สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 810 สาวใช้ตัวแสบ 714

ตอนที่ 810 สาวใช้ตัวแสบ 714
“ที่พี่ยังพอมีอยู่ เธอส่งเลขบัญชีมาสิเดี๋ยวพี่โอนให้ ไปบ้านเขาครั้งแรกเธอต้องซื้อของฝากที่พิเศษหน่อยนะ ส่วนจะซื้ออะไรก็ลองปรึกษาเขาดู ไปบ้านเขาพูดจาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษล่ะ โดยเฉพาะตอนอยู่กับผู้อาวุโส ผู้ใหญ่เขาถือนะ เธอต้องพูดอะไรที่ฟังแล้วสบายหู เข้าใจไหม?”
เซี่ยชีหรั่นเตือนอย่างละเอียดลออ เหมือนจะตื่นเต้นกว่าครั้งแรกที่เธอเข้าบ้านเย่เชินหลิน
“หนูรู้แล้วค่ะพี่ หนูจะระมัดระวังให้ดีที่สุดและหนูจะสร้างความประทับใจให้กับคุณพ่อคุณแม่เขาแน่นอนนะ หนูรู้ว่ามันเป็นเรื่องสำคัญของชีวิตหนู ในเมื่อหนูชอบเขาแล้วหนูก็จะทำให้ดีที่สุดนะ พี่รู้ไหม? ตอนนี้หนูรู้สึกมีความสุขมาก ตั้งแต่เรื่องครั้งก่อนที่เจอ หนูคิดว่าชีวิตคงจบแล้ว แต่ทุกอย่างมันกลับกันและหนูไม่คิดเลยว่าคนอย่างโม่เสี่ยวหนงจะมีวันนี้ได้ หนูขอบคุณพี่นะ ถ้าไม่มีพี่หนูก็ไม่มีวันนี้หรอก” โม่เสี่ยวหนงพูดไปและเสียงของเธอก็เริ่มแหบแห้ง
ดวงตาของเซี่ยชีหรั่นเองก็เริ่มแดงขึ้น เมื่อนึกถึงประสบการณ์ครั้งก่อนของโม่เสี่ยวหนงแล้วเธอก็รู้สึกเจ็บปวดใจแทนน้อง
“พี่ หนูรักพี่นะ!” โม่เสี่ยวหนงพูดด้วยความซาบซึ้งและน้ำตาของเซี่ยชีหรั่นก็ร่วงหล่น
หลายปีที่ผ่านมาเธอตั้งใจดูแลโม่เสี่ยวหนงคนนี้โดยไม่ต้องการอะไรจากเธอและไม่เคยหวังว่าเธอจะพูดอะไรเช่นนี้เลย
คงโตพอที่พร้อมจะแต่งงานสร้างครอบครัวแล้ว เซี่ยชีหรั่นรู้สึกอบอุ่นใจ
“ยัยบื้อของพี่” เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจ
ฉันบื้อใช่ไหม? เซี่ยชีหรั่น เธอคิดว่าฉันซื่อบื้อใช่ไหมที่ยอมรับผู้ชายแบบนี้ที่เธอยัดเยียดให้ฉัน?
“พี่ เดี๋ยวพี่โอนเงินให้หนูหน่อยนะ แล้วหนูจะคืนให้พี่ทีหลัง รอแต่งงานก่อนจะได้เงินค่าสินสอดใช่ไหม? หนูค่อยเอาเงินสินสอดนั้นคืนพี่นะ”
“ของพี่ก็เป็นของเธอเหมือนกัน ยังจะคืนทำไมล่ะ โอเค งั้นเธอบอกเลขบัญชีให้พี่ตอนนี้เลยนะ เดี๋ยวพี่โอนให้”
โม่เสี่ยวหนงก็ไม่ได้เกรงใจอีก เธอจึงแจ้งเลขที่บัญชีให้เซี่ยชีหรั่นและเซี่ยชีหรั่นก็โอนเงินทั้งหมดที่มีให้กับเธอไป
หลังโอนเสร็จก็ได้รับข้อความจากโม่เสี่ยวหนง เธอกล่าวคำขอบคุณมาหลายต่อหลายคำ ถ้าเป็นเมื่อก่อนแล้วเธอไม่เคยทำแบบนี้เลย
เมื่อเซี่ยชีหรั่นเห็นคำขอบคุณจากเธอในโทรศัพท์ก็รู้สึกอยากคุยกับโม่เสี่ยวจุนขึ้นมา
ตั้งแต่ที่เธอออกจากบ้านของไห่ฉิงฉิงพวกเธอก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก
ทันทีที่โทรสายโม่เสี่ยวจุนติดเธอก็ได้ยินเสียงเขา
“ชีหรั่น”
ไม่รู้ด้วยสาเหตุใด น้ำตาของเซี่ยชีหรั่นก็รั่วไหลอีกครั้งเมื่อได้ยินโม่เสี่ยวจุนเรียกชื่อเธอ
“เป็นไรไปเหรอ? ร้องไห้ทำไม? มีเรื่องกับเขาอีกแล้วเหรอ?” โม่เสี่ยวจุนถามอย่างสงสัย
โม่เสี่ยวจุนรู้ว่าเซี่ยชีหรั่นนั้นกลับไปอยู่กับเย่เชินหลินเหมือนเดิมแล้ว เขาโกรธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้สำหรับทางเลือกของเซี่ยชีหรั่น
“เปล่าหรอกเสี่ยวจุน ฉันอยากบอกว่าเสี่ยวหนงน่าจะใกล้แต่งงานแล้ว คุณยังจำได้ไหม? เมื่อก่อนเสี่ยวหนงหัวดื้อแค่ไหน ฉันเคยบอกว่าสักวันเธอต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองได้แต่คุณไม่ยอมเชื่อ แต่วันนี้เธอจะไปบ้านสามีในอนาคตแล้วนะ เธอมาขอตัวฉันแล้วบอกว่าจะคืนฉันและขอบคุณฉันอย่างไม่หยุดเลย เธอเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ นะ วันที่ฉันเฝ้ารอมาถึงแล้ว”
โม่เสี่ยวจุนเงียบไปพักใหญ่ และความทรงจำในอดีตของเขาก็ค่อย ๆ รื้อฟื้นในจิตใจ
เมื่อก่อนเขาหาว่าเซี่ยชีหรั่นนั้นคอยปกป้องโม่เสี่ยวหนงมาตลอด แต่ความจริงลึก ๆ ในใจเขาก็รักโม่เสี่ยวหนงมาก เพราะถึงอย่างไรเธอก็ถือเป็นน้องสาวคนหนึ่งของเขา
เรื่องที่เขาแกล้งตายก็ผ่านมานานแล้ว และความเข้มงวดที่มีต่อโม่เสี่ยวหนงก็ค่อย ๆ เพลาลง
เขาเป็นคนที่เฝ้าดูโม่เสี่ยวหนงเติบโตมาตลอด ซึ่งเขาหวังว่าสักวันเธอจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้และสักวันเธอจะได้พบกับความสุขที่แท้จริง
“แฟนเธอคือใครเหรอ? เขาไว้ใจได้ไหม?” โม่เสี่ยวจุนถาม
เมื่อได้ยินเขาถามแบบนี้ เซี่ยชีหรั่นก็ยิ่งซาบซึ้งและน้ำตาไหลลงมาอย่างหยุดไม่อยู่อีกครั้ง
“ฉันรู้ว่าคุณก็เป็นห่วงเธอเหมือนกัน เขาไว้ใจได้ เป็นคนที่เย่เชินหลินแนะนำมาเอง เขาชื่อเลี่ยวเหวยตงเป็นลูกชายของท่านรองประธานกรรมการเลี่ยวซึ่งลี่ ฉันเองก็เคยสืบประวัติของเขาแล้วเหมือนกัน เขาเป็นคนดีนะ”
“ก็ดีเหมือนกัน ยังไงก็ให้เธอเป็นคนตัดสินใจเองนะ ถ้าจะยุ่งเรื่องคนอื่นก็ไม่ดีหรอก”
เซี่ยชีหรั่นเข้าใจความหมายของโม่เสี่ยวจุนดี เขาอยากเตือนเธอแต่กลัวเธอจะคิดมาก เขาจึงทำอะไรไม่ได้
“เสี่ยวจุน ฉันมีความสุขมากจริง ๆ นะ เชื่อฉันสิ ฉันรู้จักเขาก็เหมือนที่รู้จักคุณ เขาเป็นคนดีจริง ๆ คุณต้องไว้ใจเขานะ ได้ไหม?”
เย่เชินหลินเปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นเซี่ยชีหรั่นกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยน้ำตา
เขาจึงเดินเข้ามาหาเธอแล้วเช็ดน้ำตาให้เธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“งั้นแค่นี้ก่อนนะ ยังมีเวลาอีกเยอะ ค่อย ๆ ดูไป” โม่เสี่ยวจุนวางสายลง
“คุยกับโม่เสี่ยวจุนเหรอ?” เย่เชินหลินถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“อื้ม เสี่ยวหนงจะแต่งงานแล้ว ฉันเลยตั้งใจโทรไปบอกเขาหน่อย เขาก็เป็นห่วงเสี่ยวหนงเหมือนกัน ฉันหวังว่าเขาจะไว้ใจเสี่ยวหนงได้สักที”
“วันหลังคุยกับเขาแล้วอย่างร้องไห้นะ ผมจะเข้าใจผิดเอา” เย่เชินหลินนั่งลงและเช็ดน้ำตาให้เซี่ยชีหรั่นอีกครั้ง
“เข้าใจผิดเรื่องอะไรล่ะ เขาเป็นพี่ชายฉันนะ ฉันก็เคยบอกคุณแล้ว” เซี่ยชีหรั่นพูดเบา ๆ แต่น้ำเสียงของเย่เชินหลินไม่ได้เย็นชาและไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรเธอเลย ซึ่งเธอก็รู้ดี
“หลิน วันนี้ฉันรู้สึกเศร้ายังไงไม่รู้”
“เศร้าเพราะโม่เสี่ยวหนงจะแต่งงานล่ะสิ?”
“อื้ม เมื่อก่อนโลกของฉันมีเพียงฉัน เสี่ยวจุนและเสี่ยวหนงสามคน ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนเราไม่เคยโตเป็นผู้ใหญ่สักทีเลย ฉันยังคิดว่าเสี่ยวหนงจะเป็นคู่กัดฉันไปตลอด เสี่ยงจุนจะเป็นคนที่คอยเป็นห่วงฉันไปตลอด แต่เวลามันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน รู้ตัวอีกทีเราโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ทุกคนก็ต่างมีอนาคตของตน ตอนนี้เสี่ยวหนงกำลังจะแต่งงานแล้ว ในพวกเราสามคนเธอเป็นคนที่มีอายุน้อยที่สุดแต่เป็นคนแรกที่แต่งงานเลย”
เย่เชินหลินกอดเซี่ยชีหรั่นไว้แล้วลูบเธอเบา ๆ และถามเธอว่า “แล้วคุณอยากแต่งงานก่อนเสี่ยวหนงมั้ยล่ะ? ถ้าคุณอยาก เราก็แต่งกันก่อนเลย”
แต่งงานเหรอ? เธอก็คิดนะ เธอคิดตั้งแต่ตอนหมั้นกับเขาแล้ว เธออยากแต่งงานกับเขา อยากมีลูกให้เขาอยากถูกต้อง
แต่ช่วงที่ผ่านมาเธอพบว่าลูกของเขามีปัญหาบางอย่างและปัญหานี้ได้เข้ามายึดครองพื้นที่ชีวิตคู่ของเธอไปไม่น้อย
เธอจึงรู้สึกว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา อีกอย่างส้งหลิงหลิงก็ยังอยู่บ้านหลังนี้ เธอคงต้องรู้สึกอึดอัดมากกว่าที่จะแต่งงานในตอนนี้
เซี่ยชีหรั่นส่ายหัวแล้วพูดกับเขา “ถ้าเราแต่งงานตอนนี้และตั้งใจแต่งก่อนเธอแบบนี้ คนใจร้อนอย่างเสี่ยวหนงคงต้องเกลียดฉันไปตลอดชีวิตแน่ ฉันไม่รีบหรอกนะ ฉันอยากอยู่โสดอีกสักปีสองปี คุณไม่เคยได้ยินคำพูดคำนี้เหรอ? อย่าตัดต้นไม้ทั้งป่าทิ้งเพื่อต้นไม้ต้นเดียว”
“คุณกล้าเหรอ!” เย่เชินหลินกัดฟันพูดและเซี่ยชีหรั่นก็หัวเราะออกมา
“วันหลังห้ามพูดแบบนี้อีกนะ ไม่งั้นผมจัดการคุณแน่” เย่เชินหลินยังคงทำหน้าบูดบึ้ง และเซี่ยชีหรั่นในตอนนี้ยังคงอยู่ในสภาพที่ร่างกายเมื่อยล้าอยู่ เมื่อนึกถึงวิธีการจัดการของเขาแล้ว เธอก็รู้สึกกลัวมาก
“จ่ะ ไม่พูดแล้ว ฉันกลัวคุณแล้ว”
เขาชอบที่เธอทำตัวเป็นภรรยาตัวน้อยของเขา เขาจึงดึงเธอมากอดจูบจนกว่าจะพอใจแล้วค่อยปล่อยให้เธอได้พักผ่อนต่อ
เซี่ยชีหรั่นนอนต่ออีกสักพัก หลังจากตื่นขึ้นมาก็ขึ้นไปเล่นกับเจ้าตัวน้อยเย่เจิ้งเหิง
เย่เชินหลินกำลังยุ่งอยู่กับงานในห้องสมุด เธอจึงไม่ได้ชวนเขาขึ้นไปด้วย
แม้เธอจะไปคนเดียว ส้งหลิงหลิงก็ไม่ได้แสดงอาการไม่ชอบเธออย่างไร แต่ยังตั้งใจอุ้มลูกให้เธอหลังป้อนนมเสร็จด้วย
“ชีหรั่น เธอยังโทษฉันอยู่ไหม?” ส้งหลิงหลิงถาม
เซี่ยชีหรั่นได้แต่มองหน้าส้งหลิงหลิงอยู่เงียบ ๆ และไม่ได้ตอบอะไรเธอเลย
ส้งหลิงหลิงถอนหายใจแล้วพูดต่อ “ฉันรู้ว่าเธอยังโกรธฉันอยู่และฉันก็รู้ไม่ว่าฉันจะปรับตัวยังไงเธอกับเย่เชินหลินก็ไม่มีวันไว้ใจฉันอีก แต่ก็ช่างเถอะนะ พวกเธออยากคิดยังไงก็คิดไปเลย ตอนนี้ฉันแค่หวังว่าลูกของฉันจะได้อยู่อย่างสุขสบายและไร้โรคภัยไข้เจ็บก็พอแล้ว”
“ถ้าเธอคิดได้ขนาดนี้ก็เป็นบุญสำหรับเจ้าตัวเล็กแล้วล่ะ” เซี่ยชีหรั่นพูดเบา ๆ
ส้งหลิงหลิงไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้ เพราะเธอรู้ดีว่าจะใจร้อนอีกไม่ได้แล้ว ถ้าอยากได้ความเชื่อใจจากพวกเขาคืนมาอีกครั้งมันก็ต้องใช้เวลาพอสมควรเหมือนกัน
แต่เพื่อจะสำเร็จเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพื่อโม่เสี่ยวหนงจะได้นอนกับเย่เชินหลิน เธอจึงจำเป็นต้องพยายามให้มากกว่านี้ ต้องพยายามปรับทัศนคติของพวกเขาที่มีต่อเธอโดยเร็วที่สุด
เซี่ยชีหรั่นเล่นกับเด็กไปสักพัก เนื่องจากเย่เชินหลินไม่อยู่ด้วย เธอกับส้งหลิงหลิงอยู่ด้วยกันสองคนก็อาจจะมีความรู้สึกเกรง ๆ กันบ้าง
เธอจึงส่งเด็กกลับไปให้ส้งหลิงหลิง จากนั้นก็กลับไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเย็นให้กับเย่เชินหลิน
มื้อเย็นวันนี้โม่เสี่ยวหนงไปกินที่ตระกูลเลี่ยว และพ่อแม่ของเลี่ยวเหวยตงก็ชอบเธอมาก
แม้เธอจะไม่ใช่คนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีตั้งแต่เกิด แต่หลังจากได้อยู่กับเซี่ยชีหรั่นมานานหลายปี ท่าทีการเข้าหาคนของเซี่ยชีหรั่นนั้นเธอจำได้ดี ดังนั้นเธอจึงปฏิบัติตามแบบอย่างของเซี่ยชีหรั่นด้วยท่าทีที่อ่อนน้อมและเป็นที่รักของผู้คน จึงทำให้ตระกูลเลี่ยวรู้สึกพึงพอใจในตัวเธอมาก
แน่นอนว่าตระกูลเลี่ยวรู้สึกดีใจกับเลี่ยวเหวยตงมากที่ได้รู้จักกับน้องสาวของแฟนเย่เชินหลิน
เพราะผู้หญิงของเย่เชินหลินคนนั้นไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งคู่หมั้นของเขาเท่านั้น แต่เธอยังเป็นลูกสาวของเสนาธิการหลี่ด้วย
ถึงแม้โม่เสี่ยวหนงจะไม่ใช่น้องสาวแท้ ๆ ของเซี่ยชีหรั่นก็ตาม แต่ถึงอย่างไรพวกเธอสองคนก็โตมาด้วยกัน และแม่ของโม่เสี่ยวหนงเองที่เป็นคนเลี้ยงดูเซี่ยชีหรั่นจนเติบโต เรื่องนี้คนชนชั้นสูงทุกคนในเมืองตงเจียงต่างก็รู้กันดี
เซี่ยชีหรั่นอาจไม่ดีต่อน้องสาวแท้ ๆ ของตนได้ แต่เธอจะทำไม่ดีต่อลูกสาวแท้ ๆ ของแม่บุญธรรมไม่ได้ เพราะคนอื่นอาจจะหาว่าเธอเป็นลูกเนรคุณได้
จากมุมมองนี้ พ่อแม่ของตระกูลเลี่ยวก็หวังว่าคู่นี้จะได้แต่งงานกันโดยเร็วที่สุด เพราะหลายปีที่ผ่านมาชีวิตของเลี่ยวเหวยตงก็ยังไม่ได้มั่นคง ถ้าได้โอกาสจากเย่เชินหลินแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทางการเมืองหรือไปทางธุรกิจก็ตาม เขาก็จะมีอนาคตที่สดใสแน่นอน
……
ในช่วงนี้บริษัทฝู้ซื่อกรุ๊ปของเย่เชินหลินนั้นก็มีปัญหาเล็กน้อยเกิดขึ้นและยากที่จะเดาได้ว่าใครเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง
แม้จะไม่มีใครรู้ แต่ลึก ๆ ในใจของเย่เชินหลินรู้ดีว่าคือจงหวีฉวนเองที่กำลังใช้กลอุบายอยู่เบื้องหลัง
เวลาการเลือกตั้งใหม่ก็ใกล้เข้ามาแล้ว เขาจึงต้องการก่อความวุ่นวายให้กับพ่อลูกตระกูลเย่เพื่อจะได้มีโอกาสตีสนิทกับพวกเขาได้
ปัญหาของบริษัทฝู้ซื่อกรุ๊ปนั้นไม่ได้ใหญ่มากนัก เพราะต้องพิจารณาถึงการเงิน จงหวีฉวนจึงไม่กล้าแตะต้องบริษัทฝู้ซื่อกรุ๊ปอย่างเปิดเผย อีกอย่างกิจการของบริษัทฝู้ซื่อกรุ๊ปในเมืองตงเจียงนั้นใหญ่เกินไป
มีปัญหาชั่วคราวมากมายที่จำเป็นต้องให้เย่เชินหลินเป็นคนแนะนำแนวทางและแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง ดังนั้นเขาจึงยุ่งมากแม้จะเป็นวันหยุดก็ตาม

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset