สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 809 สาวใช้ตัวแสบ 713

ตอนที่ 809 สาวใช้ตัวแสบ 713
“คุณก็คือเย่เชินหลินไง”
“แล้วเย่เชินหลินคือใครล่ะ? ถ้าไม่ใช่สามีคุณแล้วทำไมต้องนอนกับคุณทุกวันด้วย?” เย่เชินหลินแกล้งถาม จนทำให้เธอเขินจนหน้าแดงอีกครั้ง
เธอรู้สึกอายจริง ๆ ถึงแม้จะเป็นคู่หมั้นกัน แต่ก็ยังไม่ได้แต่งงานกัน ถ้าให้เขาเรียกเขาว่าสามีก็ยังรู้สึกแปลก ๆ อยู่ดี
“คุณจะซีเรียสอะไรล่ะ พอแล้ว ฉันหิวแล้ว ฉันจะลุกไปกินข้าวแล้ว”
ณ เวลานี้ก็เลยเวลาอาหารเช้าไปนานแล้ว ถ้ากินอีกทีก็คงต้องเป็นมื้อเที่ยง เธอยังคงรู้สึกหงุดหงิดกับตัวเองที่ตื่นสาย เพราะเวลาที่มีค่าของเธอต้องเสียไปอย่างไร้ค่าอีกแล้ว
“นี่เป็นปัญหาที่ซีเรียสมากนะ เรียกสามีเดี๋ยวนี้” เย่เชินหลินยื่นมือออกไปจับคางเธอไว้เบา ๆ เพียงต้องการให้เธอไม่หลบสายตาเขา
“โอ้ย ก็เรียกไม่ออกนี่ วันหลังค่อยเรียกได้มั้ย?” เซี่ยชีหรั่นเริ่มงอแงเหมือนเด็ก แต่เย่เชินหลินยังคงยืนยันที่จะให้เธอเรียก
“ไม่ได้! วันนี้เจ้าชายอยากฟังเป็นพิเศษ ดังนั้นต้องเรียก”
“นั่นสิ จะบังคับให้เรียกสามีทำไมล่ะ ให้เรียกเจ้าชายดีกว่านะ คุณเจ้าชาย ปล่อยทาสคนนี้เถอะนะ” เซี่ยชีหรั่นอ้อนเขาเบา ๆ จึงทำให้ชายผู้ที่กอดเธอนอนทั้งคืนคนนี้ถูกเธอยุยงจนลุกเป็นไฟตั้งแต่เช้า
เมื่อเห็นเธอเหนื่อย ๆ แบบนี้เขาก็ไม่ได้อยากใช้กำลังกับเธอ
แต่ที่เธอกล้าอ้อนเขาแบบนี้ นั่นก็หมายความว่าเธอกำลังเย้ายวนเขา
จังหวะหัวใจของเย่เชินหลินเต้นรัวและเขาก้มลงไปวางจูบลงที่ปากเล็ก ๆ ของเธอ
หมดกัน เขาคิดไม่ซื่ออีกแล้ว
เซี่ยชีหรั่นพยายามจะหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะเจอ แต่เป็นคู่ต่อสู้เขาได้ซะที่ไหนล่ะ เขายิ่งจูบมากเท่าไหร่ความร้อนแรงก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น จากนั้นโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วผลักเธอกลับไปนอนลงบนเตียงอย่างง่ายดาย
ไม่เรียกใช่มั้ย?
เขามีวิธีที่จะทำให้เธอยอมเสมอ
จูบของเย่เชินหลินก็เหมือนดอกฝิ่นชนิดหนึ่ง ยิ่งเสพยิ่งติดจนเธอไม่สามารถหยุดมันได้
ร่างกายของเขายังคงอ่อนเพลียอยู่แท้ ๆ ความจริงแล้วเขาควรพักฟื้นสักหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ จะยอมสำเร็จความตั้งใจไม่ได้ แต่ก็ไม่สามารถต่อต้านเขาได้เลย
ชุดนอนบาง ๆ ของเธอถูกเขาทำลายทิ้งอย่างไม่ต้องสงสัย รวมถึงเสื้อผ้าชิ้นเล็ก ๆ ข้างในทั้งหมดก็ต้องกลายเป็นเศษผ้า
เธอพยายามบิดตัวแล้วขอร้องเขาเบา ๆ “หลิน ฉันเหนื่อย คุณปล่อยฉันไปเถอะนะ ได้มั้ย? วันนี้วันหยุด คุณควรให้ฉันได้พักผ่อนดี ๆ สักวันนะ”
เมื่อเวลาที่เขาไม่ได้จูบปากเธอ เซี่ยชีหรั่นก็รีบพยายามขอร้องเขา
“ให้ร่างกายได้ล้าสุด ๆ จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่”
นี่มันทฤษฎีอะไรของเขา?
“ไม่ได้!”
“มองหน้าผมสิ เจ้าหนู” เขามองใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอแล้วพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง เสียงของเขาฟังแล้วชวนหลงใหลและนัยน์ตาเขาเต็มไปด้วยความต้องการครอบงำตัวเธอ
แม้ว่าพวกเขาจะมีอะไรกันหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งที่มาถึงจุดนี้ เซี่ยชีหรั่นยังกระวนกระวายและหัวใจเต้นรัว
เธอเหลือบมองที่เขาและใบหน้าของเธอก็ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ
“เรียกสามีสิ!” เขาจ้องตาเธอแล้วสั่งให้เธอพูด
เซี่ยชีหรั่นกัดริมฝีปากไว้และยังคงรู้สึกอึดอัดมาก
“เรียกสิ!”
“ไม่เรียก……งื้ม……”
“เรียกสามีเดี๋ยวนี้!”
ทนรับความกดดันไม่ไหวอีกต่อไป แล้วคำว่า “สามี” ก็หลุดออกมาจากปากเธอเบา ๆ
เขาหยุดการเคลื่อนไหวแล้วก้มลงไปจูบแก้มเธอเบา ๆ และพูดอย่างอ่อนโยน “น่าฟังจริง ๆ เรียกอีกสิ”
“ฉัน……”
“เรียกสิ ผมอยากฟังอีก” เขากดดันเธอต่อ
“สา……สามี”
“ดีมาก ภรรยาตัวน้อยของผม” เย่เชินหลินถอนหายใจแล้วจูบที่ปากเธออีกครั้ง
เธอก็รู้สึกดีที่เขาเรียกเธอแบบนั้น มันช่างมีความสุขเหลือเกิน
หลังจากนั้นทั้งสองก็…… อย่างไรก็ตาม วันนี้เป็นวันหยุดของเขาทั้งสองและไม่มีใครมารบกวนด้วย ดังนั้นจึงมีเวลาค่อย ๆ ดื่มด่ำกับความสุขบนเตียง
หลังเสร็จกิจ เขานอนกอดเธอไปสักพักจนกว่าจะพึงพอใจ จากนั้นก็ได้ยินเสียงท้องร้องโครงครางของเธอดังขึ้น
“คุณสุดยอดเลยจริง ๆ นะ อดข้าวเพื่อมาทำสงคราม” เย่เชินหลินหยอกล้อจนใบหน้าเธอแดงขึ้นอีกครั้ง เธออดไม่ได้ที่จะหยิกแขนของเขาแล้วพูดว่า “คนบ้า ก็เพราะคุณคนเดียว คุณน่ะเป็นสัตว์ร้ายที่จะอาละวาดเมื่อไหร่ก็ได้”
“จริงดิ? แล้วคุณชอบสามีที่เป็นสัตว์ร้ายคนนี้ไหม?” เย่เชินหลินกระซิบถามเบา ๆ ข้างหูเธอ
ในใจของเซี่ยชีหรั่นเต็มไปด้วยความสุข เธอจึงซบไปที่กลางอกเขาแล้วพูดเบา ๆ “ใครจะชอบคนบ้าอย่างคุณล่ะ ฉันไม่ชอบหรอก”
“ไม่ชอบแล้วทำไมต้องร้องเสียงดังขนาดนี้ด้วย?”
“คุณ!” เซี่ยชีหรั่นกลัวที่สุดเมื่อเขาพูดถึงตอนเธอปลดปล่อย เพราะเมื่อถึงสถานการณ์ตอนนั้นไม่มีใครห้ามตัวเองได้หรอก
“แต่สามีของคุณชอบฟังเสียงนั้นนะ มันรู้สึกภูมิใจมาก” เขาจูบที่แก้มเธอแล้วพูดต่อ
ช่างซาดิสท์จริง ๆ
เขาลุกขึ้นนั่งแล้วกดปุ่มลัดโทรศัพท์บนหัวเตียงและพ่อบ้านก็ได้รับสายอย่างรวดเร็ว
“คุณเย่ครับ มีอะไรให้ช่วยไหม?” พ่อบ้านถาม
“เอาอาหารเที่ยงมาเสิร์ฟในห้องผมหน่อยนะ”
“ได้ครับ คุณเย่”
หลังจากที่พ่อบ้านวางสายลง เซี่ยชีหรั่นก็รีบพูดขึ้นมา “เร็วเข้า ๆ ๆ ฉันต้องรีบตื่นแล้ว เดี๋ยวพ่อบ้านมาเห็นว่าเรา……ในช่วงกลางวันแสกๆแบบนี้ ฉันต้องอายแย่เลย”
“ตาบ๊อง ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน อีกอย่างเขาจะดีไปถึงไหนได้ล่ะ” เย่เชินหลินลูบผมเธอเบา ๆ
“คุณนอนอยู่บนเตียงเลย ถ้าเขามาถึงผมจะไปยกอาหารมาให้เอง คุณกินเสร็จก็นอนต่อเลย ไหน ๆ วันนี้ก็ไม่มีธุระอะไรแล้ว”
“จริงสิ หลิน ถ้าเรากินข้าวในห้องแบบนี้ แล้วเสี่ยวหนงจะทำยังไงล่ะ? คุณรู้ไหมว่าเธอขี้น้อยใจนะ เธออาจจะคิดว่าเราตั้งใจหนีเธอและไม่อยากกินข้าวกับเธอก็ได้นะ”
เย่เชินหลินยิ้มพูดอย่างอ่อนโยน “ยัยบ๊องเอ้ย เธอยุ่งขนาดนี้แล้วจะมีเวลามากินข้าวกับเราที่ไหนกัน เธอแต่งตัวออกไปเดทตั้งแต่เช้าแล้ว”
“เด็กคนนี้นะ บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ารีบร้อน เฮ่อ ใจร้อนจริง ๆ เลย ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วล่ะ”
โม่เสี่ยวหนงได้ไปเจอเลี่ยวเหวยตงจริง ๆ เธอเป็นคนค่อนข้างใจร้อน แต่ไม่ได้ใจร้อนที่จะอะไรกับเลี่ยวเหวยตง ความจริงแล้วเธอตั้งใจจะใช้เขาเป็นประโยชน์ซะมากกว่า
ถ้าจะบอกว่าโม่เสี่ยวหนงเป็นรักแรกพบของเลี่ยวเหวยตงก็ไม่ผิด เพราะเธอที่เป็นน้องสาวแฟนเย่เชินหลินคนนี้ก็มีความสวยความพิเศษไม่น้อยกว่าผู้หญิงทั่วไป
และถ้าให้เขาเป็นคนจีบเธอก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไรเลย ตั้งแต่ที่เขาออกมาจากบ้านตระกูลเย่ เขาก็พยายามเข้าหาโม่เสี่ยวหนงอย่างกระตือรือร้นมาตลอด
ในเช้าวันนี้ เมื่อเลี่ยวเหวยตงเห็นโม่เสี่ยวหนงก็ดึงเธอเข้ามากอดและจูบ
เดิมทีโม่เสี่ยวหนงยังแสร้งทำเป็นปฏิเสธ แต่หลังจากนั้นเธอก็ยอมรับการจูบของเขา
เธอไม่ใช่ผู้หญิงบริสุทธิ์ตั้งแต่แรกแล้ว อดีตของเธอผ่านผู้ชายมามากกว่าหนึ่งคนแล้วด้วยซ้ำ และที่ผ่านมาเธอก็ไม่ได้มีเรื่องแบบนั้นมาสักพักแล้ว ความจริงร่างกายของเธอก็ต้องการสิ่งนั้นแต่เพียงแค่ยังไม่รู้ตัวเท่านั้น
ส่วนเลี่ยวเหวยตงก็ถือว่าผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วนเหมือนกัน ดังนั้นหลังจากได้สังเกตความชำนาญและทักษะการรับจูบของโม่เสี่ยวหนง เขาก็เดาได้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเธอ
ในใจของเขายังคงคิดว่าจะได้พบเจอกับผู้หญิงที่บริสุทธิ์ แต่เมื่อลองคิดดูแล้วมันเป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงหน้าตาดีและมีเสน่ห์อย่างโม่เสี่ยวหนงจะเป็นที่โปรดปรานของผู้ชายทุกคน
ต่อให้เธอไม่ได้เป็นน้องสาวของแฟนเย่เชินหลินเขาก็ยอมคบกับเธอเหมือนกัน แต่อาจจะแค่พบเพียงผ่านเท่านั้น
ซึ่งตัวของเลี่ยวเหวยตงรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้เหมาะสำหรับการคบแบบสนุกสนานเท่านั้น
เพราะโม่เสี่ยวหนงเองก็ไม่ได้เป็นคนที่ไร้เล่ห์เหลี่ยมเลย เลี่ยวเหวยตงจึงอยากถือโอกาสนี้ไว้ ในขณะที่เขาขยับมือไปจับที่หน้าอกเธอ เธอก็รีบปฏิเสธอย่างชัดเจน
“เหวยตง พี่สาวฉันยังไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเราไปเร็วขนาดนั้น ฉันคิดว่าควรเคารพความตั้งใจของพี่สาวก่อนดีกว่านะ”
เดิมทีเลี่ยวเหวยตงต้องการได้เธอให้เร็วที่สุด แต่เห็นเธอปฏิเสธแบบนี้ เขาก็ยากที่จะฝืนใจต่อ
“จริงเหมือนกัน เราต้องเคารพความตั้งใจของพี่สาว ผมจำได้ครั้งก่อนที่ทานข้าวด้วยกัน เธอยังกลัวผมจะไม่จริงใจกับคุณ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เธอยังคิดเหมือนเดิมหรือเปล่านะ” เลี่ยวเหวยตงพูด
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันพูดแทนคุณแล้ว เมื่อคืนพี่สาวและพี่เขยฉันก็บอกเหมือนกันว่าถ้าเราสองคนชอบกันจริง ๆ ตอนนี้อายุก็ไม่ได้น้อยแล้ว เราควรไปพบพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายและคุยเรื่องการแต่งงานได้แล้ว”
หลังจากที่โม่เสี่ยวหนงพูดจบ เธอก็แอบสังเกตปฏิกิริยาของเลี่ยวเหวยตง และเลี่ยวเหวยตงเองก็รอยคอยสิ่งนี้เหมือนกัน เขาจึงรีบตอบเห็นด้วยกับเธอ
“ใช่ ๆ ผมก็อยากไปขอคุณให้เร็วที่สุดเหมือนกัน”
“แต่ว่าฉันไม่ได้รีบร้อนอะไรขนาดนั้นหรอกนะ ฉันคิดว่าอยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานก่อนค่อยมาคิดเรื่องแต่งงาน” โม่เสี่ยวหนงพูดด้วยความเสแสร้ง
“เป็นผู้หญิงจะเอาหน้าที่การงานไปทำไม คุณแต่งกับผม เดี๋ยวผมจะดูแลคุณเอง คุณไม่จำเป็นต้องไปดิ้นรนหรอก” เลี่ยวเหวยตงพูดด้วยความจริงใจ เพราะแม่ของเขานั้นเป็นคนค่อนข้างหัวโบราณและเขาก็ได้มาจากแม่ด้วย
ในชนชั้นของพวกเขามักจะไม่ชอบให้ผู้หญิงเป็นคนต้องคอยกอดคอยแสดงในสังคม ในฐานะที่เป็นผู้ชายและหัวหน้าครอบครัว เขาจะทนดูสิ่งนี้ไม่ได้
แต่โม่เสี่ยวหนงไม่ชอบการอยู่บ้านเฉย ๆ ต่อให้เธอได้แต่งงานกับผู้ชายอย่างเย่เชินหลินก็ตามเธอคิดว่าคอยเป็นแม่บ้านให้เขามันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมากแล้วนับประสาอะไรกับผู้ชายอย่างเลี่ยวเหวยตงล่ะ
ซึ่งเป้าหมายตอนนี้ของเธอคือการได้ครอบครองเลี่ยวเหวยตง ดังนั้นเธอจึงพยายามทำตามความปรารถนาของเขาอย่างเต็มที่ จึงยิ้มตอบเบา ๆ “แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับฉันอยู่แล้วถ้าคุณจะเลี้ยงดูฉันและไม่โทษว่าฉันไม่ทำมาหากินเลย ฉันไม่คิดเลยว่าจะโชคดีขนาดนี้ที่ได้พบคุณ มันช่างเป็นความโชคดีของโม่เสี่ยวหนงคนนี้จริง ๆ”
แน่นอนว่าความอ่อนโยนเช่นนี้จะทำให้เลี่ยวเหวยตงรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก
เขาจึงกอดและจูบเธออีกครั้ง หลังจากนั้นสักพักเขาก็พูดอย่างจริงจัง “งั้นวันนี้ผมจะพาคุณไปพบพ่อแม่ของผมเลยนะ ผมเคยบอกพวกท่านแล้วว่ากำลังคบกับคุณอยู่ พวกท่านยังบอกว่าให้ผมรีบพาคุณกลับไปรู้จัก”
“คือ มันจะกะทันหันไปไหม ฉันยังไม่ได้เตรียมตัวเลย” หน้าโม่เสี่ยวหนงเริ่มแดง
“คุณจะเตรียมอะไรอีกล่ะ? ไปกับผมก็พอ”
“ก็ได้ งั้นเราไปทานมื้อเย็นที่บ้านคุณเลยนะ” โม่เสี่ยวหนงพูดอย่างเชื่อฟัง
เที่ยงวันนั้น เลี่ยวเหวยตงลงทุนพาโม่เสี่ยวหนงไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารตงเจียง
หลังจากที่เซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลินกินมื้อเที่ยงในห้องกันเสร็จ เย่เชินหลินก็ปล่อยให้เธอได้พักผ่อนต่อ ส่วนเขาก็ไปทำงานต่อในห้องสมุดของเขา เมื่อเซี่ยชีหรั่นกำลังจะล้มตัวลงนอนก็มีสายจากโม่เสี่ยวหนงโทรเข้ามา
“พี่ วันนี้เลี่ยวเหวยตงจะพาหนูไปที่บ้านเขาให้ได้ หนูไม่รู้จะปฏิเสธยังไงจึงรับปากเขาไปแล้ว พี่ว่าหนูต้องซื้อของฝากอะไรดี? ตอนนี้เงินหนูก็อาจจะไม่พอแล้วด้วย”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset