สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 828 สาวใช้ตัวแสบ 732

ตอนที่ 828 สาวใช้ตัวแสบ 732
โม่เสี่ยวหนงพยักหน้าเข้าใจ แต่ในใจกลับคิดว่า ฉันเข้าใจแน่นอน เธอก็แค่ไม่อยากให้เย่เชินหลินมาสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของฉัน แค่อยากจะผลักฉันออกไปให้คนอื่นแค่นั้น อยากจะคอยตามเก็บกวาดทีหลังสิน่ะ
เธอคิดว่าฉันไม่เข้าใจความคิดเธอรึไง? ฉันจะทำให้เธอวุ่นวายไปทั่ว ปล่อยให้เธอเป่าหูเย่เชินหลิน ให้เขาหาครอบครัวที่ไม่ดีแบบนี้ให้ฉัน
“พี่ ฉันก็เข้าใจน่ะ แต่วันนี้ก็ไม่ใช่ความผิดฉัน ฉันระมัดระวังอย่างมากแล้วน่ะ อยู่ในบ้านนั้นแม้แต่ทำเสียงดังยังไม่กล้า ขนาดพูดก็ยังไม่กล้าพูดมั่วๆ เลย พวกเขาคงคิดว่าต้นกำเนิดฉันไม่ดี ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
“เด็กโง่ เธอไม่ต้องทำแบบนั้น แค่ทำตัวปกติก็พอแล้ว ไม่มีใครเลือกเกิดได้ ไม่ใช่รึไง?”
เซี่ยชีหรั่นเกลี้ยกล่อมอีกหน่อย แต่โม่เสี่ยวหนงยังคงพูดว่า : “ไม่รู้แหละฉันไม่สนใจ วันนี้เลี่ยวเหวยตงไล่ฉันออกมา ยังไงก็ฉันไม่กลับ ฉันจะอยู่กับพี่ที่นี่”
“อืม รีบกลับไปอาบน้ำที่ห้องเสีย เรื่องอื่นไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ ไม่ต้องรู้สึกไม่ดีแล้ว” เซี่ยชีหรั่นพูดอย่างอ่อนโยน โม่เสี่ยวหนงหยักหน้าอีกครั้งและลุกขึ้นเดินกลับห้องรับแขกที่เธอพักอยู่ไป
รอจนเธอไปแล้ว เซี่ยชีหรั่นจึงอาบน้ำก่อนแล้วค่อยไปหาเย่เชินหลินที่ห้องหนังสือ
เขากำลังดูคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจ ไม่รู้ว่ากำลังยุ่งอะไรอยู่ หลังจากเซี่ยชีหรั่นผลักประตูเข้าไปเห็นเขากำลังยุ่ง จึงหันหลังกลับออกมา
“เข้ามา ฉันไม่ได้ยุ่งอะไร” เย่เชินหลินกล่าว
เห็นอยู่ชัดๆว่าเขากำลังจ้องหน้าจอ คิดว่าเขาคงไม่เห็นว่าคนที่เขามาเป็นเธอ
เซี่ยชีหรั่นยิ้มและเดินเข้ามาอย่างช้าๆ เพียงไม่กี่ก้าวระหว่างการขยับของเธอหลังอาบน้ำเสร็จ กลับมีกลิ่นหอมชื่นใจลอยมาอย่างเป็นธรรมชาติ
เย่เชินหลินจ้องมองเธอ เธอแค่ใส่ชุดนอนกระโปรงสีม่วงอ่อนสีโปรดของเธอ
ชุดนอนกระโปรงของเธอไม่โป๊ ในสายตาเขาแล้วเป็นเซ็กซี่แบบเป็นธรรมชาติ
อากาศร้อน หลังจากเซี่ยชีหรั่นอาบน้ำเสร็จจึงไม่ได้เป่าผมให้แห้ง ผมเปียกเหล่านั้นถูกปล่อยตามธรรมชาติ ทำให้เขารู้สึกว่าผมเธอหนามาก และใบหน้าเล็กที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จแดงอย่างเป็นธรรมชาติ มองดูแล้วเหมือนกำลังอาย
เขามองแบบนี้ แน่นอนว่าเซี่ยชีหรั่นสังเกตความร้อนแรงในแววตาเขาแล้ว จึงพูดเบาๆ ว่า : “คุณมองอะไร อย่ามองแบบนั้น”
เย่เชินหลินยิ้มมุมปากและถามกลับว่า : “คิดว่าฉันกำลังดูอะไร?”
แววตาเจ้าเล่ห์ของเขามองไปที่ร่างกายของเธอวนไปวนมา มองจนในใจเธอสับสนวุ่นวาย
“หลิน ฉันอยากคุยกับคุณ” เธอพูดพลางเดินเข้าไปข้างตัวเขา
“เธอแน่ในน่ะ ว่าจะไม่ล็อกประตู?” เย่เชินหลินถามเธอ ปากของเขาแฝงรอยยิ้มที่ทำให้คนสับสน
เซี่ยชีหรั่นหน้าแดงกว่าเดิม คิดถึงครั้งที่ก่อนที่พวกเขาสองคนอยู่ในนี้…ส้งหลิงหลิงโวยวายเข้ามา เธอไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแบบนั้นอีก
“ไม่ต้อง ฉันมาคุยกับคุณน่ะ” เธอเงยหน้าขึ้นพูด
เย่เชินหลินลุกขึ้น เดินไปหาไม่กี่ก้าวก็ดึงเธอมากอดไว้ในอก จูบศีรษะเธอพลางพาเธอไปที่ประตูพลาง และกดล็อกประตู
“อู้อี้…ฉันมาคุยธุระ…”
เซี่ยชีหรั่นใช้แรงผลักเพื่อปฏิเสธ แต่กลับถูกเขากดไว้ที่ประตูจนขยับไปไหนไม่ได้
เธอยังคงต่อต้าน เขากลับเพิ่มแรงมากขึ้น จนเธอร้อนขึ้นเรื่อยๆ
“อืม …คนนิสัยไม่ดี…ปล่อยฉันก่อน…”
เขาหยุดการกระทำและพูดด้วยเสียงอู้อี้ : “ได้ เราคุยธุระกัน”
แล้วเขาก็ปล่อยเธอแบบนี้เลยรึไง?
ผู้ชายคนนี้แปลกจริง
เซี่ยชีหรั่นหน้าแดงมองไปที่เขา เย่เชินหลินขมวดคิ้วและถามเธอว่า : “หรือคิดว่าควรจัดการธุระก่อน แล้วค่อยคุยดีกว่าไหม?”
“คุณ! คนน่ารังเกียจ คุยธุระ!” เซี่ยชีหรั่นพูดอย่างโอ้อวด เย่เชินหลินหัวเราะเสียงดัง เธอไม่เข้าใจว่าผู้ชายคนนี้มีความสุขอะไร
เขาโน้มตัวลงอุ้มเธอไปวางไว้ที่โซฟา จากนั้นจึงเอนลงนั่งใกล้เธออยากเกียจคร้าน
“คุยอะไร เรื่องของโม่เสี่ยวหนงหรือเปล่า?” เย่เชินหลินถาม
“อืม”
“อยากให้ฉันถามเลี่ยวเหวยตงไหม?”
เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้า ถอนหายใจเล็กน้อยและพูดว่า : “เสี่ยวหนงเล่าเรื่องพอสังเขปแล้ว แต่ฉันรู้ว่าเด็กคนนี้บางครั้งพูดจาไม่น่าฟัง นี้เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขาสองคน ถ้าฉันยุ่งมากไป จะไม่ดีกับพวกเขา”
สีหน้าเย่เชินหลินเมินเฉยเล็กน้อย
“คุณคิดแบบนี้ คุณคิดแบบนี้ไม่ดีแน่ เธอจะเข้าใจว่าคุณเป็นพี่สาวที่ไม่สนใจเธอ”
เซี่ยชีหรั่นยิ้มกล้ำกลืน ทำไมเธอถึงจะไม่รู้ใจโม่เสี่ยวหนง
“เวลาผ่านไปนานเราจะรู้ใจคน ต้องมีสักวันที่เสี่ยวหนงจะเข้าใจ หลิน คุณต้องสัญญากับฉัน ไม่ว่าเสี่ยวหนงจะพูดอะไร คุณจะไม่รังแกให้ตระกูลเลี่ยวให้ลำบาก พวกเขาเองก็ไม่ง่าย”
“ได้” เย่เชินหลินตอบง่ายๆ หนึ่งคำ
“คุยจบรึยัง? ยังมีเรื่องอื่นอีกไหม?” เขาถาม
“พวกเราไปดูตูตูกันเถอะ จากนั้นค่อยกลับห้อง”
“ไม่รีบ ฉันว่าโซฟานี้ไม่เลว พวกเราลอง…” เย่เชินหลินพูดไม่ทันจบก็ทับเซี่ยชีหรั่นลงไป
ตอนนั้นเองโม่เสี่ยวหนงได้รับสายจากเลี่ยวเหวยตง เขาขอโทษเธอติดติดกัน
“เสี่ยวหนง ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เธอต้องฟังฉันอธิบายก่อน”
โม่เสี่ยวหนงไม่ยอมให้โอกาสเขา เขาเพิ่งพูดได้แค่ประโยคเดียวเธอก็ตัดสายไป
เดิมทีก็ไม่ได้สนใจเขา เขายังกล้าขึ้นเสียงดังใส่เธอ ถ้าเธอแค่ไม่พอใจสักหนึ่งอย่าง ก็จะไม่อยู่ด้วยกันกับเขา
เลี่ยวเหวยตงส่งคุณนางเลี่ยวไปโรงพยาบาลแล้ว บอกว่ามันเป็นความผิดปกติของระบบประสาท แค่โกรธขึ้นมาหน่อย ไม่มีปัญหาอะไร ไม่จำเป็นต้องพักที่โรงพยาบาล ตรวจเสร็จก็กลับบ้านได้เลย
โดนโม่เสี่ยวหนงตัดสาย เลี่ยวเหวยตงยังพยายามโทรไปอีกหลายครั้ง โม่เสี่ยวหนงปิดเครื่องไปแล้ว
เลี่ยวเหวยตงยิ่งเป็นแบบนี้ เธอยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงที่ภาคภูมิ ถ้าอยากจะมารับเธอกลับไปจริง ก็ต้องมีของขวัญมาขออภัยเธอ เธอจะลองดูท่าทีเขาก่อนจะตัดสินใจบอกลากับเขารึเปล่า
วันที่สอง เป็นวันพักผ่อน โม่เสี่ยวหนงเตรียมจะตามติดเซี่ยชีหรั่น ไม่มีทางให้โอกาสเธอกับเย่เชินหลินได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง
ขณะกินข้าวเช้า โม่เสี่ยวหนงเห็นเย่เชินหลินลงมาแล้ว เขาเดินทางถึงบริเวณที่สามารถได้ยินพวกเขาคุยกันได้ เธอจึงพูดกับเซี่ยชีหรั่นว่า : “พี่ ฉันรู้สึกอึดอัด เมื่อคืนนายเลี่ยวก็โทรหาฉัน แต่ฉันไม่สนใจเขา คิดถึงตอนที่เขาไล่ฉันออกมาอย่างกำเริบเสิบสานขนาดนั้น ฉันไม่อยากจะยอมรับเขาอีก แต่ถ้าไม่ยอมรับใจฉันก็ว่างเปล่า หรือว่าฉันจะชอบเขามากจริงๆ เข้าแล้ว?” โม่เสี่ยวหนงพูดหนึ่งประโยคถอนหายใจไปหลายครั้ง ใครๆก็ดูออกว่านี้คืออารมณ์คนอกหัก
“เสี่ยวหนง มีปัญหาอะไร ควรจะคุยกับเขาดีๆ หลีกเลี่ยงแบบนี้ก็ไม่ดี” กับเซี่ยชีหรั่นกล่อมเธอ
“ไม่คุย ถ้าฉันไปคุยกับเขา ฉันก็ไม่มีคุณค่าน่ะสิ”
พอดีกับที่พ่อบ้านรายงานต่อเย่เชินหลิน บอกว่าเลี่ยวเหวยตงอยู่ที่หน้าประตู จะให้เขาเข้ามาไหม
“ไม่ต้อง! พี่เขย! อย่าให้เขาเข้ามา ฉันไม่อยากเจอเขา” โม่เสี่ยวหนงพูด
“ให้เขาเข้ามาเถอะ ฉันอยากถามเขาเหมือนกันว่าเรื่องเป็นมายังไง” เซี่ยชีหรั่นพูดเสียงเบากับพ่อบ้าน
ไม่ว่ายัง เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว เธอก็ยังคงไม่สบายใจต่อโม่เสี่ยวหนงอยู่ดี ไม่อยากให้เธอโกรธเลี่ยวเหวยตง และแน่นอนว่าไม่หวังว่าตระกูลเลี่ยวและทำไม่ดีกับโม่เสี่ยวหนง
พ่อบ้านสั่งงานจบ โม่เสี่ยวหนงพูดอย่างหงุดหงิดว่า : “พี่ ให้เขาเข้ามาง่ายๆ ได้ไงที หลังพวกเขาก็จะรังแกฉันมากกว่านี้อีก นี้ยังไม่ขึ้นมาขี่คอฉันเลยรึไง?”
“ไม่มีทาง ฉันมองเขาไม่ใช่คนแบบนั้น เขาปฏิบัติกับเธอไม่เลว”
“ฮึ ไม่เลว ต่อให้ไม่เลวฉันก็สู้แม่เขาไม่ได้หรอก ชั่งเหอะ พี่อยากเจอ พี่ก็เจอ ยังไงก็ไม่ฉันใช่แน่ที่เจอเขา ฉันกลับห้องแล้ว”
“ห้ามไป เลี่ยวเหวยตงมาเช้าขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาจริงใจ อีกอย่างเธอยังกินข้าวเช้าไม่เสร็จ จะปล่อยหิวได้ยังไง?”
“ไม่กิน ไม่อยากกิน” โม่เสี่ยวหนงพูดอย่างเอาแต่ใจ พูดจบรีบกลับเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว
“หลิน คุณกินก่อน ฉันไปคุยกับเลี่ยวเหวยตงก่อน” เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้น เย่เชินหลินโอบเอวเธอและพูดว่า : “ฉันไปกับเธอด้วย”
ไม่นาน พ่อบ้านเชิญเลี่ยวเหวยตงมาที่ห้องรับแขกเล็ก
พอเห็นเย่เชินหลินกับเซี่ยชีหรั่นเลี่ยวเหวยตงรีบขอโทษทันที : “พี่สาว พี่เขย ขอโทษ ฉันทำให้เสี่ยวหนงลำบากแล้ว”
ท่าทีของเลี่ยวเหวยตงดูมีความรับผิดชอบ จุดนี้เซี่ยชีหรั่นมองว่าเขาดี
“เหวยตง ฉันรู้ว่าเสี่ยวหนงเอาแต่ใจ เธออาจจะมีบางจุดที่ไม่เข้าท่า ดังนั้นจึงมีเรื่องกระทบกระทั่งกันกับคุณและครอบครัวคุณ ฉันก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน”
ผู้หญิงที่เอาเย่เชินหลินอยู่นี่ก็ไม่ธรรมดาน่ะ เลี่ยวเหวยตงคิดในใจ ถ้าหากโม่เสี่ยวหนงมีนิสัยดีได้สักครึ่งหนึ่งของเซี่ยชีหรั่นคงดี ตอนนี้เขาก็คงไม่ต้องทำอะไร
“ไม่ ไม่แบบนั้นพี่สาว เพราะแม่ของฉันระแวงเธอไปก่อน ก็เพราะฉันไม่ได้ประสานงานด้านความสัมพันธ์ของพวกเขาให้ดี เพราะฉันไม่มีทั้งหมด”
เย่เชินหลินที่สีหน้านิ่งลึกไม่พูดไม่จากวาดตามองเขาและพูดต่อว่า : “รู้ว่าเป็นปัญหาของตัวเองก็ดีแล้ว เธอจะเอาแต่ใจก็ต้องดูด้วยว่านายทำอะไร ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะจัดการไม่ได้บนโลกนี้ นี้เป็นครั้งแรก อย่าฉันเห็นเธอหนีกลับมาเพราะเรื่องพวกนี้อีก”
“แน่นอน แน่นอน ฉันจะประสานงานให้ดี” เลี่ยวเหวยตงพูดอย่างเกรงกลัว
เซี่ยชีหรั่นเองก็ใช่ว่าจะไม่เห็นแก่ตัว เธอแทบจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับโม่เสี่ยวหนงสักประโยค ครอบครัวพวกเขาว่าเธอกินของอะไรเยอะไป เธอก็ไม่สบายใจ ดังนั้นเย่เชินหลินเตือนเขาไปแบบนี้แล้ว เธอก็ไม่มีอะไรขัดข้อง
“พี่สาว พี่เขย งั้นตอนนี้ฉันเจอกับเสี่ยวหนงได้รึยัง? ฉันอยากขอโทษเธอสักครั้ง ขอให้เธอยกโทษให้”
เย่เชินหลินขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก รู้ดีว่าเซี่ยชีหรั่นชอบท่าทีแบบนี้ของเขา แต่ในฐานะผู้ชายเขาไม่เห็นด้วย  

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset