สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 897 สาวใช้ตัวแสบ 801

ตอนที่ 897 สาวใช้ตัวแสบ 801
“ไปจัดการเลย เอาให้นางได้ออกข่าวในวันนี้เลยนะ”
หลังจากหลินต้าฮุยออกไป เย่เชินหลินเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง เขาคิดถึงครั้งแรกที่รู้จักส้งหลิงหลิง ตอนนั้นเธอดูเป็นคนไร้เดียงสามาก
ปฏิเสธไม่ได้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยรู้สึกดีกับเธอ เพราะช่วงนั้นเธอดีและเพียงพร้อมไปหมดทุกอย่าง
หลายปีที่ผ่านมา ถ้าเย่เชินหลินคิดจะฆ่าใครสักคนเขาจะไม่ทิ้งร่องรอยไว้แน่นอน แต่เขาคิดว่าชีวิตทุกคนมีค่าควรแก่การเคารพ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยคิดที่จะฆ่าใครไม่ว่าจะโกรธมากแค่ไหนก็ตาม
แต่สำหรับส้งหลิงหลิงที่ทำกับเซี่ยชีหรั่นแล้วมันมากเกินกว่าการให้อภัยจริงๆ
ทุกอย่างเป็นไปตามแผน นักข่าวทั้งหมดได้ทราบข่าวของส้งหลิงหลิงที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเย่
ข่าวของเธอถูกนำเสนอโดยสื่อหลักในวันนั้น ทุกคนต่างก็ว่ากันว่าการเกิดเป็นลูกคุณหนูก็ไม่สามารถรับประกันสถานะของเธอได้
เมื่อโม่เสี่ยวจุนและไห่ฉิงฉิงได้เห็นข่าวของส้งหลิงหลิงผ่านสื่อโซเชียลต่างก็พากันดีใจกับเซี่ยชีหรั่น ส่วนไห่ลี่หมินกับหลี่เหอไท้ก็เช่นเดียวกัน
ข่าวใหญ่นี้ทำให้ไห่ลี่หมินและหลี่เหอไท้ต่างก็เดาได้ว่าการที่ส้งหลิงหลิงถูกไล่ออกนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของเย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นที่ได้ประสบในครั้งนี้ มิฉะนั้นเย่เชินหลินคงไม่ตัดสินใจไล่เธอออกทั้งๆ ที่รู้ว่าลูกเขายังเป็นโรคหัวใจอยู่
สิ่งที่เย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นกังวลมากที่สุดก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ดี กลางวันเจ้าตัวน้อยเย่เจิ้งเหิงยังไม่ดื้อและยอมกินนมผงอยู่
แต่เมื่อถึงกลางคืนแล้วเขาก็ร้องไห้ไม่หยุดเพราะเขาไม่ได้อยู่กับแม่และไม่ได้กินนมแม่ตามปกติ
เย่เชินหลินกับเซี่ยชีหรั่นก็ดูแลลูกอยู่ในห้องนั้นโดยไม่ละสายตา และพวกเขาสองคนก็ใช้ทุกวิธีทางเพื่อปลอบลูกแต่ก็ไม่สำเร็จ
เจ้าตัวน้อยเย่เจิ้งเหิงร้องไห้หนักจนแทบหายใจไม่ออก เมื่อเซี่ยชีหรั่นเห็นแล้วก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก จากนั้นเธอขอกับเย่เชินหลิน“ช่างเถอะ เราให้ส้งหลิงหลิงกลับมาดีกว่า ลูกอยู่ไม่ได้หรอก ถ้าเป็นแบบนี้อาจจะมีอันตรายต่อลูกได้นะ!”
เย่เชินหลินสีหน้าเคร่งขรึมและสั่งพ่อบ้านว่า “ไปเรียกหมอมา ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ให้ยา!”
ยาที่แพทย์สั่งไว้ก็ได้ใช้เป็นประโยชน์ในวันนี้ สุดท้ายตัวน้อยเย่เจิ้งเหิงก็สงบลงและนอนหลับไปด้วยฤทธิ์ยา
“เอาล่ะ คุณไปพักผ่อนได้แล้ว ไม่มีอะไรแล้ว” เย่เชินหลินพูดกับเซี่ยชีหรั่น
“จะไม่เป็นไรได้ไงล่ะ? ลูกหลับด้วยฤทธิ์ยานะ ตอนนี้ลูกก็อ่อนแออยู่แล้วถ้าต้องใช้วิธีนี้กับลูกทุกวันจะไม่เป็นการทำร้ายลูกเหรอ? หลิน ฉันคิดว่าหลังจากที่ส้งหลิงหลิงถูกไล่ออกไปครั้งนี้เธอคงจะกลัวแล้วล่ะ ตอนนี้เธอน่าจะคิดได้และคงไม่กล้าทำผิดอีกแล้ว! เรา……”
“ไม่! ผมยังคงยืนยันคำเดิม จะอยู่รอดหรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเขา”
เย่เชินหลินพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาเข้าใจดีว่าส้งหลิงหลิงไม่ได้คิดจะทำร้ายเขา แต่เขาจะทนดูผู้หญิงที่เขารักต้องตกอยู่ในภาวะอันตรายอีกไม่ได้
เช้าวันรุ่งขึ้น เย่เฮ่าหรันและฝู้เฟิ่งหยีก็ได้มาที่บ้านของเย่เชินหลิน
ทั้งสองเพิ่งรู้ข่าวของเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยและเย่เชินหลินเมื่อคืนนี้ และเพิ่งรู้ว่าส้งหลิงหลิงถูกไล่ออกไปแล้ว
“เชินหลิน ที่คุณพ่อคุณแม่มาหาก็เพราะจะมาพาหลานไป วันหลังลูกก็ใช้ชีวิตของลูกไป อย่าให้เด็กต้องรบกวนชีวิตของพวกเธอต่อเลยนะ”
ตามหลักแล้วพวกเขาควรแต่งงานกันตั้งนานแล้ว แต่แน่นอนว่าเย่เฮ่าหรันและภรรยาต่างก็เข้าใจดีว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมแต่งงานกันสักที
สภาพร่างกายของเย่เจิ้งเหิงนั้นค่อนข้างแย่ เย่เชินหลินเองก็ได้เตรียมใจไว้สำหรับเรื่องเลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นกับเขาแล้ว แต่แน่นอนว่าเขาก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษาลูกชาย และเขากำลังคิดอยู่ว่าถ้าลูกไม่ไหวจริงๆ ก็จะส่งลูกไปโรงพยาบาลคืนนี้เลย
ไม่ว่ากรณีใดๆ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถรักษาลูกไว้ได้ แต่เขาก็จะไม่ทำให้เซี่ยชีหรั่นต้องผิดหวังอีก
“คุณพ่อคุณแม่ครับ ผมมีความลับเรื่องหนึ่งที่เก็บไว้มาตั้งนาน และผมคิดว่าผมไม่อยากเก็บมันไว้อีกต่อไป ผมหวังว่าหลังจากพวกท่านฟังแล้วจะรับมันได้นะครับ คือว่าตัวน้อยเย่เจิ้งเหิงมีโรคหัวใจมาตั้งแต่กำเนิด เพราะเหตุนี้ผมจึงต้องให้ส้งหลิงหลิงอยู่ที่นี่มาโดยตลอด”
เย่เฮ่าหรันและฝู้เฟิ่งหยีสบตากัน เขาต่างก็รู้สึกเจ็บปวดแทนหลานชายคนนี้มาก แต่ด้วยทั้งสองก็เป็นคนที่ผ่านร้อนผ่านฝนมามากมายและโชคดีที่เย่เชินหลินได้พูดเกริ่นไว้ก่อนหน้านี้แล้ว จึงทำให้สองคนไม่ได้ตื่นตระหนกกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่
เย่เชินหลินไม่ต้องการให้พ่อแม่ต้องโทษเซี่ยชีหรั่นในวันที่เกิดอะไรขึ้นกับเด็กจริงๆ ดังนั้นเขาจึงอธิบายสิ่งที่ส้งหลิงหลิงทำแล้ว
เมื่อเย่เฮ่าหรันได้ยินก็รู้สึกโกรธมาก เขาลุกขึ้นตบเตียงแล้วพูดด้วยความโมโห “ผู้หญิงแบบนี้ไม่เพียงแต่สมควรถูกไล่ออกหรอก เธอสมควรตายด้วยซ้ำ!”
“พอได้แล้ว รู้ว่าเธอไม่มีค่าพอคุณก็อย่าไปเสียสติเลย ร่างกายของคุณไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ อย่าใจร้อนเกินไป ตอนนี้เราควรมาปรึกษาปัญหาของหลานดีกว่า” ฝู้เฟิ่งหยีพยายามปลอบใจสามีอยู่ข้างๆ
“คุณพ่อคุณแม่ครับ ที่ผมตั้งใจเล่าเรื่องนี้ให้ฟังก็เพราะอยากให้พวกท่านได้เตรียมใจไว้ เพราะเด็กคนนี้อาจจะไม่ได้อยู่กับเราไปตลอด อีกอย่างผมอยากบอกว่าปัญหาเหล่านี้ผมจัดการเองได้ครับ พวกท่านก็อายุมากแล้ว คงไม่สะดวกไปโรงพยาบาลบ่อยๆ ผมมีหมอที่นี่ ให้ผมดูแลลูกจะสะดวกกว่านะครับ”
เมื่อเย่เชินหลินพูดแบบนี้แล้วเซี่ยชีหรั่นก็เห็นด้วยและบอกว่าเธอเต็มใจที่จะดูแลเด็กคนนี้พร้อมกับเย่เชินหลิน จึงทำให้พ่อแม่สองคนไม่พูดอะไรต่อ
“งั้นก็รีบรักษาหลานให้หายแล้วเอามาให้พ่อกับแม่ช่วยเลี้ยงนะ” เย่เฮ่าหรันพูดและเย่เชินหลินก็พยักหน้าตอบ
หลังจากส่งคนแก่ทั้งสองกลับไปแล้ว เซี่ยชีหรั่นก็ได้ดูแลเด็กพร้อมกับเย่เชินหลินต่อ
โดยปกติแล้วช่วงกลางวันตัวน้อยเย่เจิ้งเหิงจะไม่งอแงและยอมกินนมผง แต่วันนี้เขาอาจจะรู้ว่าแม่ของเขาไม่อยู่แล้วจึงร้องไห้งอแงไม่หยุด
“ส่งไปโรงพยาบาล!” เย่เชินหลินพูดกับพ่อบ้านและหมอประจำบ้าน
“หลิน ให้ฉันไปกับพวกเขานะ ตอนนี้อาการบาดเจ็บของคุณยังไม่หายดี คุณนอนพักที่บ้านแล้วถ้ามีอะไรฉันจะโทรหาคุณทันทีนะ”
“ผมไม่เป็นไร” เขาตอบกลับเธอ เพราะเขาต้องการรับผิดชอบลูกของเขาและจะไม่โยนภาระนี้ให้กับเซี่ยชีหรั่นคนเดียว
เซี่ยชีหรั่นไม่สามารถห้ามเขาได้ เธอทำได้เพียงให้พ่อบ้านจัดคนอีกสองสามคนเพื่อดูแลเย่เชินหลินเป็นพิเศษ
หลังจากเด็กไปถึงโรงพยาบาลแล้วอาการก็ไม่ได้ดีขึ้น จึงจำเป็นต้องให้ยานั้นอีกครั้ง
อาการยังคงต่อเนื่องไปสองสามวัน ตอนนี้เด็กผอมลงเรื่อยๆ และร่างกายก็ทรุดโทรมไปเรื่อยๆ หมอบอกว่าถ้าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปโรคหัวใจของเด็กอาจจะกำเริบหนักขึ้นจนกระทั่งอันตรายถึงชีวิตได้
เซี่ยชีหรั่นพยายามขอร้องเย่เชินหลินหลายครั้ง เธอขอร้องเขายอมให้ส้งหลิงหลิงกลับมาดูแลลูกเพื่อชีวิตของลูก แต่เขากลับเย็นชาและยังคงเฉยเมยอยู่ตลอดเวลา
ค่ำคืนนี้เซี่ยชีหรั่นรู้สึกอ่อนล้ามาก เธอเอนกายพิงอยู่ที่ข้างเตียงผู้ป่วยของเด็กจนนอนหลับไป
เย่เชินหลินให้คนอุ้มเธอไปนอนที่เตียง เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็เห็นเงาร่างสูงของเย่เชินหลินยืนอยู่หน้าเตียงผู้ป่วยเด็ก
เธอมองผ่านแสงสลัวในห้องนั้นแล้วเห็นเขากำลังจ้องมองใบหน้าเล็กๆ ของลูกชายด้วยสีหน้าอันอ่อนโยนและรักใคร่ของคนเป็นพ่อ และเธอได้เห็นความเจ็บปวดอันลึกซึ้งของเขาที่แสดงออกมาจากด้านใน
ที่จริงแล้ว เขาแกล้งทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าเธอเท่านั้น
เขายอมปล่อยให้อาการของลูกแย่ลงเรื่อยๆ ได้อย่างไร? และเขาจะยอมปล่อยให้ลูกของเขาจากไปแบบนี้ได้อย่างไร?
เซี่ยชีหรั่น เธอจะเห็นแก่ตัวอีกต่อไปไม่ได้แล้วนะ
พรุ่งนี้เธอต้องไปเรียกส้งหลิงหลิงกลับมาเอง ทำเพื่อเขา แม้จะมีอันตรายในอนาคตเธอก็จะไม่สนใจอีกต่อไป!
เช้าวันรุ่งขึ้นเซี่ยชีหรั่นตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลแล้วเห็นเด็กยังคงหลับอยู่ ซึ่งเขาต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และเธอไม่ได้เห็นเย่เชินหลินอยู่ในห้องด้วย
เธอจึงเดินออกจากห้องผู้ป่วยและได้เห็นเย่เชินหลินนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องผู้ป่วยด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อเธอเห็นสภาพเขาแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ
เธอรู้ดีว่าต่อให้จะพูดกับเขาอย่างไรเขาก็จะไม่เห็นด้วยกับการให้ส้งหลิงหลิงกลับมา
และเธอก็รู้ดีว่าเขาได้ตัดสินใจเพื่อเธอแล้ว ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ไม่ยอมให้ส้งหลิงหลิงกลับมาอีก
ผู้ชายคนนี้ทำไมซื่อจังเลย เซี่ยชีหรั่นรู้สึกแย่มาก
เธอค่อยๆ เดินเข้าไปหาเขาแล้วเอามือวางที่ไหล่เขา
“ตื่นแล้วเหรอ? คืนนี้ไม่ต้องนอนที่โรงพยาบาลแล้ว ไปอยู่กับแม่นะ” เย่เชินหลินพูดด้วยน้ำเสียงปกติ เขายื่นมือมาจับมือเธอไว้แล้วให้เธอนั่งลงข้างเขา สีหน้าของเขาตอนนี้กลับเป็นปกติแล้ว
“โอเค เมื่อกี้แม่เพิ่งส่งข้อความมาเหมือนกัน แกบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย เดี๋ยวฉันจะแวะเข้าไปหาแกนะ แล้วอีกเดี๋ยวหลินต้าฮุยจะเข้ามาใช่ไหม? งั้นฉันนั่งรถไปกับแกเลยนะ” เซี่ยชีหรั่นพูด
“อื้ม เขาน่าจะใกล้ถึงแล้วล่ะ” เย่เชินหลินตอบ
แม้เย่เชินหลินยังคงมีอาการบาดเจ็บอยู่และต้องมาวุ่นวายกับอาการเจ็บป่วยของเด็กที่ต้องเข้าโรงพยาบาล แต่เขาไม่เคยละเลยการงานหน้าที่ของเขา
เขาสั่งให้หลินต้าฮุยนำเอกสารสำคัญทั้งหมดที่ต้องจัดการมาที่โรงพยาบาลเพื่อเขาจะได้ทำงานที่นี่ในช่วงที่ลูกต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
“ฉันออกไปซื้ออาหารเช้าก่อนนะ” เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้น
“พ่อบ้านให้คนไปจัดการแล้ว คุณนั่งพักก่อนเถอะ”
“อื้ม” เซี่ยชีหรั่นตอบกลับแล้วขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ เย่เชินหลิน
บางทีเวลานี้สิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือการที่มีเธออยู่ข้างๆ เพราะผู้ชายอย่างเย่เชินหลินจะไม่มีวันแสดงอารมณ์ที่แท้จริงให้เห็นแต่กลับแสดงความเข้มแข็งทุกครั้งเมื่ออยู่หน้าเธอ
“หลิน วันนี้ตัวเล็กยังต้องฉีดยาอีกไหม?”
“คุณหมอบอกแล้วว่าไม่ต้องกังวล เขาจะดีขึ้น ลูกชายผมสามารถผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน” เย่เชินหลินพูดอย่างผ่อนคลายแต่หัวใจของเซี่ยชีหรั่นไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเลย
หลังจากนั้นไม่นานแม่บ้านก็ได้ซื้ออาหารเช้ากลับมา
และหลังจากที่เซี่ยชีหรั่นกับเย่เชินหลินทานอาหารเช้าเสร็จหลินต้าฮุยก็ได้มาถึง
“วันนี้เธอจะกลับบ้านแม่ นายช่วยส่งเธอกลับไปหน่อยนะ” เย่เชินหลินสั่งหลินต้าฮุย
“ครับ คุณเย่”
เดิมทีเซี่ยอี้ชิงเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเซี่ยชีหรั่น แต่ครั้งนี้เซี่ยชีหรั่นมาโรงพยาบาลกับเย่เชินหลิน เธอจึงให้เซี่ยอี้ชิงกลับไปก่อน เพราะในโรงพยาบาลไม่มีที่พักผ่อนเพียงพอ ดังนั้นวันนี้เซี่ยชีหรั่นจึงขอให้หลินต้าฮุยไปส่งเธอ และเย่เชินหลินก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ในความจริงแล้วที่เซี่ยชีหรั่นทำแบบนี้ก็เพราะเธอมีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง
หลังออกจากตึกผู้ป่วยของโรงพยาบาลแล้วเซี่ยชีหรั่นก็ถามหลินต้าฮุย “ต้าฮุย นายรู้เรื่องของส้งหลิงหลิงไหม? ช่วงนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?”
เย่เชินหลินเคยบอกกับหลินต้าฮุยแล้วว่า สำหรับเรื่องของส้งหลิงหลิงต้องเก็บเป็นความลับกับเซี่ยชีหรั่น ดังนั้นแน่นอนว่าหลินต้าฮุยจะไม่มีทางพูดความจริงกับเธอหรอก
“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ตอนนี้เธอกลับไปอยู่ที่บ้านตระกูลส้งแล้วครับคุณนายหญิง” หลินต้าฮุยพูดด้วยความเคารพ
“ท่านรองประธานส้งก็ถูกจับแล้วทรัพย์สินของตระกูลส้งยังอยู่เหรอ? พวกเขายังอาศัยอยู่ที่เดิมใช่ไหม?” เซี่ยชีหรั่นถามเขา ที่เธอตั้งใจให้หลินต้าฮุยมาส่งก็เพราะเธออยากได้ข้อมูลของส้งหลิงหลิง เพื่อเธอจะได้ไปหาส้งหลิงหลิงเป็นการส่วนตัว
หลินต้าฮุยได้แต่ส่ายหัวตอบ “ไม่อยู่ที่เดิมแล้วครับ ตอนนี้พวกเขาย้ายไปอยู่ที่ไกลแล้วครับ”
“แล้วเขาย้ายไปอยู่ไหนกัน นายพอจะรู้ไหม? ต้าฮุย นายช่วยส่งฉันไปหาส้งหลิงหลิงหน่อยได้ไหม?” เมื่อเห็นหลินต้าฮุยพูดจาคลุมเครือ เธอจึงถือโอกาสขอให้เขาช่วยเหลือ

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset