สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 791 สาวใช้ตัวแสบ 695

ตอนที่ 791 สาวใช้ตัวแสบ 695
และในเวลานี้เอง เซี่ยชีหรั่นเข้าใจแล้วว่า อาจจะเป็นเพราะเมื่อตอนกลางวันมีคนมาขอร้องเขาให้จัดการธุระหลายอย่างให้ จึงทำให้ช่วงบ่ายจึงต้องเจอกับสถานการณ์เช่นนี้
“ฉันก็ไม่มีหนทางอื่น จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้สนิทสนมกับคุณ แต่เมื่อวานเมื่อฉันได้ยินว่ามีคนวิพากษ์วิจารณ์คุณ ประธานเย่ต้องการที่จะแสดงอำนาจ แต่ท่านก็ขวางเขาไว้ แสดงให้เห็นว่าคุณนั้นเป็นคนจิตใจอ่อนโยน ท่านสามารถช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ?”
เซี่ยชีหรั่นนั้นรู้สึกเห็นอกเห็นใจที่ครอบครัวของคุณส้งต้องเผชิญกับเรื่องราวเหล่านี้ เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าเรื่องเช่นนี้เย่เชินหลินจะสามารถช่วยได้ไหม
เธอจำได้ว่าตอนที่พวกเขาอยู่ที่บ้านของคุณยาย ห้างสรรพสินค้าได้ปิดให้บริการแล้ว แต่เย่เชินหลินเพียงแค่ยกหูโทรศัพท์ ห้างสรรพสินค้าก็กลับมาเปิดให้บริการพวกเขาอีกครั้ง
เย่เชินหลินนั้นรู้จักคนมากมาย เธออาจจะรู้ไม่หมดเสียด้วยซ้ำ หากต้องการฝากเด็กให้เข้าเรียนในโรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่งคงเป็นเรื่องที่ไม่ยากนัก
แม้ว่าภายในใจจะคิดเช่นนี้ แต่เซี่ยชีหรั่นก็ไม่กล้าที่จะรับปาก
เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตอบด้วยเสียงเบาว่า:“ฉันจะลองพูดกับเขาให้ แต่จะช่วยได้หรือไม่นั้น ฉันก็ไม่กล้าที่จะรับปาก”
เมื่อคุณส้งได้ยินเช่นนั้นก็ดีอกดีใจเป็นพิเศษ ทั้งโค้งคำนับ ทั้งพูดขอบคุณ เซี่ยชีหรั่นนั้นยังไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่หล่อนกลับขอบคุณเธอเสียใหญ่โต ทำให้เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ
“ท่านอย่าเพิ่งขอบคุณเลย ฉันเกรงว่าหากฉันช่วยไม่ได้ จะทำให้ท่านผิดหวังเปล่าๆ”
“มันสมควรแล้ว ท่านรับปากที่จะช่วยฉัน ฉันก็ขอบคุณท่านมาก ขอบคุณชีหรั่น ขอบคุณ ฉันกลับก่อนนะ ฉันจะรอฟังข่าวดีจากคุณ”
ประโยคสุดท้ายที่ว่า ฉันจะรอฟังข่าวดีจากคุณ มันทำให้เซี่ยชีหรั่นรู้สึกกดดัน
เธอรู้ดีว่าในฐานะที่เป็นผู้หญิงของเย่เชินหลิน เธอนั้นไม่ควรที่จะรับปากเรื่องพวกนี้ หากเป็นเด็กคนอื่น เธอก็คงจะปฏิเสธไปแล้ว แต่นี่เป็นครอบครัวพี่สาวของเธอ จึงทำให้รู้สึกเห็นใจ ทำใจไม่ได้ที่จะปฏิเสธ
เดิมทีคืนนี้เธอรอคอยเรื่องที่จะให้โม่เสี่ยวหนงและคนแซ่เลี่ยวได้เจอกันอย่างดีอกดีใจ แต่เมื่อเจอกับเรื่องเรื่องนี้ ภายในใจของเธอนั้นรู้สึกอึดอัด และเศร้าใจ
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน เย่เชินหลินก็ยังคงมารอรับเซี่ยชีหรั่นที่บริเวณด้านนอกของบริษัท
เรื่องที่โม่เสี่ยวหนงและเลี่ยวเหวยตงจะมาเจอกัน เขานั้นจัดการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเขาได้โทรศัพท์หาโม่เสี่ยวหนงด้วยตัวของว่าจะแนะนำคนคนหนึ่งให้เธอได้รู้จัก
โม่เสี่ยวหนงคิดว่าเมื่อคืนตนนั้นทำเรื่องอะไรผิด วันนี้เย่เชินหลินถึงได้โทรมาบอกว่าจะแนะนำคนคนหนึ่งให้เธอได้รู้จักด้วยตนเอง และไม่ได้โกรธเธอ เธอนั้นรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้ถามรายละเอียดออกไป
เธอคิดว่าอาจจะเป็นเพราะว่าเย่เชินหลินนั้นต้องการที่จะไล่เธอไปให้ไกลๆ ก็เลยจะแนะนำผู้กำกับที่มีชื่อเสียงให้กับเธอคนหนึ่ง
“ทำไมเหรอ?ไม่ดีใจเหรอ?” เซี่ยชีหรั่นขึ้นนั่งบนรถ ใบหน้าจิ้มลิ้มของนั้นนิ่งเงียบ ไม่มีร่องรอยของความโกรธแม้แต่น้อย เย่เชินหลินมองเธออย่างเป็นห่วง
“ไม่ใช่ตั้งตารอโม่เสี่ยวหนงนัดดูตัวสำเร็จเหรอ?หรือเมื่อตอนบ่ายที่บริษัทมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเหรอ?”เมื่อเห็นว่าเซี่ยชีหรั่นนั้นไม่พูดไม่จา เย่เชินหลินจึงได้ถามขึ้นอีกครั้ง
“หลิน เหมือนว่าฉันจะทำผิดเรื่องหนึ่ง ฉันกลัวว่าคุณจะโกรธ จะกล่าวโทษฉัน”เซี่ยชีหรั่นก้มหน้าพูด
ท่าทางของเธอนั้นราวกับเด็กที่ทำผิด ทำให้เย่เชินหลินมองดูด้วยความเอ็นดูเป็นอย่างมาก
“เด็กโง่ คุณจะทำเรื่องอะไรได้ อย่ากังวลไปเลย แม้ว่าเธอจะทำผิด ผมในฐานะผู้ชายของคุณจะจัดการให้คุณเอง คุณพูดมาเถอะ มีเรื่องอะไร”
ท่าทางของเย่เชินหลินนั้นทำให้ความกังวลภายในใจของเซี่ยชีหรั่นนั้นจางหายไป ความรู้สึกของการถูกโอ๋นั้นดีเสียจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถูกเย่เชินหลินโอ๋
ท่าทางของเขานั้นทำให้เธอรู้สึกว่า แม้ว่าเธอจะก่อเรื่องเลวร้ายขนาดไหน เขาก็จะปกป้องเธอ อีกทั้งเขาก็จะช่วยเธอจัดการเรื่องทุกอย่าง
“วันนี้มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งมาหาฉัน หล่อนมาขอร้องให้ฉันช่วยฝากลูกของพี่สาวเธอเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมต้น”เซี่ยชีหรั่นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบา แม้ว่าเย่เชินหลินพูดว่าจะช่วยจัดการให้กับเธอ แต่ว่าเธอนั้นก็ยังคงรู้สึกลำบากใจ
แม้ว่าเขานั้นจะไม่ใช่ข้าราชการหรือหากเขานั้นเป็นข้าราชการจริงๆและทำงานในกระทรวงศึกษาธิการ การฝากคนเข้าเรียนก็เป็นเรื่องที่ผิดจรรยาบรรณอยู่ดี
“ผมคิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร ถึงได้ทำให้คุณกังวลใจได้เช่นนี้”เย่เชินหลินลูบผมของเซี่ยชีหรั่น และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“นี่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เหรอ?แต่มันเป็นเรื่องผิดจรรยาบรรณนะ ฉันเกรงว่าจะทำให้คุณต้องลำบาก”เซี่ยชีหรั่นจ้องมองใบหน้าของเย่เชินหลิน พูดขึ้นอย่างเบาๆ เมื่อพูดจบก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
แม้ว่าตอนนี้เธอจะรู้ว่าเธอนั้นเป็นลูกสาวของหัวหน้าจง ส่วนแม่ของเธอนั้นก็เป็นภรรยาของเสนาธิการหลี่ หากมองกันตามหลักแล้วสถานะของเธอก็ไม่ได้ด้อยกว่าเย่เชินหลินสักเท่าไหร่ เพียงแต่ว่าตั้งแต่เล็กเธอนั้นเติบโตในครอบครัวธรรมดา เธอรู้สึกว่าวงการของข้าราชการนั้นมีเรื่องปากหวานก้นเปรี้ยวที่เธอไม่ค่อยจะเข้าใจนัก และก็ไม่รู้ด้วยว่าอันตรายแค่ไหน
บางครั้งเมื่อดูข่าว ข้าราชการของที่นี่ตกม้า ข้าราชการของที่นั่นลงจากตำแหน่ง เธอมักจะรู้สึกกลัวด้วยความหวาดระแวง
ดังนั้นนับตั้งแต่ที่เย่เชินหลินบอกรักเธอนั้น เธอก็มักจะระมัดระวัง สมัยก่อนเคยคิดว่าหากว่ามีคนมาขอร้องให้เธอช่วย เธอคงจะปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ด้านหนึ่งเป็นเพราะว่า เธอนั้นไม่อยากสร้างความลำบากใจให้กับเย่เชินหลิน ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น เธอไม่อยากให้เย่เชินหลินดูถูกเธอ หาว่าเธอนั้นไม่รู้ประสา
เนื่องจากกลัวว่าเย่เชินหลินจะตำหนิเธอ เธอจึงรีบอธิบายว่า:“หลิน ฉันรู้ว่าเรื่องเรื่องนี้สำหรับคุณแล้วมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ และแน่นอนฉันรู้ว่าคุณคงไม่ชอบอยากฉันไปรับปากเรื่องพวกนี้พร่ำเพรื่อ เรื่องลูกของพี่สาวคุณส้ง เดิมทีฉันก็อยากที่จะปฏิเสธในทันที แต่พอฉันได้ฟังเรื่องที่พี่สาวของเธอได้ประสบ ฉันก็อดสงสารไม่ได้ หล่อนบอกว่าพี่สาวของหล่อนนั้นเสียชีวิตเร็วเกินไป เด็กจึงไหว้วานให้หล่อนดูแล ส่วนพ่อของเด็กนั้นเป็นคนพิการ ปู่กับย่าก็ฝากความหวังไว้ที่เด็กคนนี้ ผลการเรียนของเด็กคนนี้ค่อนข้างดี หากได้เข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมต้น ต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เพียงแต่เด็กคนนี้มีทะเบียนบ้านอยู่ที่บ้านนอกเท่านั้น คุณดูสิ สถานการณ์เช่นนี้ ฉันยากที่จะปฏิเสธ แน่นอน หากว่าคุณลำบากใจ ฉันก็จะหาวิธีคุยกับหล่อนเอง”
ในใจของเย่เชินหลินนั้น ลึกๆรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ช่างรู้ประสาจริงๆ เขายิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดขึ้นว่า:“มา มานั่งที่หน้าตักของผมสิ ผมจะค่อยๆพูดกับคุณ”
เขายื่นมือออกไปโอบเซี่ยชีหรั่นให้มานอนที่หน้าขาของเขา มือข้างหนึ่งลูบเส้นผมอันอ่อนนุ่มของเธอ และพูดอย่างอ่อนโยนว่า:“เรื่องเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่ก็อย่างที่คุณบอกแหละว่าเรื่องเรื่องนี้แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ก็กระทบกับจรรยาบรรณ ไม่ใช่ว่าคิดจะทำก็ทำ หากสถานการณ์ที่หล่อนว่านั้นเป็นความจริง ก็สมควรที่จะเห็นอกเห็นใจ คุณรับปากหล่อนก็เพราะสงสาร ไม่ต้องรู้สึกผิดเหรอ พรุ่งนี้ตอนคุณไปทำงานเอาชื่อนามสกุลและโรงเรียนที่เด็กคนนั้นกำลังเรียนอยู่มาให้ผม เดี๋ยวผมจะให้คนไปสืบความจริง”
“อืม อืม!ขอบคุณคุณมาก หลิน!”เซี่ยชีหรั่นพูดขึ้นอย่างดีอกดีใจ จากนั้นก็จูบลงที่ใบหน้าของเขาเบาๆ
ท่าทางของเขานั้นยังคงเป็นปกติ แต่แก้มของเธอกลับปรากฏเมฆสีแดงสองก้อน
ความน่ารักของเธอเวลาเขินขาย ทำให้เย่เชินหลินจูบเธออย่างแรง
เมื่อพวกเขากลับมาถึงคฤหาสน์ โม่เสี่ยวหนงก็ได้มาถึงที่นี่ตั้งนานแล้ว
วันนี้อารมณ์ของเธอนั้นดีเป็นพิเศษ เย่เชินหลินได้สั่งให้คนไปจัดการซื้อรถปอร์เช่คันที่เธอถูกใจเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นตอนนี้เธอรอเพียงจะขับรถคันนั้น
“พี่!พี่เขย!พวกคุณกลับมาแล้ว!” ขณะที่โม่เสี่ยวหนงกลับมา เธอนั้นได้ยินพ่อบ้านพูดว่าวันนี้จะเลี้ยงเธอเป็นพิเศษ ยิ่งทำให้เธอนั้นดีใจเป็นพิเศษ เธอกลับไปที่ห้องของเธอและเปลี่ยนใส่กระโปรงตัวสวย รอรับเย่เชินหลินกับเซี่ยชีหรั่นอยู่นานแล้ว
เนื่องจากเมื่อคืนวานเซี่ยชีหรั่นนั้นเข้าใจโม่เสี่ยวหนงผิด จึงทำให้เธอนั้นรู้สึกผิดกระทั่งปัจจุบันนี้ เมื่อรถหยุดลง ไม่ทันรอให้เซี่ยอี้ชิงมาเปิดประตูรถ แต่กลับรีบเปิดประตูรถลงมาเอง
“เสี่ยวหนง”เซี่ยชีหรั่นเรียกเธอ จากนั้นมองดูน้องสาวของตนเองตั้งแต่หัวจรดเท้า หล่อนนั้นเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวเป็น เธอนั้นคิดว่ากระโปรงของเธอหากใส่อยู่บนเรือนร่างของเสี่ยวหนงก็คงจะสวยกว่านี้
“พี่ เมื่อวานฉันโทรหาพี่เขย พี่โกรธเหรอ?”โม่เสี่ยวหนงยิ้มแล้วถามขึ้น
“ไม่หรอก จะโกรธทำไม”
“เป็นไปไม่ได้ พี่ต้องโกรธแน่ๆ เมื่อคืนฉันโทรหาพี่เขยอีกครั้ง เหมือนเขาจะโกรธ เฮ้อ ฉันเสียใจทั้งคืน ดีนะที่วันนี้รับสายของพี่เขย เขาบอกว่าจะแนะนำคนคนหนึ่งให้กับฉัน ฉันถึงรู้ว่าพวกคุณไม่ได้โกรธฉัน ใจของฉันจึงคลายความทุกข์ใจลงบ้าง”
เซี่ยชีหรั่นยิ้มให้กับโม่เสี่ยวหนงครู่หนึ่ง คว้ามือของเธอแล้วเดินไปที่คฤหาสน์พร้อมกัน พร้อมทั้งอธิบายว่า:“พี่ก็แค่แปลกใจว่าทำไมเธอถึงโทรศัพท์หาเขา และก็ไม่ยอมบอกพี่ว่าเกิดอะไรขึ้น พี่ไม่ได้โกรธอะไร พี่เขยของเธอได้บอกกับพี่แล้วว่า เธออยากได้รถคันหนึ่ง เธอก็นะ จริงๆเลย ……ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะ เธอยังเด็กอยู่เลยจะขับรถราคาแพงขนาดนี้ทำไม?”
เด็กก็ขับรถราคาแพงไม่ได้เหรอ?ฮึ พี่ไม่อยากให้ใช่ไหมหล่ะ ทำไมฉันจะไม่รู้
ภายในใจของโม่เสี่ยวหนงนั้นรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมาภายนอก
“รู้แล้ว บ่นเยอะจัง ไม่กลัวพี่เขยว่าเหรอว่าพี่ขี้บ่น”เมื่อโม่เสี่ยวหนงพูดจบ เธอก็กวาดสายตาไปมองที่เย่เชินหลินครู่หนึ่ง
“ผมไม่รังเกียจที่คุณขี้บ่นหรอก ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไงก็ยังน่ารักเหมือนเดิม”เย่เชินหลินพูด
“พอแล้ว พอแล้ว พวกคุณสองคนเลิกพูดคำหวานต่อหน้าฉันได้แล้ว อย่าทำร้ายคนโสดอย่างฉันอีกเลย”
“อีกไม่นานเธอก็จะไม่โสดแล้วล่ะ วันนี้พี่เขยของเธอจะแนะนำลูกชายของรองประธานเลี่ยวให้เธอรู้จัก”เซี่ยชีหรั่นยิ้มอย่างอ่อนโยน สีหน้าของโม่เสี่ยวหนงก็กลับเปลี่ยนไป
“อะไรนะ?พี่ พี่เขยไม่ได้จะแนะนำผู้กำกับให้ฉันรู้จักเหรอ เขาจะแนะนำแฟนให้กับฉัน?”
“ใช่แล้ว พี่คิดว่าเธอรู้แล้วเสียอีก พี่ผิดเอง พี่ควรจะบอกเธอก่อนหน้านี้” หากไม่ได้เป็นเพราะว่าเรื่องเมื่อตอนบ่ายทำให้เธอรู้สึกตื่นตระหนก เธอก็คงจะโทรบอกให้โม่เสี่ยวหนงเตรียมตัวแล้ว
เดิมเซี่ยชีหรั่นคิดว่าหากโม่เสี่ยวหนงได้ยินว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นคือลูกชายของรองประธานแล้วเธอจะรู้สึกหวั่นไหว และเห็นด้วยกับการดูตัวอย่างไร้ความกังวล
แต่เวลานั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว สมัยก่อนแม้แต่ฝันโม่เสี่ยวหนงก็ไม่สามารถอาจเอื้อมถึงลูกชายของรองประธานได้แต่ว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว สเปกของเธอนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว
ลูกชายของรองประธาน สำหรับเธอแล้ว ไม่ได้มีอนาคตอะไร แต่หากเป็นตัวของรองประธานเองก็ค่อยยังชั่วหน่อย
ตอนนี้รถของเธอนั้นราคาหลายล้านหยวน ต่อให้รองประธาน เก่งกาจขนาดไหน เขาก็คงจะไม่กล้าซื้อรถราคาหลายล้านหยวนให้กับลูกชายง่ายๆเหรอ?หากวัดจากสถานะทางสังคม ลูกชายห่วยๆของรองประธาน นั้นจะคู่ควรกับเธอได้อย่างไรกัน
“พี่คะ พี่น่าจะบอกฉันก่อนสักหน่อย ฉันยังไม่หากรีบหาแฟนตอนนี้ พี่ดูสิ คนคนนั้นก็เชิญเรียบร้อยแล้ว หากฉันจะไม่ไปพบก็คงจะเสียมารยาท”สีหน้าของโม่เสี่ยวหนงนั้นดูเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด
ปฏิกิริยาของหล่อนนั้นทำให้เซี่ยชีหรั่นคาดไม่ถึง และก็ทำให้เย่เชินหลินรู้สึกประหลาดใจ

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset