สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 727 สาวใช้ตัวแสบ 631

ตอนที่ 727 สาวใช้ตัวแสบ 631
ส้งหลิงหลิงมองเห็นเซี่ยชีหรั่นทำลูกเธอร้องไห้ ในใจก็รู้สึกดีใจ โอกาสที่เธอจะแสดงอุบายมาถึงแล้ว
เธอสามารถทำให้ทุกคน ซึ่งที่สำคัญที่สุดคือทำให้เย่เชินหลินรู้ เด็กยังคงใกล้ชิดกับมารดาผู้ให้กำเนิดมากที่สุด คนอื่นนั้นเด็กน้อยไม่อยากให้เข้าใกล้เขา
นอกจากนี้ เธอยังสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อให้เย่เชินหลินได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเธอ ความทุกข์ทรมานของเด็กก็คือการร้องไห้มากเกินไป
ลูกชายที่ดีของแม่ ลูกเป็นลูกชายที่ดีของแม่จริง ๆ ลูกช่วยแม่ได้จริงๆ พอเธอกอดลูกปุ๊บลูกก็ร้องไห้เสียแล้ว
เซี่ยชีหรั่น ได้ปรับมุมการกอดของเธอภายใต้การแนะนำของ พี่เลี้ยงหลี่ แต่ก็ไม่สำเร็จ เด็กลืมตาขึ้นมองดู ก็ไม่รู้ว่าเขาจะมองเห็นได้ชัดเจนและจำคนได้หรือไม่ แต่หลังจากมองแล้ว เขาก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น
เซี่ยชีหรั่นมองไปที่เย่เชินหลินเพื่อความช่วยเหลือ เย่เชินหลินทั้งรู้สึกปวดใจและเป็นกังวลอย่างมาก เขากำหมัดแน่นเพื่ออดกลั้นความต้องการที่จะอุ้มเด็ก
“เชินหลิน คุณมาอุ้มเขาสิ ฉันดูเหมือนจะปลอบไม่เก่ง ทำให้เขาร้องไห้ตลอด”
“ได้ ผมจะลองดู” เมื่อเซี่ยชีหรั่นพูดประโยคนั้นจบ เย่เชินหลินก็รีบเอื้อมมือไปอุ้มเด็กคนนั้นทันที
“เย่เจิ้งเหิง อย่าร้องไห้สิ เป็นลูกผู้ชายนะ ต้องเข้มแข็ง อย่าร้องไห้ขี้มูกโป่ง” เย่เชินหลินยังคงขมวดคิ้ว แต่น้ำเสียงของเขากลับอ่อนโยน
เซี่ยชีหรั่นเฝ้าดูเด็กที่อยู่ในมือใหญ่ของเย่เชินหลินด้วยความเป็นห่วง มันวิเศษมาก หลังจากที่เขาปลอบโยนเพียงสองสามคำเด็กคนนั้นก็หยุดร้องไห้
ส้งหลิงหลิงยังเชื่อว่าถ้าเย่เชินหลินอุ้มเด็กก็จะร้องไห้ เธอจะทำให้เซี่ยชีหรั่นได้เห็นว่า เด็กยังคงใกล้ชิดกับเธอในฐานะแม่มากที่สุด
แต่แบบนี้ก็ดี เซี่ยชีหรั่นควรเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก เธอกับเย่เชินหลินจะรักกันขนาดไหนก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไร เพราะความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็จะมีเด็กคนนี้ขั้นกลางเสมอ และความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเย่เชินหลินก่อนหน้านี้ก็จะไม่มีวันถูกตัดขาดเพราะว่ามีเด็กคนนี้
“หลิน เด็กน้อยไม่ร้องไห้แล้ว คุณเก่งจริง ๆ ” เซี่ยชีหรั่นกล่าวชมเชยอย่างจริงใจพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ซึ่งทำให้ส้งหลิงหลิงทั้งโกรธทั้งเกลียดเธอไปชั่วขณะ
จะเป็นไปได้ยังไง เธอควรโกรธสิ เธอจะมีความสุขได้อย่างไร?
แน่นอนว่าเธอไม่อาจจะเข้าใจความรู้สึกของเซี่ยชีหรั่นได้ หากจะบอกว่าเธอนั้นไม่รังเกียจเลย ก็คงจะเป็นเรื่องโกหก แต่ตอนนี้เด็กร้องไห้ทันทีที่เธออุ้ม เธอรู้สึกหดหู่และทำอะไรไม่ถูกจริงๆ เธอมีเพียงความคิดเดียวที่จะปลอบโยนเด็กน้อยให้ดี เด็กน้อยทั้งตัวเล็กและบอบบางมาก เธอจึงรู้สึกผิดเมื่อเขาเริ่มร้องไห้
เธออุ้มเด็กน้อย เด็กน้อยร้องไห้ ท้ายที่สุดเธอก็เข้าใจ เธอเพิ่งได้รับการสัมผัสเป็นครั้งแรกเท่านั้น
สำหรับเด็กเล็กขนาดนี้ ความรู้สึกปลอดภัยอาจมีความสำคัญมาก ดังนั้นลูกจะสามารถจดจำพ่อแม่ของตนได้ ซึ่งนั้นถือเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง
เย่เชินหลินสลับสายตาจากใบหน้าของเด็กน้อยมายังใบหน้ายิ้มแย้มของเซี่ยชีหรั่น และจ้องมองด้วยแววตาที่ยากจะตีความอยู่เนิ่นนาน ในสายตานั้นมีทั้งความตื้นตัน ซาบซึ้งใจ และความโล่งอก ในเวลาสั้น ๆ นี้ความรักและการรับรู้ของเขาที่มีต่อเธอดูเหมือนจะลึกซึ้งยิ่งขึ้น
สิ่งเล็ก ๆ คือเธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูกของเขาจะสุขสบาย หวังว่าจะไม่ร้องไห้ตลอดเวลา ดังนั้น เธอจึงไม่ได้อวดเก่ง ไม่ใช่เพื่อทำให้เขารักเธอมากขึ้น แต่ตั้งใจจะปลอบโยนเด็กน้อยให้ดี เธอไม่ได้ต้องการที่จะเอาชนะเหมือนส้งหลิงหลิง
“ยังอยากอุ้มอยู่ไหม? ลองอุ้มอีกทีไหม?” เย่เชินหลินรู้ว่าเซี่ยชีหรั่นชอบเด็กคนนี้มากและการร้องไห้ของเด็กอาจทำให้เธอเสียใจเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงแนะนำเช่นนั้น
พี่เลี้ยง และบรรดาสาวใช้ต่างก็ตกตะลึง คิดในใจว่า คุณเย่นั้นได้พูดสั่งกับทุกคนไว้ว่า ห้ามให้เด็กคนนี้ร้องอย่างเด็ดขาด
คิดถึงไม่ถึง คุณนายเย่คนนี้อุ้มเด็กแล้วร้องไห้ หลังจากเขาปลอบโยนเสร็จแล้วก็ปล่อยให้เธออุ้มอีกครั้งทันทีและไม่กลัวว่าเด็กจะร้องไห้อีก
แน่นอนว่าเย่เชินหลินก็กลัวเช่นกันที่เด็กคนนั้นร้องไห้ แต่เขาก็เพิ่งจะปลอบโยนเด็กน้อยไปซึ่งทำให้เขามั่นใจมาก แม้ว่าเซี่ยชีหรั่นจะอุ้มแล้วเด็กน้อยจะร้องไห้อีกครั้ง เขาเชื่อว่าจะสามารถปลอบโยนได้ในไม่ช้า
เซี่ยชีหรั่นก็รู้สึกสะเทือนใจกับข้อเสนอของเย่เชินหลินเช่นกัน เธอเห็นเย่เชินหลินฝันร้ายกับตาของตัวเธอเอง ขณะที่เด็กกำลังร้องไห้ เขานั้นกระวนกระวายใจแค่ไหน
เขาใส่ใจเด็กคนนี้มากขนาดนี้ แต่เธอกลับอุ้มเด็กคนนี้จนร้องไห้ โดยที่เขาไม่ตำหนิเธอ แต่เขายังคิดที่จะปล่อยให้เธออุ้มอีกครั้งเพราะกลัวว่าเธอจะไม่มีความสุข
หลิน เย่เชินหลิน ฉันสามารถทำให้เด็กชอบฉัน รักฉันได้อย่างแน่นอน
เซี่ยชีหรั่นให้กำลังใจตัวเองและยื่นมือออกไปอีกครั้ง
“เขาชื่อเย่เจิ้งเหิงใช่ไหม?” เธอถามเบา ๆ
“ใช่ เจ้าตัวเล็กชื่อเย่เจิ้งเหิง” เมื่อเย่เชินหลินพูดประโยคนี้ก็ไม่สามารถปกปิดความรักที่มีต่อเด็กน้อยได้
เดิมทีเซี่ยชีหรั่นคิดว่าหากเธอเห็นว่าเย่เชินหลินดีกับเด็กคนนี้มากๆเธอก็จะรู้สึกหึงหวง แต่เมื่อเธอเห็นจริงๆ เธอกลับไม่ได้รู้สึกอิจฉา มันดูเป็นธรรมชาติ แตกต่างจากที่เห็นเขาปฏิบัติกับส้งหลิงหลิง บางทีอาจเป็นเพราะเขาเป็นพ่อของเด็ก
“มี ชื่อเล่นไหม ?เย่เจิ้งเหิง เขายังเด็กขนาดนี้ เรียกแบบนี้เหมือนว่าจะไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก” เซี่ยชีหรั่นพูดขึ้นอีกครั้ง เธอประหม่านิดหน่อย กลัวว่าเด็กจะร้องไห้อีกครั้งเมื่อเธออุ้มขึ้นมา ดังนั้นเธอจึงอยากที่จะพูดคุยสักพักเพื่อให้เด็กนั้นคุ้นเคยกับเสียงของเธอ
“หากเธอไม่พูด ผมก็คงคิดไม่ได้ถึงจริงๆ เย่เจิ้งเหิง ดูเป็นทางการเกินไป คุณมีความคิดดีๆหรือไม่? คุณจะตั้งชื่อให้เขายังไง ” เย่เชินหลินถามเบา ๆ
ใจของส้งหลิงหลิงก็ราวกับมีดบาดและทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บอย่างสาหัส
ลูกของหล่อน แต่ถึงคราวให้หญิงอื่นเป็นคนตั้งชื่อ
แต่เธอทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่มองดูอย่างเงียบ ๆ
“ให้ฉันตั้งชื่อจะดูไม่ค่อยเหมาะนะ” เซี่ยชีหรั่นพูดเสียงเบา ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากตั้ง แต่เธอก็แค่รู้สึกว่าพ่อกับแม่ที่แท้จริงของเด็กก็อยู่ตรงนี้ มันยังไม่คราวที่เธอต้องตั้งจริงๆ
“มีอะไรไม่ดีล่ะ เธอก็เป็นแม่ของเขา ตั้งชื่อให้กับเขา ต่อไปให้เขาได้เรียนรู้ ฉันเชื่อว่านี่จะเป็นคำอวยพรของลูก”
เขาไม่ได้ต้องการให้เซี่ยชีหรั่นเป็นแม่เลี้ยง แต่เขาจะสอนเด็กคนนี้ให้เป็นคนกตัญญูต่อเซี่ยชีหรั่นในอนาคต
“ใช่แล้วชีหรั่น เชินหลินพูดถูก ถ้าฉันจากไปในอนาคต เด็กคนนั้นจะเคารพเธอ เธอตั้งชื่อให้เขาเถอะ แบบนั้นพวกคุณจะได้ใกล้ชิดมากขึ้น” ส้งหลิงหลิงปรับอารมณ์ของเธออย่างรวดเร็ว เธอมองไปที่เซี่ยชีหรั่นอย่างจริงจังและยอมรับคำพูดของเย่เชินหลิน
สิ่งที่เธอพูดทำให้เย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นทั้งคู่ประหลาดใจ เมื่อมองดูเธอ ใบหน้าของเธอสงบราวกับว่าเธอคิดอย่างนั้นจริงๆ
พวกเขาทุกคนเคยสัมผัสกับความหน้าไหว้หลังหลอกของเธอและความพยายามที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของของเธอ ดังนั้นแม้ว่าเธอจะพูดแบบนั้น ไม่ว่าเธอจะดูจริงใจแค่ไหนพวกเขาก็จะไม่เชื่อเธอในครั้งแรก
“แม้แต่แม่ผู้ให้กำเนิดของเด็กก็ยังบอกเช่นนั้นอย่าปฏิเสธเลย ชีหรั่น” เย่เชินหลินพูด เซี่ยชีหรั่นเหลือบมองไปที่เย่เชินหลินและเห็นว่าเขาไม่เชื่อส้งหลิงหลิงจริงๆ เธอรู้สึกว่าพวกเขามีความเข้าใจที่ดีในเวลานี้
เซี่ยชีหรั่นยิ้มเบา ๆ และกล่าวว่า “เอาล่ะขอฉันคิดดูก่อน คุณดูสีผิวของเขาจะต้องขาวมากเมื่อเขาโตขึ้น … ”
เมื่อเธอพูดถึงตรงนี้ เย่เชินหลินก็พูดขึ้นว่า “เธอคงไม่ได้อยากเรียกเขาว่าเสี่ยวไป๋หรอกใช่ไหม?”
“คุณนั้นแหละเสี่ยวไป๋” เซี่ยชีหรั่นตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ ภายในห้องมีเพียงพวกเขาสองคนที่หัวเราะ คนอื่น ๆ นั้นเงียบราวกับว่าไม่มีใครอยู่เลย
การเอาชื่อของลูกเธอไปล้อเล่น ทำให้ส้งหลิงหลิงยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจเหมือนโดนทิ้งแทง
พวกคุณรอก่อนเถอะ รอเวลาที่พวกคุณร้องไห้กันก่อนเถอะ ฉันก็ไม่เชื่อว่า พวกคุณจะรักกันได้ตลอดไป
ฉันรอช่วงเวลาที่เย่เชินหลินลุกขึ้นจากเตียงของโม่เสี่ยวหนง เพื่อดูว่าพวกคุณมีสีหน้าอย่างไร
“หลิน เรียกเขาว่าตูตูดีไหม? ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาจ่ำม้ำ และดูอมชมพู”
“ตกลง งั้นชื่อตูตูล่ะกัน” เย่เชินหลินพูด
ส้งหลิงหลิงยิ่งโกรธมากขึ้น เมื่อเย่เชินหลินยอมรับง่ายๆกับชื่อที่น่ารังเกียจเช่นนี้ แต่เธอทำได้แค่โกรธในใจเท่านั้น
“ตูตูเธอมีชื่อใหม่แล้วนะ ชื่อว่าตูตู คุณแม่ชีหรั่นเป็นคนตั้งให้ เธอชอบรึเปล่า? ตอนนี้ฉันกำลังอุ้มเธออยู่ เธอไม่ร้องไห้นะ ตกลงไหม?” เซี่ยชีหรั่นสัมผัสใบหน้าของเด็กน้อยครั้งแรก เขาไม่ร้องไห้ หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจและซาบซึ้ง
เย่เชินหลินเฝ้าดูการกระทำของเซี่ยชีหรั่นอยู่เสมอ เธอระมัดระวังเป็นอย่างมาก แม้ว่าเธอจะทำเด็กในอ้อมแขนของเธอร้องไห้จริง เขาก็จะไม่ตำหนิเธอเลย
ส้งหลิงหลิงมองอย่างเฉยเมย แต่ในใจกลับคิดว่าเซี่ยชีหรั่นนั้นเสแสร้ง จงใจแสดงต่อหน้าเย่เชินหลิน
เซี่ยชีหรั่นอุ้มเด็กอย่างระมัดระวังอีกครั้ง เย่เชินหลินก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเธอปรับตำแหน่งอุ้มของเธอ คราวนี้เด็กคนนั้นเงียบอยู่ในอ้อมแขนของเธอสักพักนึง
“หลิน คุณดูสิ แกไม่ร้องแล้ว ฉันเดาว่าเขาคงจะคุ้นเคยกับเสียงของฉันขึ้นมาบ้างแล้ว ดังนั้น…..” ก่อนที่คำพูดประหลาดใจของเซี่ยชีหรั่นจะจบลง ทันใดนั้นเด็กคนนั้นก็อ้าปากน้อย ๆ และเริ่มร้องไห้
“อ้าว ทำไมร้องไห้อีกแล้วเนี่ย? หิวรึเปล่าเนี่ย? หรือว่าต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมแล้วนะ?” เซี่ยชีหรั่นเอ่ยถามเด็กน้อย ในขณะที่เด็กน้อยร้องไห้อย่างไม่ลืมหูไม่ลืมตา
ในคราวนี้ส้งหลิงหลิงมีความสุข เธอรอให้ลูกของเธอร้องไห้สักสองสามที เห็นเย่เชินหลินก็กังวลเล็กน้อย และพูดว่า “ชีหรั่น อุ้มลูกส่งมาให้ฉัน ฉันจะดูว่าเขาอยากกินนมรึเปล่า รอเขากินเสร็จ ค่อยให้เธออุ้ม”
“ได้ๆๆ เขาน่าจะหิวแล้ว ตูตูกินนมนะ ไม่ร้องแล้วนะ” เซี่ยชีหรั่นอุ้มเด็กน้อยส่งให้ส้งหลิงหลิง
“คุณนายหลี่ คุณมาช่วยหน่อย ชีหรั่นคงไม่รู้ว่าจะต้องช่วยยังไง เพราะเธอยังไม่เคยมีลูก” ส้งหลิงหลิงพูดอย่างเป็นธรรมชาติ จนแทบทำให้คนฟังไม่ออกถึงความริษยาของเธอ
แต่เซี่ยชีหรั่นกลับได้ยินว่าเธอกำลังล้อเลียนเธอ หรือจะบอกว่าเย่เชินหลินไม่รักเธอมากพอ เขาจึงไม่มีลูกกับเธอ หรือว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่สามารถมีลูกได้
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ การที่เธอพูดด้วยน้ำเสียงนี้ เธอก็ไม่อาจที่จะคัดค้านอะไรได้ นอกจากนี้ตอนนี้เด็กน้อยยังร้องไห้ ความสนใจของเธอจึงอยู่ที่เด็กเป็นหลัก
พี่เลี้ยงหลี่รับเด็กน้อยมาแล้ววางลงข้างตัวของส้งหลิงหลิง
นายหญิงส้งพูดว่า การอุ้มเด็กจะทำให้เจ็บเอว ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วส้งหลิงหลิงจึงไม่อุ้มเด็ก เธอจะนอนตะแคงเมื่อให้นมลูก
หลังจากที่ พี่เลี้ยงหลี่ปรับตัวได้แล้ว ส้งหลิงหลิงก็เปิดชุดให้นม หลังจากที่เด็กกินนมแล้ว เธอก็หยุดร้องไห้ตามธรรมชาติ
เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจด้วยความโล่งอกอีกครั้งและมองไปที่เย่เชินหลินอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset