งหลี่เหอไท้ก็เป็นเหมือนพี่ชายคนหนึ่งของเธอที่มีเจตนาดีต่อเธอ เขาจึงไว้ใจในเรื่องนี้
ขณะที่เย่เชินหลินถึงโรงพยาบาล แม่บ้านที่ให้หาก็มากันครบแล้ว และเมื่อเห็นเขากลับไป ส้งหลิงหลิงและนายหญิงส้งก็รู้สึกดีใจไม่น้อย
เขาถามคำถามแม่บ้านพวกนั้นเป็นการส่วนตัว และถามย้ำอีกครั้งเรื่องงานที่ต่างคนต่างได้รับมอบหมายไป หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วเขาก็มอบหมายงานแต่ละอย่างให้พวกเธอแต่ละคนอย่างชัดเจน และได้ย้ำกับพวกเธออีกครั้งว่าอย่าให้ลูกของเขาร้องไห้ ส่วนเรื่องอื่นไม่สำคัญเท่าเรื่องนี้
ตัวของหลินหลิงก็ได้บอกกับพวกแม่บ้านก่อนหน้านี้แล้ว ว่าคุณเย่มีเงื่อนไขเดียว ก็คืออย่าให้ลูกของเขาต้องร้องไห้ เงื่อนไขนี้เป็นเรื่องปกติในสายตาของพวกแม่บ้าน บุตรที่รักของตระกูลเศรษฐีแบบนี้ จะปล่อยให้ร้องไห้ง่าย ๆ ได้ไง
หลายคนกำลังพูดคุยกันและไม่รู้ว่าเพราะเสียงพูดของแม่บ้านคนไหนที่พูดเสียงดังเกินไป จนทำให้เด็กตื่นขึ้นมาแล้วร้องไห้
สีหน้าของเย่เชินหลินเปลี่ยนไปทันที และส้งหลิงหลิงก็ตั้งใจแสดงให้เห็นถึงความรักที่มีต่อลูก เธอจึงพูดตำหนิขึ้นมา “เป็นบ้าอะไร! พูดเสียงดังขนาดนี้ทำไม? เด็กตกใจเลยเห็นมั้ย!”
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ เดี๋ยวหนูอุ้มเอง เดี๋ยวหนูกล่อมเด็กเองค่ะ!” แม่บ้านคนนั้นถูกต่อว่า และเธอรู้ว่าตัวเองทำผิดไป เพราะวันนี้รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ทำงานที่มีค่าตอบแทนสูงขนาดนี้
เธอยังไม่ทันเข้าไปอุ้มเด็กก็ถูกส้งหลิงหลิงจ้องหน้าอย่างเย็นชาแล้วตำหนิอีกครั้ง “เธอมีหน้าที่อุ้มเด็กเหรอ? เมื่อกี้ที่คุณเย่พูดไม่ได้ยินเหรอ? ถ้าเธอได้รับหน้าที่เปลี่ยนชุดให้เด็ก ก็รับผิดชอบเปลี่ยนชุดและดูแลความอบอุ่นร่างกายของเด็กก็พอ โง่จริง ๆ เลย! ผู้ช่วยหลิน ฉันว่าคุณช่วยหาคนมาแทนดีกว่า คนนี้ไม่ผ่าน!”
หลินหลิงไม่ชอบท่าทางหยิ่งผยองของส้งหลิงหลิงเลย ถึงแม้เธอจะดูเย็นชา แต่เธอไม่เคยคิดว่าคนที่ชนชั้นต่ำกว่าจะสมควรถูกด่าด้วยถ้อยคำแบบนี้
เธอมองไปที่เย่เชินหลิน แต่ความสนใจของเย่เชินหลินอยู่ที่ลูกเท่านั้น เขาเดินไปที่เตียงของลูก แล้วมองแม่บ้านหลี่ที่กำลังอุ้มลูกขึ้นมา
เธอก็ห้ามเด็กร้องไห้ไม่ได้เหมือนกัน เมื่อเด็กร้องไห้ขึ้นมาก็ไม่สามารถหยุดได้ ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นเริ่มแดงมากขึ้น หัวใจของเย่เชินหลินก็แทบจะแตกสลาย
“เอามาให้ผม!” เขาพูดขึ้นมา แม่บ้านหลี่กำลังเหงื่อตก เธอรู้ดีว่าถ้าไม่สามารถกล่อมเด็กให้หยุดร้องไห้ได้เธอก็จะถูกไล่ออกเหมือนกัน
โชคดีที่เย่เชินหลินบอกจะอุ้มเด็ก เธอจึงรีบส่งเด็กให้เขา
ถ้าเย่เชินหลินสามารถกล่อมเด็กได้ นั้นก็หมายความว่าเธอนั้นไม่มีประโยชน์แล้ว เธอเตรียมถูกไล่ออกได้เลย เมื่อเด็กส่งออกไปจากมือของแม่บ้านหลี่ เธอก็มองไปที่เด็กอย่างตระหนัก หวังให้เด็กอย่าเพิ่งหยุดร้องไห้ เพื่อจะพิสูจน์ว่าไม่ใช่ข้อบกพร่องของเธอ แต่อีกใจก็หวังให้เด็กหยุดร้อง พ่อแม่เด็กจะได้ไม่ต้องกังวล แล้วเขาอาจจะใจเย็นลงก็ได้
“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะ ๆ ลูกต้องการอะไรเหรอ? หิวใช่มั้ย? อยากเปลี่ยนผ้าอ้อมใช่มั้ย? หรือว่าร้อน?” เย่เชินหลินพยายามกล่อมลูก
เขาคิดว่าเขาจะกล่อมให้หยุดร้องไห้ได้เหมือนตอนเที่ยงวันนี้ที่เขากล่อมเธอ แต่เด็กยังคงร้องไห้ เหมือนว่าจะไม่ฟังคำพูดของเขาเลย
เย่เชินหลินกังวลจนเหงื่อตก หลายปีที่ผ่านมานี้เขาผ่านประสบการณ์มามากมายหลายอย่าง แต่ไม่เคยรู้สึกจนปัญญาเหมือนตอนนี้เลย
“ชงนม!” เขาพูดกับแม่บ้านโจว นางจึงรีบไปชงนม
ถึงอย่างไรเด็กทารกก็ยังคงเป็นเด็กทารกอยู่ดี และยังไม่หยุดร้องไห้

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset