สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 758 สาวใช้ตัวแสบ 662

ตอนที่ 758 สาวใช้ตัวแสบ 662
เย่เชินหลินไม่เคยอยากให้เซี่ยชีหรั่นพูดแทนเขา แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา เขารู้ว่าคำพูดของเซี่ยชีหรั่นจะน่าเชื่อถือกว่าคำพูดของเขา
จึงทำให้เย่เฮ่าหรันขมวดคิ้วแล้วเงียบไปสักพัก
ฝู้เฟิ่งหยีแตะหน้าใบเล็ก ๆ ของเด็กทารกแล้วพูดด้วยความรัก “ชีหรันจ๋า ความจริงใจที่มีต่อตระกูลเย่ของลูกคุณพ่อคุณแม่รู้สึกประทับใจมากเลยนะ แต่ชีวิตของเธอกับเย่เชินหลินยังอีกยาวไกล เธอสองคนยังต้องมีลูกของตัวเองด้วย เด็กคนนี้อยู่ที่นี่มีแต่จะทำให้เธอไม่สะดวก ยิ่งแม่เด็กก็อยู่ด้วยจะทำให้เธอสองคนยิ่งไม่สะดวกเข้าไปใหญ่ เชื่อฟังแม่นะ แม่จะพาหลานไป แม่ก็เป็นย่าของหลานเหมือนกัน เย่เชินหลินคงไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก อีกอย่างเราก็แค่อยู่ในตัวเมืองนี้เอง ถ้าอยากเจอหลานเมื่อไหร่ก็แค่แวะไปหาก็ได้เจอแล้ว”
“คุณแม่คะ คุณแม่ยังไม่ทราบว่าตอนนี้หลานยังกินนมแม่อยู่ ถ้าให้กินนมผงตอนนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่ แล้วถ้าให้แยกจากแม่ที่ให้กำเนิดเด็กคงไม่ชินแน่นอน” เซี่ยชีหรั่นพูดเบา ๆ
ส้งหลิงหลิงรู้สึกกังวลมากและไม่กล้าพูดอะไรเลย
แม้จะเป็นแม่แท้ ๆ ของเด็กแต่ตอนนี้เธอไม่มีสิทธิ์พูดอะไรเลย โชคชะตาของเธอกับลูกในตอนนี้ทำได้เพียงรอคนอื่นมากำหนดให้
และตอนนี้เธอรู้ตัวดีว่าไม่ควรพูดอะไร เพราะเธอยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้ประธานเย่หงุดหงิดมากขึ้น
“ตอนนี้เด็กส่วนใหญ่ก็กินนมผงกันแล้ว อีกอย่างเด็กสมัยนี้ก็มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและฉลาดกว่าเด็กสมัยก่อน ชีหรั่น เธอไม่ต้องพูดแทนคนอื่นแล้วต้องทรมานตัวเองหรอก” เย่เฮ่าหรันพูดอย่างจริงจัง
“คุณพ่อคะ หนูทราบดีว่าเด็กกินนมผงสมัยนี้ก็ดีไม่แพ้กัน แต่นมของแม่จะสร้างภูมิคุ้มกันธรรมชาติให้กับเด็กได้ดีกว่า หนูคิดว่าการเลี้ยงดูอย่างธรรมชาติจะดีกว่านะคะ อีกอย่างหนูไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรจริง ๆ ต่อให้หนูต้องอึดอัดแล้วแลกด้วยสุขภาพของเด็กหนูก็ยอมค่ะ ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ยืนยันจะพาเด็กไปหนูก็ไม่ขอปฏิเสธหรอกค่ะ แต่หนูขอให้เด็กได้กินนมของแม่ก่อนสักช่วงค่อยพาไปได้ไหมคะ ความจริงแล้วเขาอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อหนูเลย เขาพักอยู่ชั้นบน ส่วนหนูพักอยู่ชั้นล่าง แทบไม่มีโอกาสได้เจอกันด้วยซ้ำ อีกอย่างเย่เชินหลินก็เป็นคนแยกแยะทุกอย่างได้ชัดเจน คุณพ่อคุณแม่ลองถามพ่อบ้านแม่บ้านก็ได้นะคะ ทุกคนในนี้ก็รู้ดีว่าหนูคือสะใภ้เย่ คุณพ่อคะ คุณแม่คะ ให้เด็กอยู่ที่นี่ไปก่อนนะคะ”
เมื่อเซี่ยชีหรั่นพูดถึงตรงนี้ เย่เฮ่าหรันและฝู้เฟิ่งหยีก็รู้ได้ถึงความจริงใจผ่านคำพูดของเธอได้ อีกอย่างเด็กก็เป็นหลานชายในสายเลือดตระกูลเย่ เขาจะไม่อยากให้หลานได้มีสุขภาพที่แข็งแรงได้อย่างไร
เย่เฮ่าหรันเหลือบมองไปที่เย่เชินหลินแล้วพูดอย่างเย็นชา “ไหน ๆ ชีหรั่นก็พูดขนาดนี้แล้ว งั้นพ่อจะให้หลานอยู่ที่นี่ไปก่อน แต่เองต้องจำไว้นะ ถ้าวันไหนพ่อรู้ว่าเองทำให้ชีหรั่นต้องไม่สบายใจ พ่อจะให้คนมารับหลานไปและจะไล่แม่ของเด็กออกจากที่นี่ทันที”
นับตั้งแต่ส้งหลิงหลิงแอบมีลูกกับเย่เชินหลิน เย่เฮ่าหรันก็รู้สึกไม่ชอบเธอเลย ยิ่งสถานการณ์ตอนนี้ทำให้เขาแทบจะไม่อยากคุยกับเธอสักคำเลย
“ขอบคุณคุณลุงกับคุณป้าที่ให้โอกาสหนูได้เลี้ยงลูกต่อนะคะ ถ้าลูกหนูหย่านมได้เมื่อไหร่หนูไปจากที่นี่และมอบลูกให้กับชีหรันทันทีเลยค่ะ” ส้งหลิงหลิงพูดเบา ๆ ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน
เมื่อเห็นสภาพของส้งหลิงหลิงตอนนี้ ฝู้เฟิ่งหยีก็รู้สึกผิดต่อเธอเหมือนกัน
ถ้ายืนอยู่ในจุดยืนของแม่คนหนึ่งที่ต้องจำใจจากลูกของตัวเองไปมันก็เป็นเรื่องที่ทารุณไม่น้อยเหมือนกัน
แต่เรื่องบางเรื่องมันก็จำเป็น หลังจากที่ลูกหย่านมแม่เสร็จ ส้งหลิงหลิงก็จำเป็นต้องไปจากที่นี่แม้จะฝืนใจแต่ก็ยอมให้เธออยู่รบกวนชีวิตของเย่เชินหลินกับเซี่ยชีหรั่นไม่ได้
“ท่านประธานเย่ครับ ผมจะดูแลเรื่องนี้เองครับ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง”
เย่เชินหลินพูดสั้น ๆ กับพ่อเสร็จแล้วหันมาพูดกับเหยนชิงเหยียนต่อ “นี่ก็เริ่มค่ำแล้ว นายกับจิ่วจิ่วรีบพาท่านประธานเย่กับคุณแม่กลับบ้านได้แล้ว”
เหยนชิงเหยียนอยากห้ามเย่เชินหลินทุกครั้งที่เห็นเขาเรียกเย่เฮ่าหรันว่าท่านประธาน เพราะอยากให้เขารักษาความสัมพันธ์ของพ่อลูกมากกว่านี้
ตัวของเย่เชินหลินก็อยากเรียกเขาว่าพ่อเหมือนกัน แต่ความเคยชินของหลายปีที่ผ่านมาทำให้เขาพูดไม่ออกจากปากสักที
“พี่ชายครับ งั้นผมกับคุณพ่อและคุณแม่กลับไปก่อนนะครับ” หลังจากที่เหยนชิงเหยียนพูดเสร็จ เย่เชินหลินก็เดินเข้าไปตบไหล่เขาเบา ๆ
สถานการณ์ที่นี่สงบลงแล้ว จิ่วจิ่วยืนอยู่ข้างเซี่ยชีหรั่นแล้วจับมือเธอไว้ อยากกระซิบคุยกับเธอแต่ที่นี่คนเยอะจึงไม่สะดวกพูด
“คุณเย่คะ หนูอยากอยู่ต่อที่นี่อีกสักวันสองวันค่ะ” จิ่วจิ่วพูดกับเย่เชินหลินเบา ๆ
เมื่อเธอพูดออกมาสายตาที่ซับซ้อนของเหยนชิงเหยียนก็มองไปที่เธอ
เย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นต่างก็มองหน้ากัน จากนั้นสายตาทั้งสองก็มองไปที่เหยนชิงเหยียน ชัดเจนว่าเขาทั้งสองต้องการให้เขาเป็นคนตัดสินใจ ถ้าเขายืนยันจะให้จิ่วจิ่วกลับบ้านตระกูลเย่ เขาทั้งสองก็จะไม่ปฏิเสธเหมือนกัน
แต่อย่างไรก็ตามเหยนชิงเหยียนเป็นคนใจกว้างอยู่แล้ว เขาจึงยิ้มตอบเธอ “ตอนเธออยู่ที่บ้านก็หาเรื่องจะกลับมาที่นี่ทุกวัน ยังบอกว่าเห็นหน้าผมแล้วรู้สึกเบื่อมาก กว่าจะมีโอกาสมาที่นี่ไม่ง่ายเหมือนกัน เธอคงอยากอยู่ให้นานกว่านี้แน่นอน”
หน้าจิ่วจิ่วเริ่มแดง เธอมองหน้าเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแล้วต่อพูดเบา ๆ “คุณชายเย่ คุณก็ขี้ฟ้องเกินไป ฉันหาเรื่องกลับมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันก็อยากอยู่กับคุณนายหญิงเหมือนกันนะ แต่ฉันแค่คิดถึงคุณหญิงของเรามาก ก็เลยอยากขออยู่ต่อ”
เย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นต่างก็ยิ้ม แม้แต่เย่เฮ่าหรันกับฝู้เฟิ่งหยีก็สบตากันแล้วยิ้มออกมาเหมือนกัน
“ถ้าอยากอยู่ต่อก็อยู่สิ” เย่เชินหลินพูด
“จิ่วจิ่ว ถ้าเธออยากกลับไปเมื่อไหร่ก็บอกนะ” ฝู้เฟิ่งหยีรีบพูดกับเธอเพราะกลัวว่าว่าที่สะใภ้จะหนีไป
“ได้ค่ะ นายหญิง หนูจะรีบกลับไปอยู่กับนายหญิงนะคะ” จิ่วจิ่วตอบอย่างเชื่อฟังแล้วหันมองไปที่เหยนชิงเหยียน ทั้งสองสบตากันไปสักพัก
เย่เฮ่าหรันและฝู้เฟิ่งหยีก็ไม่ได้อยู่ต่อนานกว่านั้น เหยนชิงเหยียนจึงพาพวกเขากลับไปพร้อมกัน ส่วนเย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นกับจิ่วจิ่วและคนใช้ก็ได้เดินไปส่งพวกเขาที่หน้าประตูบ้าน
รถของเขาขับออกไปได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่เย่เชินหลินยังคงยืนเฝ้ามองรถด้วยสายตาอันลึกซึ้ง
ลึก ๆ ในใจของเขารู้สึกผิดต่อคนแก่ทั้งสองคนนี้ เพราะเด็กคนนี้ เขาจึงต้องรู้สึกผิดเช่นนี้
เซี่ยชีหรั่นก็ยืนจับแขนเขาอยู่เงียบ ๆ แม้เขาจะไม่ได้พูดอะไรก็ตาม แต่เธอก็เข้าใจความรู้สึกของเขาดี
“คุณนายเย่คะ หนูมีเรื่องอยากคุยด้วยหน่อยค่ะ รบกวนมาทางนี้อย่าเพิ่งรำคาญหนูนะคะ” จิ่วจิ่วเดินเข้ามาจับแขนเซี่ยชีหรั่นแล้วพูดกับเธอ
เธอเป็นคนค่อนข้างใจร้อนและมีเรื่องมากมายที่อยากพูดมานานแล้ว
“หลิน คุณกลับเข้าบ้านก่อนนะ ฉันกับจิ่วจิ่วขอไปเดินเล่นที่สวนหน่อย” เซี่ยชีหรั่นพูดอย่างอ่อนโยน
เย่เชินหลินหันมาลูบผมเธอ แล้วพูดกับเธอเบา ๆ “ไปสิ เดินที่ที่มีไฟถนนด้วยนะ”
เซี่ยชีหรั่นตอบตกลง
เธอคิดในใจว่าผู้ชายคนนี้ทำไมเป็นห่วงเธอขนาดนี้นะ นี่ขนาดอยู่ในวิลล่าของเขาซึ่งเป็นบ้านของเขาเองนะ จะมีใครมาทำร้ายเธอได้อีก?
แต่ด้วยความเอาอกเอาใจอย่างละเอียดอ่อนของเขาแบบนี้มันก็ทำให้เธอมีความสุขไม่น้อย
หลังจากที่จิ่วจิ่วเห็นเขาทั้งสองคุยกัน เธอก็รู้สึกว่าคำพูดมากมายที่เธออยากพูดคงไม่จำเป็นแล้วล่ะ
เซี่ยชีหรั่นก็มีหลายเรื่องที่อยากคุยกับจิ่วจิ่ว เพราะช่วงนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย หลังจากที่ลูกของเย่เชินหลินคลอดและอีกอย่างเธอก็ไปทำงานด้วย จึงแทบจะไม่มีเวลาติดต่อกับจิ่วจิ่วโดยส่วนตัวเลย
เธอจับมือจิ่วจิ่วไว้ ทั้งสองค่อย ๆ เดินออกไปที่สวนหน้าบ้าน
“คุณนายเย่” จิ่วจิ่วเรียก
“ยัยติ๊งต๊อง ตอนนี้มีแค่เราสองคนแล้วยังจะเรียกแบบนั้นทำไม?” เซี่ยชีหรั่นยิ้มพูด
จิ่วจิ่วแลบลิ้นแล้วพูดต่อ “ก็กลัวท่านประธานเย่ที่บ้านเธอจะไม่พอใจถ้าได้ยินฉันเรียกชื่อเธอน่ะสิ คนแปลก ๆ แบบนี้คิดจะทำอะไรก็ทำได้ทุกอย่างแหละ”
“เขาแปลกยังไง? ดีกับฉันจะตาย” เซี่ยชีหรั่นไม่ชอบคนวิพากษ์วิจารณ์ผู้ชายของเธอต่อให้เป็นเพื่อนสนิทก็ตาม
จิ่วจิ่ว “แหวะ ๆ ๆ” ส่ายหัว
“เฮ่อ ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว นี่เขาใช้กลอุบายอะไรทำให้เธอต้องหลงหัวปักหัวปำขนาดนี้เนี่ย”
เซี่ยชีหรั่นจำได้ว่าจิ่วจิ่วเคยถามเธอเรื่องบนเตียง ตอนนี้สีหน้าและน้ำเสียงของจิ่วจิ่วทำให้เธอเข้าใจว่านางหมายถึงอะไร เธอจึงเขินจนหน้าแดงอีกครั้ง
เธอไม่ได้พูดอะไร จิ่วจิ่วจึงยิ้มถามต่อ “เธอตอบมาตรง ๆ นะว่าตอนนี้เขาเร่าร้อนกว่าเมื่อก่อนใช่ไหม?”
“ไม่อายเหรอเธอ ฉันว่าเธอควรรีบแต่งงานได้แล้วนะ จะได้ไม่ได้หมกมุ่นกับเรื่องนี้ตลอด!” เซี่ยชีหรั่นกระซิบพูด
“แหม่ ๆ คุณทำเองยังไม่อายเลย เราแค่พูดจะอายทำไมละ” จิ่วจิ่วยิ้มพูด บางทีเธอก็ชอบแกล้งเซี่ยชีหรั่นเหมือนเย่เชินหลิน ทุกครั้งที่เห็นเธอเขินอายก็รู้สึกมีความสุข
“พอได้แล้ว ถ้าพูดอีกฉันจะงอนแล้วนะ”
“ไม่พูดก็ได้ ๆ ขี้งอนจริงนะเราอ่ะ” จิ่วจิ่วเลิกล้อเล่นกับเธอแล้วแสดงสีหน้าจริงจังอีกครั้ง
“ชีหรั่น ถามจริงนะ เธอไม่สนใจผู้หญิงที่นามสกุลส้งคนนั้นอยู่ที่นี่เหรอ? แล้วยังบอกว่านางต้องให้นมลูกอีก ถามจริงเถอะเด็กคนนั้นเกี่ยวอะไรกับเธอเหรอ? เธอจะเป็นคนดีได้นะ แต่ดีให้ถูกที่หน่อยสิ เธอทำดีกับผู้หญิงแบบนี้ไม่มีประโยชน์หรอก สักวันนางจะแทงเธอจากข้างหลังคอยดูสิ แล้วเธอจะได้เสียใจภายหลังนะ”
โม่เสี่ยวหนงเคยพูดแบบนี้กับเธอและตอนนี้จิ่วจิ่วก็พูดแบบนี้กับเธอเช่นกัน เซี่ยชีหรั่นเองก็รู้ดีว่าไม่ควรคิดร้ายกับคนอื่น แต่ก็ต้องเซฟตัวเองไว้บ้าง
แต่เธอไม่ต้องการทำให้เย่เจิ้งเหิงตัวน้อยต้องทนทุกข์กับเรื่องที่ไม่มีเหตุผล
เธอเชื่อว่าแม้สักวันส้งหลิงหลิงจะแทงเธอจากข้างหลัง แต่ขอเพียงเย่เชินหลินรักเธอและเธอก็รักเขาไม่เปลี่ยน เขาทั้งสองจะผ่านพ้นอุปสรรคทุกอย่างไปได้แน่นอน
เธอเป็นคนที่มีจิตใต้สำนึกดีและคิดเผื่อผู้อื่นอยู่เสมอ
ไม่ว่าตอนนี้ส้งหลิงหลิงจะคิดร้ายแค่ไหน แต่ไม่มีสักวันเลยเหรอที่เธอจะยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง? เธอก็เป็นแม่คนหนึ่ง เซี่ยชีหรั่นหวังว่าหลังจากที่เธอเป็นแม่คนแล้วเธอจะทำเพื่อลูกตัวเอง ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทำให้ลูกของตัวเองได้มีความสุขและเป็นพรต่อตระกูลเย่ด้วย
“จิ่วจิ่ว ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ส้งหลิงหลิงไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว” เซี่ยชีหรั่นพูดเบา ๆ

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset