สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 808 สาวใช้ตัวแสบ 712

ตอนที่ 808 สาวใช้ตัวแสบ 712
เธออยากให้โม่เสี่ยวหนงเข้าหาเด็กเหมือนกัน เพราะเด็กนั้นบริสุทธิ์และเธอหวังว่าโม่เสี่ยวหนงจะเรียนรู้จากเด็กแล้วกลายเป็นคนใสซื่อบ้าง
แน่นอนว่าในสายตาของเธอไม่ว่าโม่เสี่ยวหนงจะเคยทำอะไรไว้ เธอก็เชื่อว่าจะสามารถเปลี่ยนนิสัยเธอได้ ไม่เหมือนคนอย่างส้งหลิงหลิงที่สายเกินแก้
……
ค่ำคืนนี้เจ้าหญิงหย่าฮุ่ยมีนัดกับผู้ชายคนอื่น เธอจึงปล่อยให้หลี่เหอไท้อยู่ที่ตำหนักเจ้าหญิงตามลำพังคนเดียว
เมื่อหลี่เหอไท้อาบน้ำเสร็จและเตรียมตัวจะเข้านอนก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญครับ!” เขาพูดภาษาอังกฤษ
เจ้าคิดว่าเป็นสาวใช้ที่มาส่งนม เพราะโดยปกติแล้วจะมีสาวใช้ส่วนตัวของเจ้าหญิงมาส่งนมให้เขาในเวลานี้เป็นประจำ
เมื่อประตูเปิดออกก็มีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งแต่งตัวเย้ายวนเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับรอยยิ้มที่เสน่หา
หลี่เหอไท้รู้จักผู้หญิงคนนี้ เธอเป็นหนึ่งในล่ามส่วนตัวของเจ้าหญิงและเป็นคนสนิทของเจ้าหญิงหย่าฮุ่ย
เขาจึงรู้สึกแปลกใจ เพราะดึกขนาดนี้และเธอก็รู้ว่าเจ้าหญิงไม่อยู่ด้วย แล้วยังแต่งตัวแบบนี้เข้ามาในห้อง“แฟน”ของเจ้าหญิงหย่าฮุ่ย
“คุณหลี่เหอไท้คะ ทำไมหลับเช้าจังเลย?” ล่ามพูดด้วยสีหน้าอันเย้ายวน การแสดงออกของเธอแบบนี้ หลี่เหอไท้ไม่ได้เป็นคนโง่ถึงขั้นไม่รู้ว่าเธอมีเจตนาอะไร
ผู้หญิงคนนี้ใจกล้าจริง ๆ เธอช่างกล้าเข้ามายั่วยวนแขกของเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยในตอนที่เขาไม่อยู่
ล่ามคนนี้สามารถพูดภาษาจีนได้อย่างเชี่ยวชาญ ดังนั้นจึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการสื่อสาร
หลี่เหอไท้เม้มปากแล้วยิ้มพูดอย่างมีเลศนัย “เจ้าหญิงหย่าฮุ่ยไม่อยู่ ถ้าไม่ให้นอนผมก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้วสิครับ”
ล่ามสาวคนนี้ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาหลี่เหอไท้ เสื้อผ้าที่เธอสวมอยู่นั้นบางจนสามารถมองเห็นผิวอันขาวเนียนของเธอได้
“ฉันไม่เพียงแค่ถนัดแปลอย่างเดียวนะ ฉันยังถนัดช่วยผู้ชายที่มีเสน่ห์คลายเครียดด้วย” ล่ามสาวเดินเข้าไปหาหลี่เหอไท้แล้วเหยียดแขนขาวเรียวของเธอวางไว้บนไหล่ของเขาอย่างกล้าหาญ
ประตูห้องยังคงเปิดอยู่และพฤติกรรมของเธอแบบนี้มันช่างกล้าหาญอย่างเหลือเชื่อจริง ๆ
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเจ้าหญิงของคุณจะชอบให้คุณช่วยผมผ่อนคลายหรือเปล่านะ” หลี่เหอไท้ก้มลงไปกระซิบข้างหูเธอเบา ๆ
“ชอบสิ” ล่ามสาวพูดอย่างมั่นใจและคำตอบของเธอทำให้หลี่เหอไท้รู้สึกไม่คาดคิดเลย
ได้ยินมาว่าที่ประเทศฝานหลายค่อนข้างเปิดโลกกว้างและที่นี่เป็นสังคมกึ่งสตรีนิยม แต่ก็ไม่คิดว่าจะเปิดกว้างขนาดนี้
“ตกใจเหรอ? คุณเหอไท้?” ล่ามสาวยิ้มถาม หลี่เหอไท้ได้แต่พยักหน้าตอบ
“ต้องตกใจสิ ผมเชื่อว่าคุณก็เข้าใจวัฒนธรรมบ้านผมเหมือนกันนะ สำหรับผู้ชายบ้านผมแล้ว ถ้าได้เจอสถานการณ์แบบนี้ก็คงรู้สึกมหัศจรรย์มาก”
“แน่นอนสิ ฉันรู้จักหนุ่ม ๆ ชาวจีนดีและก็เข้าใจสาวจีนด้วยเหมือนกัน เหอะ ๆ แต่เจ้าหญิงหย่าฮุ่ยของเราไม่เหมือนผู้หญิงคนจีนหรอกนะ เธอไม่คิดว่าสาวใช้จะทำผิดถ้าเข้าหาผู้ชายของเธอ ตรงกันข้าม เธอคิดว่าผู้หญิงที่ไม่มีความทะเยอทะยานเข้าหาผู้ชายจะไม่เป็นผู้หญิงที่แท้จริง ผู้หญิงที่เธอให้ความสำคัญและไว้วางใจที่สุดก็คือผู้หญิงที่สามารถเอาชนะผู้ชายทุกคนได้ ซึ่งเธอคิดว่ามันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง อีกอยาก ผู้หญิงที่เอาชนะผู้ชายได้จะไม่หลงระเริงกับความสัมพันธ์มากเกินไป ดังนั้นผู้หญิงแบบนี้จะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า”
เจ้าหญิงหย่าฮุ่ยนั้นพิเศษจริง ๆ หลี่เหอไท้คิดในใจ สงสัยว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่พิเศษที่สุดในโลกแล้วล่ะ
“คุณเหอไท้ ฉันตอบคำถามคุณเรียบร้อยแล้วนะ ตอนนี้คุณพอจะให้เกียรติเต้นรำกับฉันสักเพลงไหม?” ล่ามสาวถาม
“โอเค ไม่มีปัญหาครับ” หลี่เหอไท้พูดไปแล้วโน้มตัวและยื่นมือไปขอเธอเต้น
ในห้องของเจ้าหญิงหย่าฮุ่ย ซึ่งไม่มีดนตรี แต่ล่ามสาวก็ฮัมเพลงทำจังหวะแล้วเริ่มเต้นกับหลี่เหอไท้เบา ๆ
“ถ้าแบบนี้ พวกคุณก็ต้องแข่งกันเอาชนะผู้ชายทุกคนของเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยสินะ?” หลี่เหอไท้ถาม
“ก็ไม่ใช่ทุกคนหรอก พวกเราก็เลือกเหมือนกันนะ ต้องเป็นผู้ชายที่พิเศษจริง ๆ เราถึงจะเข้าหาเขา”
“ใช่เหรอ? ถ้างั้นพวกคุณคงไม่ปล่อยคนอย่างเย่เชินหลินไปหรอก” หลี่เหอไท้พูดติดตลก
เมื่อพูดถึงเย่เชินหลิน สีหน้าของนักแปลคนนี้ก็เปลี่ยนไป แล้วเธอพูดต่อ “ไม่อยากพูดถึงเขา ผู้ชายคนนั้นไร้ความรู้สึกจริง ๆ เขาทำให้เจ้าหญิงหย่าฮุ่ยของเราต้องเศร้ามาก”
เหตุผลที่หลี่เหอไท้ยอมเต้นกับเธอไม่ใช่เพราะว่าเขาสนใจผู้หญิงที่เข้าหาเขาคนนี้ แต่เขายังคงคิดถึงหลักฐานที่เขายังไม่พบเสมอ
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ? ผมดูจากในข่าวแล้วเห็นพวกเขาสองคนรักกันมากเลยนะ ไม่ต่างอะไรกับความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยเลย” หลี่เหอไท้จับมือล่ามสาวคนนี้แล้วให้เธอหมุนรอบวงใหญ่ แล้วมือของเขาก็กอดไปที่เอวของเธอแน่น ๆ จากนั้นดึงเธอมาแนบไว้ที่กาย ในใจรู้สึกหวิว ๆ และเธอก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อยด้วย
“ทุกอย่างนั้นล้วนเป็นข่าวเท็จ” นักแปลสาวพูด
“ไม่จริงหรอกมั้ง เจ้าหญิงหย่าฮุ่ยมีเสน่ห์ขนาดนี้ เธอจะไม่สามารถเอาชนะเย่เชินหลินได้ไง?” หลี่เหอไท้ถือโอกาสถามต่อ
“ผมเดาว่าคนสวยคนนี้น่าจะเข้าใจผิดเองแล้วล่ะ”
จากการสังเกตของหลี่เหอไท้ ผู้หญิงคนนี้มีความมั่นใจในตัวเองสูง ซึ่งไม่ยอมให้ใครมาดูถูกง่าย ๆ แน่นอน ยังไงเธอก็ต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะเล่าให้เขาฟังแน่
หลี่เหอไท้เดาถูก นักแปลสาวคนนี้เริ่มรู้สึกไม่พอใจแล้ว เพราะในตำแหน่งของเธอนี้ไม่มีใครสามารถตั้งคำถามหรือสงสัยในตัวเธอได้นอกจากเจ้าหญิงหย่าฮุ่ย
เธอจึงหยุดเต้นแล้วพูดกับเขา “สักครู่นะ ฉันจะเล่าให้คุณฟังเอง”
นักแปลสาวก็เดินไปปิดประตูแล้วพูดกับเขาด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม “แต่ว่า เรื่องนี้คุณห้ามเปิดเผยให้เจ้าหญิงหย่าฮุ่ยรู้ว่าฉันเป็นคนพูดนะ คุณต้องสาบานกับฉันก่อนแล้วฉันจะเล่าความจริงให้ฟัง”
หลี่เหอไท้ยกมือขวาขึ้นอย่างจริงจังแล้วกล่าวสาบานตามที่เธอต้องการ เขารับปากว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กับเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยอย่างเด็ดขาด ล่ามแปลคนนี้จึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจแล้วค่อย ๆ พูด “ความจริงแล้วฉันก็อยากหาคนคุยด้วยตั้งนานแล้ว ฉันรู้สึกโกรธแทนเจ้าหญิงของเรามาก เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกและไม่เคยแพ้ทางให้กับผู้ชายคนไหนเลย แต่ไอ้เย่เชินหลินคนนั้นน่ะสิ ทั้งเหม็นทั้งซื่อ เจ้าหญิงของเราอุตส่าห์เข้าหาเขาก่อนทั้งที่ไม่เคยทำกับใครแบบนี้เลย แต่เขาก็ยังเฉยเมย แม้กระทั่งเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยใช้อำนาจบางอย่างเพื่อส่งผลกระทบต่อข้อตกลงน้ำมันระหว่างประเทศกับเขา แต่เขาก็ยังไม่ยอมใจ”
“ยอมไปแล้วไม่ใช่เหรอ? คุณน่าจะรู้ว่าเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยชอบสะสมของสิ่งนี้นะ?” หลี่เหอไท้เอื้อมมือไปหยิบจี้คริสตัลที่มีรูปของเย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นออกมาให้ล่ามดู
ล่ามสาวถอนหายใจแล้วพูด “ถึงได้เป็นเรื่องเท็จไง เจ้าหญิงหย่าฮุ่ยของเราให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีของตนมาก เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าเจ้าหญิงสนใจในตัวของเย่เชินหลิน แต่เย่เชินหลินกลับปฏิเสธเธอแบบนี้ จะให้เธอเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ดังนั้นเธอจึงต้องหาวิธีมาบีบบังคับเขาน่ะสิ เธอเคยใช้วิธีบีบบังคับตามข้อตกลงของคลังน้ำมันแต่ไม่ได้ผล ตอนนี้เธอหันมาใช้ประโยชน์คนคนหนึ่งมาบีบบังคับเขา จนสุดท้ายเขาต้องยินยอมค้างคืนที่ตำหนักของเจ้าหญิงอย่างไม่เต็มใจ”
คนคนหนึ่ง?
แม้ล่ามสาวยังไม่ได้บอกว่าคนคนนั้นคือใคร แต่หลี่เหอไท้ก็สามารถเดาได้ว่าคนที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือการต่อรองของเย่เชินหลินได้นั้น อาจเป็นไปได้คือเซี่ยชีหรั่น
“เขาคือใคร?” หลี่เหอไท้ถาม
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ เพราะครั้งนี้ฉันไม่ได้ไปจีนกับเขาด้วย แต่ล่ามติดตัวที่ไปด้วยครั้งนี้ของเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยบอกว่า คนคนนั้นคือแฟนสาวของเย่เชินหลิน ซึ่งเธอมีรูปร่างหน้าตาที่สวยมาก แต่ฉันไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไรหรอกนะ”
คือเซี่ยชีหรั่นจริง ๆ ด้วย
“งั้น คุณเล่าต่อเลย แต่เย่เชินหลินก็ยอมทำตามแล้วนะ แล้วทำไมคุณถึงบอกว่าเป็นเรื่องเท็จอีกล่ะ?”
“เย่เชินหลินแค่ตกลงว่าจะมาค้างคืนที่ตำหนักของเจ้าหญิงเท่านั้น และเขายอมให้สื่อถ่ายรูปเขากับเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยได้ แต่ต้องเป็นรูปที่เขาจูบแก้มเจ้าหญิงเท่านั้นห้ามเกินไปกว่านี้ ความจริงแล้วเขาทั้งสองไม่ได้มีอะไรกันเลย คืนที่เขานอนในห้องเจ้าหญิง เย่เชินหลินขอเลือกนอนบนโซฟา เจ้าหญิงอดไม่ได้แล้วเพิ่งมาบอกเรื่องนี้กับฉันภายหลัง สำหรับของส่วนตัวที่คุณพูดถึงนั้นก็เป็นการจัดฉากเหมือนกัน เจ้าหญิงอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าเธอเอาชนะเย่เชินหลินได้จึงตั้งใจให้เขาทิ้งของไว้”
หลี่เหอไท้เงียบไปสักพัก จากนั้นยิ้มแล้วส่ายหัวพูด “ผมก็ยังคิดว่ามันยังไง ๆ อยู่นะ เพราะเธอกดดันเย่เชินหลิน แต่เขาปฏิเสธและไม่เกรงกลัวเธอเลย แล้วเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยจะยอมได้ไง?”
“คุณยังรู้น้อยไป เย่เชินหลินเป็นคนที่เจรจาเก่งมาก เขาเกลี้ยกล่อมจนเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยต้องยอมเขา และในตอนที่เจ้าหญิงหย่าฮุ่ยรับปากว่าจะให้เย่เชินหลินจัดฉากมาค้างคืนที่ห้องด้วยก็เพราะเธออยากใช้โอกาสนี้ยั่วยวนเขา เพราะเธอรู้สึกมั่นใจในตัวเองมาก แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าและเธอก็จำเป็นต้องรักษาคำสัญญาด้วย ในท้ายที่สุดเธอก็ทำได้เพียงบังคับให้เย่เชินหลินสาบานว่าเขาจะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร จะไม่บอกให้ใครรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขานั้นเป็นเพียงการจัดฉากเท่านั้น แต่ต้องบอกว่าเขาหลงใหลในตัวของเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยและรู้สึกตื้นตันใจมาก ถ้าเย่เชินหลินไม่รับปากล่ะก็ เธอจะให้ผู้หญิงคนนั้นได้หายไปจากโลกนี้……”
วันหยุด
เซี่ยชีหรั่นวางแผนจะทำอะไรบางอย่างเพื่อเย่เชินหลินในวันหยุดนี้ เนื่องจากเรื่องของลูกชายในช่วงนี้ทำให้เขาต้องพักผ่อนไม่เพียงพอ ดังนั้นเธอจึงคิดว่าจะตื่นเช้าไปซื้อวัตถุดิบมาตุ๋นซุปบำรุงให้เขากิน
เย่เชินหลินเดาได้แต่แรกแล้วว่าเธอคิดจะทำอะไร เขาจึงแอบปิดนาฬิกาปลุกของเธอในตอนเช้าและเธอตื่นมาอีกทีก็เที่ยงวันแล้ว
เมื่อตื่นขึ้นมาเธอมองไปที่นาฬิกาปลุกด้วยความมึนงง ไม่ต้องพูดถึงว่าเธอผิดหวังกับตัวเองมากแค่ไหน
“หรือว่าตาบ๊องคนนี้ปิดนาฬิกาปลุกของฉันอีกแล้ว?” เธอบ่นเสียงพึมพำเบา ๆ แล้วหยิบนาฬิกาปลุกขึ้นมาดูและพบว่าเวลาของนาฬิกาปลุกยังคงตั้งปลุกที่เจ็ดโมงเช้าตามที่เธอตั้งไว้ ที่สำคัญนาฬิกาปลุกยังเปิดอยู่ปกติด้วย
“โอ้พระเจ้า ฉันหลับสนิทจนไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกเลยเหรอเนี่ย ทำไมนอนเก่งขนาดนี้” เซี่ยชีหรั่นทุบหน้าผากตัวเองเบา ๆ เย่เชินหลินที่นั่งทำงานอยู่หน้าโต๊ะคอมก็ยิ้มเล็กน้อย
เขาปิดนาฬิกาปลุกที่เธอตั้งไว้แล้วกลับมาเปิดอีกทีหลังเจ็ดโมงเช้าจึงทำให้เธอต้องรู้สึกมึนงงในตอนนี้
เย่เชินหลินเป็นคนจริงจังมาตลอดและไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย แต่เมื่อเห็นสีหน้าอันผิดหวังของเธอแล้วเขาก็รู้สึกอารมณ์ดีอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลย
“ตาบ๊องนั่นไปไหนแล้ว?”
“ผู้ชายของคุณเรียกว่าตาบ๊องเหรอ? คุณควรพูดว่า‘สามีฉันไปไหนแล้ว’ต่างหาก” เย่เชินหลินแก้ไขคำพูดให้เธอ จากนั้นลุกขึ้นจากโต๊ะคอมแล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปหาเธอ
เขาอยู่ในห้องด้วยเหรอ ทำไมไม่ได้ยินเสียงเลย
“คุณใช่สามีของฉันซะที่ไหนเล่า” เซี่ยชีหรั่นกระซิบพูดแล้วเขินจนหน้าแดง
“ถ้างั้นผมเป็นใครล่ะ?” เย่เชินหลินนั่งลงข้างเตียงด้วยสีหน้าที่บูดบึ้งและดูเหมือนเริ่มไม่มีความสุขแล้ว

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset