สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 781 สาวใช้ตัวแสบ 685

ตอนที่ 781 สาวใช้ตัวแสบ 685
“มันไม่เหมือนกัน พูดถึงผมกับพูดถึงคุณมันคนละเรื่องกัน พูดถึงผมมันไม่สำคัญอะไร แต่จะไม่ยอมให้พวกเธอพูดถึงคุณ” เย่เชินหลินพูดอย่างเย็นชา
“แล้วคุณคิดจะทำอะไรคะ? ต้องใช้กำลังเลยหรือ?” เซี่ยชีหรั่นจ้องเขาอย่างดุดัน
“คุณก็ไม่ลองคิดดู แม้ว่าพวกเราจะหยุดเขาสองคนนั้นไม่ให้พูด แล้วพวกเราจะสามารถหยุดคนทั้งหมดไม่ให้พูดได้หรือ? คุณคิดว่าฉันไม่เคยถูกนินทาหรือ ตั้งแต่เล็กจนโต เดินไปถึงไหนถูกนินทาไปถึงนั่น ชินกับมันมานานแล้ว พวกเธอจะพูดอะไรก็ช่างพวกเธอ ฉันทำของฉัน ขอเพียงฉันไม่ทำอะไรให้ใครเดือดร้อนก็พอ ทำไมคนเราถึงต้องดำรงชีวิตอยู่ภายใต้สายตาและคำนินทาของผู้อื่นล่ะ?”
“คุณเย่ ต้องการให้พวกเรา……” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนมองไปที่ด้านหลังของผู้หญิงสองคนที่นินทาเซี่ยชีหรั่นและขอคำแนะนำ
“หลิน” เซี่ยชีหรั่นพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ แสดงถึงจุดยืนที่ชัดเจนของเธอแล้ว หากว่าเขาสั่งให้คนไปสั่งสอนผู้หญิงสองคนนั้นจริง เธอคงไม่มีความสุข
“พวกคุณกลับไปก่อน ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว” เย่เชินหลินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม
“ครับ คุณเย่” หลังจากที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนรับทราบ ก็ได้แยกย้ายกลับไป
“คุณทำฉันตกใจหมดเลย” เซี่ยชีหรั่นพูดกระซิบ
“เจ้าตัวเล็กเอ๊ย เธอยังสามารถอดทนได้ หากว่าเป็นผู้หญิงทั่วไปล่ะก็ ต้องให้ผมช่วยสั่งสอนผู้หญิงปากดีเหล่านั้นแน่นอน” เย่เชินหลินใช้มือลูบผมที่ตรงเรียวยาว แล้วพูดอย่างอ่อนโยน
ก็เพราะว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไป เขาถึงรักเธอ
เซี่ยชีหรั่นจะเป็นคนที่คิดถึงผู้อื่นมาโดยตลอด เธอเป็นเซี่ยชีหรั่นที่เรียบง่ายและสวยงามที่สุดในโลก
“สั่งสอนคนอื่นทำไม พวกเขาก็ไม่เห็นว่าเป็นคนเลวร้ายอะไรนี่ พวกเธอก็เพียงแค่สนใจเรื่องของคนอื่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาก็ไม่ใช่เป็นคนเลว เพียงแค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้น”
“เด็กโง่เอ้ย” เย่เชินหลินพูดขึ้น มือโอบกอดเองแล้วค่อยๆเดินไปที่ด้านข้างรถ ได้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เปิดประตูเบาะหลังรอแล้ว
เย่เชินหลินให้เซี่ยชีหรั่นขึ้นไปนั่งก่อน แล้วตัวเองค่อยขึ้นไปนั่งตาม
“เมื่อครู่คุณพูดถึงว่าอย่าใช้ชีวิตอยู่ภายใต้สายตาและคำนินทาของคนอื่นคำเหล่านี้ พูดได้ดีมาก ไปเรียนมาจากไหนนี่?” เย่เชินหลินขบริมฝีปากถามเซี่ยชีหรั่น
ทฤษฎีของเธอ ทำให้เขาชื่นชมเธอมากยิ่งขึ้น
“อะไรเรียนมาจากไหน เป็นความเข้าใจของฉันเอง” เซี่ยชีหรั่นบ่นด้วยน้ำเสียงเบาๆ
“จริงเหรอ? ดูเหมือนว่าเซี่ยชีหรั่นไม่เพียงแต่สวยงามยังดูมีความรู้ความฉลาดมาก แล้วก็ชมเธอ” เย่เชินหลินสวมกอดเธอเข้ามาแนบกับตัว แล้วก้มหน้าจูบลงที่กลางหน้าผากอันเนียนนุ่มของเซี่ยชีหรั่น
ริมฝีปากของเขาแนบติดกลางหน้าผากของเธอชั่วขณะ ไม่อยากจะปล่อยเลย
เขาขอบคุณเธอ ขอบคุณที่ไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีก ขอบคุณที่เธอเชื่อใจเขาโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ
แม้ว่าคนทั้งโลกจะคิดว่าเขาขึ้นเตียงกับเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยแล้ว แต่ผู้หญิงของเขากลับไม่คิดเช่นนั้น นี่เป็นสิ่งล้ำค่าที่ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ
เวลาเที่ยงของวันนี้แม้แต่ฝู้เฟิ่งหยีก็ยังโทรศัพท์มาถามเขาเช่นกัน ว่าลับหลังเซี่ยชีหรั่นไปทำเรื่องไม่ดีใช่ไหม
“หากเธอทำจริงๆ ฉันจะไปขอโทษเซี่ยชีหรั่นด้วยตัวเอง และจะให้เขาไม่ให้อภัยเธอไปตลอดชีวิต เป็นผู้ชายอกสามศอก หากไม่สามารถควบคุมความปรารถนาของตัวเองได้ มีชีวิตอยู่ได้อย่างไร้ค่าจริงๆ” ฝู้เฟิ่งหยีสั่งสอนเขาแบบนี้
“แม่ เรื่องนี้ท่านอย่าถามอีกเลยนะ”
เย่เชินหลินพยายามพูดอย่างมากเพื่อจะหยุดคำถามของฝู้เฟิ่งหยี เย่เห้าหรันที่อยู่ด้านข้างฝู้เฟิ่งหยีก็รู้สึกว่าลูกชายพูดขนาดนี้ เบื้องหลังต้องมีอะไรบางอย่างแน่ จึงได้หยุดเธอไม่ให้เธอถามต่อ
เป็นเพราะประธานไห่ แม้แต่พ่อแม่ของเขาก็ไม่ไว้วางใจเขาเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้ เย่เชินหลินถึงรู้สึกขอบคุณมากขึ้นสำหรับความไว้วางใจของเซี่ยชีหรั่น
เขาได้จูบใบหน้าของเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยจริง แต่ว่ารูปถ่ายใบนั้นถ่ายในขณะที่ยังมีสติสัมปชัญญะ
เซี่ยชีหรั่นรู้สึกได้ถึงอารมณ์ของเย่เชินหลิน เธอหลับตาไว้ ดื่มด่ำความรู้สึกบนริมฝีปากที่เย็นเล็กน้อยที่แนบติดอยู่บนหน้าผากของตัวเอง
พวกเขาอยู่ใกล้กันมาก หัวใจของพวกเขาอยู่ใกล้กันเสมอ ไม่มีใครสามารถแยกพวกเขาออกจากกันได้
เธอโชคดีและมีความสุขแบบคาดไม่ถึงที่ไม่ได้สงสัยในตัวเขา โชคดีและมีความสุขมากจริง ที่จริงแล้วลึกๆในใจเธอก็เข้าใจดี หากว่าเธอถามเขาในตอนนี้ บางทีเขาอาจไม่พูดว่าเขาได้ขึ้นเตียงกับเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยจริง ดังนั้นเธอเลยไม่ถาม
“กลับบ้านพักกับผม?” เย่เชินหลินถาม
เซี่ยชีหรั่นส่ายหัว และพูดว่า “ไม่”
ไม่? เธอกำลังโกรธอยู่ไหม? ก็ไม่เหมือน เจ้าตัวเล็กนี่กำลังคิดอะไรอยู่นะ
“หลิน ฉันอยากจะไปหาพ่อแม่กับคุณ ตอนนี้ข่าวของคุณกระจ่างทั่วไปหมด ฉันคาดว่าตอนนี้พวกเขาคงทราบกันแล้ว ฉันอยากจะไปพร้อมกันคุณ ให้พวกเขาได้ทราบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณจริง ฉันไว้ใจคุณค่ะ ฉันไม่อยากให้พวกเขาเป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องของพวกเรา”
“เจ้าตัวเล็ก” เย่เชินหลินเรียกอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็พยักหน้า
ผู้หญิงของเขาเป็นคนที่เข้าใจขอบเขตของสถานการณ์ ในโลกใบนี้เกรงว่าจะหาคนที่สองคงไม่มีอีกแล้ว?
“กลับไปหาพ่อแม่ของผม” เย่เชินหลินดึงแผ่นกั้นบนรถออก แล้วออกคำสั่งไปยังคนขับรถ
“ครับ คุณเย่”
ทั้งสองคนกลับไปถึงบ้านตระกูลเย่ แม่บ้านเสี่ยวหลันเปิดประตู
“นั่นใคร?” ฝู้เฟิ่งหยีถาม
“คุณนายคะ คุณเย่กลับมาแล้วค่ะ” เสี่ยวหลันตอบด้วยน้ำเสียงดังก้อง
ฝู้เฟิ่งหยีขมวดคิ้วรีบลุกจากโซฟาขึ้นมา เดินไปที่ข้างประตูสองสามก้าว แล้วพูดว่า “เธอยังไม่ได้อธิบายให้ฉันเข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องของเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยคนนั้นว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฉันเห็นว่าตอนเที่ยงเธอกำลังยุ่งอยู่ก็เลยไม่ได้จี้ถาม เข้ามาอธิบายให้ฉันฟังหน่อย”
ร่างกายกำยำของเย่เชินหลินบดบังเซี่ยชีหรั่นหมด เซี่ยชีหรั่นผลักเขาเบาๆ แล้วเผยศีรษะเล็กน้อยออกไปทักทายฝู้เฟิ่งหยี
“คุณแม่คะ ฉันก็กลับมากแล้วค่ะ”
“ชีหรั่นก็กลับมาแล้วเหรอ? รีบเข้ามา แม่กำลังมีเรื่องจะบอกกับเธอพอดีเลย”
เมื่อกี้เสียงของฝู้เฟิ่งหยีเสียงดังมาก หากว่าเย่เชินหลินปิดบังเซี่ยชีหรั่นแต่แรก ตอนนี้เซี่ยชีหรั่นก็คงอาจจะทราบเรื่องแล้วแน่นอน แต่ว่าเธอก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่นิดเดียวที่เธอเสียงดังแบบนี้ หากว่าเย่เชินหลินทำผิดต่อเซี่ยชีหรั่นจริง เธอก็จะไม่ปล่อยให้ลูกชายปิดบังคนอื่น นั้นมันไร้ศีลธรรมสิ้นดี
แน่นอนว่าเซี่ยชีหรั่นรู้ว่าฝู้เฟิ่งหยีกำลังจะพูดอะไร เธอตอบอื่มไปคำหนึ่ง ต่อมาเสี่ยวหลันเอารองเท้าแตะมาให้เปลี่ยนเรียบร้อย จากนั้นก็เดินเข้าห้องโถงไปพร้อมกับฝู้เฟิ่งหยี
เย่เชินหลินได้เพียงแค่เหลือบมองแต่ก็ไม่พูดอะไร ให้พวกเขาทั้งสองไปคุยกันเอง เขาเปลี่ยนรองเท้าเสร็จก็ตามหลังเข้าไปด้วย
“เรื่องของเย่เชินหลินและเจ้าหญิงหย่าฮุ่ย เธอทราบเรื่องหรือยัง?” ฝู้เฟิ่งหยีถาม
“คุณแม่คะ ฉันทราบแล้วค่ะ” เซี่ยชีหรั่นตอบด้วยน้ำเสียงต่ำๆ
“ลูกแม่ เธอไม่ได้รับความเป็นธรรมเสียจริงๆ เรื่องแบบนี้ เธออย่ายอมเขาง่ายๆนะ ผู้ชายนี่มีหนึ่งต้องมีสอง ยอมอภัยให้เขาง่ายๆมีแต่ที่จะทำให้เขาทำผิดครั้งที่ครั้งสองที่สาม” ฝู้เฟิ่งหยี
“คุณแม่คะ ขอบคุณมากๆนะคะ เรื่องมันไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดนะคะ ฉันเชื่อใจเย่เชินหลินค่ะ”
“เด็กโง่เอ๊ย เธอยังจะเชื่อเขาอยู่เหรอ ฉันเองยังไม่เชื่อเขาเลย เธอไม่รู้จักเขาในสมัยก่อน……”
“แม่ ผมเป็นลูกชายแท้ๆของท่านนะ” เย่เชินหลินพูดดักคำพูดของคุณแม่ ท่าทีปกติ ยังมีความเยาะเย้ยเล็กน้อย
ท่าทีของเขาเป็นแบบนี้ก็ทำให้ฝู้เฟิ่งหยีรู้สึกแปลกๆ ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่สนใจเรื่องแบบนี้หรอก ทำไมเซี่ยชีหรั่นถึงเชื่อในตัวเขา ดูเหมือนว่าเขาคงอาจจะมีอะไรที่ไม่อยากที่จะพูดให้ชัดเจน
ฝู้เฟิ่งหยีก็ถือว่าเป็นคนที่ผ่านมรสมชีวิตมาก่อนเหมือนกัน เมื่อเห็นลูกสะใภ้เป็นแบบนี้ ก็ไม่ถามอะไรอีก
“คุณแม่ คุณพ่อล่ะ?” เซี่ยชีหรั่นถาม
“คืนนี้เขามีธุระ ไม่กลับมาทานข้าวที่บ้าน”
“ทำไมไม่เห็นเสี่ยวห้านกับจิ่วจิ่วล่ะ?” เซี่ยชีหรั่นหันไปมองรอบทิศ มีเพียงฝู้เฟิ่งหยีและแม่บ้านเสี่ยวหลันอยู่บ้าน แต่กลับไม่เห็นคนอื่น
“พวกเขาไปซื้อผักด้วยกันแล้ว พวกเธอมาร่วมทานข้าวด้วยกันที่นี่พอดี ฉันจะโทรบอกพวกเขาให้เตรียมผักมากขึ้นอีกหน่อย”
ฝู้เฟิ่งหยีหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมา แล้วโทรหาเหยนชิงเหยียน บอกว่าเย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นมาแล้ว ให้พวกเขาซื้อผักมาเพิ่ม
ใช้เวลาไม่นานจิ่วจิ่วและเหยนชิงเหยียนก็กลับมาแล้ว จิ่วจิ่วเดินเข้าประตูมา มองเห็นเย่เชินหลิน ตื่นเต้นและวิ่งเข้าไปจนลืมเปลี่ยนรองเท้า
“คุณเย่” เธอร้องอย่างไม่พอใจ
เธอรู้ดีว่าฐานะของเธอยังเป็นเพียงแค่สาวใช้ของตระกูลเย่เท่านั้น แต่เมื่อคิดถึงเซี่ยชีหรั่นเนื่องด้วยคำร่ำลือของเย่เชินหลินทำให้ได้รับความคับแค้นใจ เธอจึงไม่สนใจว่าตัวเองมีฐานะอะไร เธอก็เหมือนกับช่วยเพื่อนระบายอารมณ์
“จิ่วจิ่ว เรื่องราวไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกนะ ล้วนแต่เป็นภาพลวงตา อย่าถามอีกเลยนะ” เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้น ก้าวเท้าไปหยุดจิ่วจิ่วไว้ แล้วก็พูดเบาๆ
ในเวลานี้เหยนชิงเหยียนเอาผักมอบให้กับเสี่ยวหลัน ตัวเองไปเปลี่ยนรองเท้าเรียบร้อย จากนั้นก็ตามเข้ามา
“พี่ เรื่องราวมันไม่ใช่อย่างที่ออกข่าวใช่ไหม?” เหยนชิงเหยียนถาม
“เอาล่ะ เสี่ยวห้านเธอก็อย่าถามอีกเลย พี่ชายของเธอมีบางอย่างที่ไม่อยากพูดออกมา”
“มีอะไรที่ไม่อยากจะพูด? ก็แค่เรื่องแบบนั้นของชายหญิงใช่ไหมล่ะ? ฉันว่านะชีหรั่น เธอทำไมถึงโง่แบบนี้ รู้ทั้งรู้ว่าเขาทำให้เธอเสียใจขนาดนี้แล้ว ถูกเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยคนอะไรนั้นครอบงำ เธอยังมาปกป้องเขาอยู่เหรอ? เธอมันช่างสับสนมากจริงๆ” จิ่วจิ่วก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงโกรธ สีหน้าของเย่เชินหลินดำคล้ำไปหมด
“อย่าพูดแบบนั้นสิ ฉันว่าเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยก็ไม่เหมือนอย่างที่เธอพูด เขาไม่ใช่คนเลว” เหยนชิงเหยียนก็ไม่รู้ตัวเองว่าทำไมถึงต้องปกป้องผู้หญิงคนนี้ แม้ว่าเคยเห็นหน้าแค่ครั้งเดียว แต่ว่าความประทับใจที่เขามีต่อเธอที่จริงมันก็ไม่เลวนะ ถึงขนาดว่ายิ่งคิดยิ่งรู้สึกถึงความสนิทสนมใกล้ชิด
“อะไรนะ? เธอก็จะปกป้องเขา? ดูเหมือนว่าความงามของผู้หญิงคนนี้จะมีข้อได้เปรียบโดยธรรมชาติจริงๆ คุณเย่จื่อห้าน เธอคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง แล้วพี่สะใภ้ของเธอละ กลับกลายเป็นผู้หญิงที่ไม่ดีเหรอ?” จิ่วจิ่วถามอย่างไม่มีความสุขและจ้องมองไปที่เหยนชิงเหยียน ดวงตาเหมือนจะพ้นไฟออกมาให้จนได้
“จิ่วจิ่ว เสี่ยวห้านไม่ได้หมายถึงแบบนั้น อย่าพูดอีกเลยนะ พวกเราจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีก ได้ไหม? ไม่มีอะไรน่าพูดเลย ที่ จริงแล้วเป็นเพียงแค่การเข้าใจผิดเท่านั้น” เซี่ยชีหรั่นจูงมือของจิ่วจิ่วและยืนกรานที่จะลากเธอไปหาห้องพักเพื่อสงบสติอารมณ์
เหยนชิงเหยียนก็เข้าใจนิสัยของจิ่วจิ่ว แต่ก็ไม่ได้สนใจ เพียงแค่มองเย่เชินหลินแล้วพูดว่า “พี่ ไม่สะดวกคุยจริงๆใช่ไหม?”
เย่เชินหลินในตอนนี้ราวกับขึ้นหลังเสือแล้วลงลำบาก เขาเคยให้สัญญาว่า หากมีใครก็ตามถามถึง ไม่ก็หลีกเลี่ยง ไม่ก็ยอมรับไปตรงๆ เขาจะไม่ยอมทำลายชื่อเสียงของเจ้าหญิงหย่าฮุ่ย
คนหนุ่มสาวเหล่านี้ไม่สำคัญอะไรมาก หากว่าเขายอมรับต่อหน้าแม่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง คุณแม่ก็จะเสียใจมาก ดังนั้นในตอนนี้เขาเลือกที่จะปิดปากไม่พูดก่อน ไม่อธิบายอะไร ซึ่งมันก็จะทำให้ผู้คนเข้าใจผิดต่อไปเรื่อยๆ
“หลิน ค่ำนี้ฉันอยากจะลงมือตุ๋นปลาน้ำแดงให้คุณแม่ทานด้วยตัวเอง เธอไปซื้อปลาที่ตลาดเป็นเพื่อนฉันนะ” เซี่ยชีหรั่นปล่อยมือจิ่วจิ่ว แล้วเดินมาพูด

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset