สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 944 สาวใช้ตัวแสบ848

ตอนที่ 944 สาวใช้ตัวแสบ848
“คุณนายเย่ ให้ฉันทำเถอะค่ะ คุณไปพักผ่อนเถอะ”สาวใช้พูดขึ้นด้วยความรักเจ้านาย รอยยิ้มของคุณนายเย่นั้นแฝงไว้ด้วยความโศกเศร้าเล็กน้อย เธอมองไปที่แววตาของคุณนายเย่ก็พอจะรู้แล้วว่าหล่อนนั้นไม่มีความสุข
“ไม่เป็นไร ใกล้จะเสร็จแล้ว เธอยกของพวกนี้ไปเสิร์ฟเถอะ เดี๋ยวฉันตามไป”เซี่ยชีหรั่นส่ายหัว ใกล้จะเสร็จแล้ว อีกทั้งก็แค่มีดบาดมือเอง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น
เมื่อฝู้เฟิ่งหยีเห็นบริเวณมือของเซี่ยชีหรั่นถูกพันด้วยผ้าก๊อซก็พูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงว่า:“เด็กน้อย ทำไมไม่ระวังเลย เป็นอะไรมากหรือเปล่า จะให้เรียกหมอมาดูหน่อยไหม”
“ไม่ต้องหรอกค่ะแม่ พ่อกันแม่ทานกันก่อนเลยนะคะเดี๋ยวฉันจะไปเรียกเชินหลิน”เมื่อคิดเรื่องที่เชินหลินนั้นไม่ได้นอนทั้งคืน เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวด
เย่เชินหลินถือเอกสารของบริษัทฝู้ซื่อกรุ๊ป ครุ่นคิดว่าจะจัดการกับฝ่ายตรงข้ามนั้นอย่างไร
ในเวลานี้ประตูก็ดังขึ้น ก๊อกก๊อก เย่เชินหลินพูดจริงด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและหนักแน่นว่า:“มีธุระก็เข้ามา”คำๆนี้นั้นมีความหมายแฝงว่า หากไม่มีธุระก็ไสหัวไป
เมื่อเซี่ยชีหรั่นเปิดประตูเข้ามาก็เห็นหนวดเคราที่รกรุงรังของเย่เชินหลิน ตาคู่นั้นก็มองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แม้แต่ไม่ได้สนใจด้วยว่าคนที่เข้ามานั้นเป็นเซี่ยชีหรั่น
“มีธุระไหม?หากไม่มีธุระก็อย่าเข้ามา”เย่เชินหลินนั้นรักเซี่ยชีหรั่นอย่างที่สุด เพราะว่าเป็นคนอื่นแล้วเขาก็คงจะไม่เกรงใจขนาดนี้
“หลิน คุณทำงานมาทั้งคืนแล้ว ลงไปทานอะไรข้างล่างหน่อยเถอะ”คำพูดที่เซี่ยชีหรั่นพูดออกไปแต่ละคำนั้น ล้วนระมัดระวัง การที่เย่เชินหลินทำร้ายตนเองเช่นนี้ ยิ่งทำให้เซี่ยชีหรั่นนั้นเจ็บปวด
เมื่อถึงเวลานี้เย่เชินหลินถึงได้สังเกตเห็นว่าคนที่เข้ามานั้นคือเซี่ยชีหรั่น เขามองเซี่ยชีหรั่นคู่หนึ่งและเห็นว่ามือของเธอนั้นได้รับบาดเจ็บ เมื่อเห็นว่าเธอนั้นไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว จึงก้มหน้าแล้วทำงานต่อ
“หลิน ฉันไม่ได้ทำร้ายเด็ก”หลังจากที่เซี่ยชีหรั่นพูดประโยคนี้เสร็จก็รู้สึกว่ามันไม่ยากเลยที่จะเอ่ยปาก
“ตอนนั้น พ่อบ้าน ฉัน พี่เลี้ยง และส้งหลิงหลิง เราทั้งสี่คนดูแลเด็กน้อยอยู่ที่ชั้นสอง คิดไม่ถึงเลยว่าพ่อบ้านจะมีธุระจึงได้ออกไปทำธุระก่อน หลังจากที่พี่เลี้ยงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เด็กน้อยเรียบร้อยแล้วก็ออกไป เหลือเพียงฉันกับส้งหลิงหลิงที่อยู่ชั้นสอง”เซี่ยชีหรั่นนึกถึงเหตุการณ์ที่ตอนนั้นส้งหลิงหลิงมีพฤติกรรมที่บ้าคลั่ง กระทั่งตอนนี้เธอก็ไม่อยากที่จะเชื่อ ว่าส้งหลิงหลิงจะทำร้ายเด็กจนถึงชีวิต เพื่อที่จะใส่ร้ายเธอ
“ส้งหลิงหลิงนั้นยืนอยู่ข้างหลังของฉัน ฉันเห็นเย่เจิ้งเหิงยิ้มอยู่ดีๆ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าใบหน้าของส้งหลิงหลิงนั้นดูดุร้ายเกินไปเด็กน้อยก็คงจะรับรู้ได้ถึงอันตราย จึงร้องไห้เสียงดัง”เซี่ยชีหรั่นนั้นจำได้ว่าตอนที่เธอนั้นหันหลังกลับไปก็ได้เห็นสายตาที่ดุร้ายของส้งหลิงหลิง
“ส้งหลิงหลิงยืนอยู่ข้างหลังของฉัน สายตานั้นแน่วแน่ ไม่เหมือนกับคนที่เสียสติ ต้องโทษฉันที่ตอนนั้นมัวแต่ด่าว่าส้งหลิงหลิง เย่เจิ้งเหิงนั้นร้องไห้ไม่หยุด ฉันจึงทำได้เพียงตะโกนเรียกพ่อบ้าน และเตรียมโทรศัพท์เพื่อพาเด็กน้อยไปส่งโรงพยาบาล แต่ส้งหลิงหลิงมาขัดขวางฉัน ไม่ให้ฉันโทร”ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่เสียสติทำไมถึงได้มีเรี่ยวแรงมากมายเช่นนี้ ตอนนี้เซี่ยชีหรั่นก็สู้แรงของหล่อนไม่ได้
เย่เชินหลินนั้นไม่ได้เงยหน้าขึ้น แม้แต่ชายตาก็ไม่เหลือบมอง เซี่ยชีหรั่นรู้ดีว่า เขานั้นกำลังฟังอยู่ เธอนั้นหวังเพียงว่าเย่เชินหลินจะสงบสติอารมณ์ฟังเธอพูดจนจบ ขอเพียงแค่เย่เชินหลินฟังเธอพูดจนจบ ก็จะเชื่อว่าเธอนั้นไม่ได้ทำร้ายเย่เจิ้งเหิงจนเสียชีวิต
เซี่ยชีหรั่นยังไม่ทันได้เริ่ม เสียงเคาะประตูจากข้างนอกก็ดังขึ้น
“ฉันคิดว่าพ่อกับแม่คงมาตามแล้วล่ะ พวกเราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ”เซี่ยชีหรั่นมองดูเย่เชินหลินอย่างทรมานใจ ทำไมตนถึงได้คิดแต่เรื่องของตนเอง จนลืมเรื่องนี้ไปเลย
“พ่อคะ แม่คะ ทำไมพวกท่านถึงได้ขึ้นมาได้ล่ะ ฉันกับเย่เชินหลินกำลังลงไปเลยค่ะ”ใบหน้าที่รู้สึกหดหู่ของเซี่ยชีหรั่นนั้นไม่อาจจะหลบสายตาของฝู้เฟิ่งหยีไปได้รวมไปถึงสายตาอันแหลมคมของเย่เฮ่าหรันด้วย
“ไปกันเถอะ ไปกินข้าวกันก่อน”เย่เฮ่าหรันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินออกไป
ฝู้เฟิ่งหยีเดินไปข้างๆของเย่เชินหลิน มองดูหนวดเคราที่รกรุงรังของเย่เชินหลิน และพูดขึ้นด้วยความรักว่า:“อายุเท่าไหร่ ทำไมถึงไม่ดูแลตัวเองให้ดี รีบไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วไปทานข้าวเช้า วันนี้ไม่ต้องไปบริษัทฝู้ซื่อกรุ๊ปแล้ว”
ในฐานะที่เป็นแม่ ฝู้เฟิ่งหยีกำชับขึ้นด้วยความเป็นห่วง เมื่อเซี่ยชีหรั่นก็อมยิ้ม รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความชื่นใจ
เย่เชินหลินนั้นไม่ได้รับปากว่าจะทำสิ่งที่ฝู้เฟิ่งหยีขอ เพียงแต่ว่าเขานั้นจูงมือของฝู้เฟิ่งหยีแล้วพูดว่า“แม่ แม่บอกว่าจะไปทานอาหารเช้ากันไม่ใช่เหรอ?ไปกันเถอะ”
ฝู้เฟิ่งหยีและเย่เชินหลินนั้นเดินออกไปข้างนอกห้องก่อน ส่วนเซี่ยชีหรั่นนั้นเมื่อเห็นเอกสารกองเป็นภูเขา น้ำตาก็ไหลโดยไร้เสียง เย่เชินหลิน คุณปลดปล่อยตัวเองเถอะ แล้วก็ปลดปล่อยคนอื่นด้วย
เย่เชินหลินดื่มนมร้อนหนึ่งแก้ว ส่วนอาหารอย่างอื่นนั้นไม่ได้แตะต้องแม้แต่คำเดียว จากนั้นก็เดินจากไป
“พ่อครับ แม่ครับ พวกท่านค่อยๆทานนะครับ ผมขอตัวไปจัดการเอกสารก่อน”
“หยุดอยู่ตรงนั้น แม้แต่คำพูดของแม่ก็ไม่เชื่อฟังแล้วเหรอ?”ฝู้เฟิ่งหยีลุกขึ้นยืน หล่อนพูดขึ้นด้วยอารมณ์โกรธและเป็นห่วง ในฐานะที่เป็นแม่ จะทนเห็นลูกของตนเองทำร้ายตนเองได้อย่างไรกัน
“วันนี้วันหยุด พาเซี่ยชีหรั่นไปเที่ยวเถอะ”ฝู้เฟิ่งหยีนั้นไม่ได้มองเย่เชินหลินเลยแม้แต่น้อย เขานั้นทำเพียงขยิบตาให้กับเซี่ยชีหรั่น
เย่เชินหลินมองไปที่เย่เฮ่าหรัน เย่เฮ่าหรันพยักหน้า สีหน้าไม่ถมึงทึงเหมือนเมื่อครู่
เมื่อเห็นว่าหากคัดค้านคงไม่มีประโยชน์อะไร เย่เชินหลินจึงพยักหน้ารับคำ จากนั้นก็พาร่างกายที่เหงาหงอยออกไปที่ประตู
“ชีหรั่น ดูแลเชินหลินดีๆล่ะ ”ฝู้เฟิ่งหยีจับมือของเซี่ยชีหรั่น จากนั้นกำชับให้ดูแลเขาดีๆ
เมื่อเซี่ยชีหรั่นเก็บของเรียบร้อยแล้ว เย่เชินหลินก็เตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกัน เขานั้นไม่ได้เอ่ยปากเรียกเซี่ยชีหรั่น แต่เดินไปที่โรงจอดรถด้วยใบหน้าที่เย็นชา
เมื่อคิดว่าการที่เด็กน้อยตายนั้นได้สะเทือนใจเย่เชินหลินเป็นอย่างมาก ทำให้เซี่ยชีหรั่นไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย รีบวิ่งไปข้างๆเย่เชินหลิน
คำพูดของเซี่ยชีหรั่น เย่เชินหลินนั้นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ภายในใจของเขานั้นไม่เชื่อว่าเซี่ยชีหรั่นไม่ใช่ฆาตกรอย่างแน่นอน เพียงแต่การจากไปของเด็กน้อยนั้น ทำให้เย่เชินหลินยังทำใจไม่ได้ก็เท่านั้น
“หลิน พวกเราไปวัดผิงอานกันเถอะ” เซี่ยชีหรั่นนั้นไม่รู้ว่าเย่เชินหลินจะไปหรือไม่ แต่เพื่อที่จะทำใจให้สงบ แม้ว่าจะเป็นความหวังแค่เพียงเล็กน้อย เธอก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เย่เชินหลินจะผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้
เย่เชินหลินไม่ได้ตอบกลับเซี่ยชีหรั่น เขาขมวดคิ้ว และท้ายที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา และทำหน้าที่เป็นคนขับรถเอง
ไม่นานนัก ก็มาถึงจัตุรัสประชาชนของเมืองตงเจียง ที่นี่ผู้คนคึกคัก มีผู้คนทุกรูปแบบ รถวิ่งกันอย่างขวักไขว่ไม่ขาดสาย คนจำนวนมากพาเด็กๆมาเล่นกันที่นี่ มาซื้อของ เย่เชินหลินพลางขับรถไปด้วย พลางมองเด็กเหล่านั้น ฉากดังกล่าวนั้นได้เข้าไปอยู่ในสายตาของเซี่ยชีหรั่น
หลังจากขับวนหนึ่งรอบก็มาถึงหน้าทางเข้าวัดผิงอาน ที่วัดผิงอานนี้มีผู้คนมากมายมาจุดธูปขอพร พนักงานที่อยู่ด้านหน้าประตูต้อนรับผู้คนขวักไขว่ไปมาไม่ขาดสาย สีหน้าที่เศร้าหมองของเซี่ยชีหรั่นก็ค่อยๆเผยรอยยิ้มที่สดใสออกมา แม้กระทั่งท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป
เซี่ยชีหรั่นเห็นว่าคนเยอะ กลัวว่าจะหลง จึงจับมือเย่เชินหลิน เดิมทีเธอนั้นค่อนข้างขี้อาย แต่ตอนนี้ก็ไม่สนใจเรื่องเหล่านั้นแล้ว สีหน้าของเธอนั้นแดงก่ำ ราวกับแอปเปิลที่สุกเต็มที่
สมัยก่อนก็เคยได้ยินมาว่าวัดผิงอานนั้นมีผู้คนมาจุดธูปขอพรเป็นจำนวนมาก แต่วันนี้ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มาวัดผิงอานนั้นไม่เก็บค่าผ่านประตู แต่สิ่งของที่ใช้ในการกราบไหว้ขอพรต้องออกค่าใช้จ่ายเอง
เซี่ยชีหรั่นนั้นเคยได้ยินมาว่า พระที่นี่นั้นศักดิ์สิทธิ์มาก เธอจึงได้ถามพนักงานที่ทำงานอยู่ที่นั่น แล้วจูงมือเย่เชินหลินเดินไป เย่เชินหลินก็ไม่ได้ดึงมือเธอออก คนที่มาเที่ยวชมนั้นเยอะมาก กลัวว่าจะหลงทางกับเซี่ยชีหรั่น
เดินอ้อมตามทางมาสักระยะ ก็มาถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่สงบเงียบ เป็นอารามที่มีผู้คนมาเยือนไม่น้อยเลย แม้ว่าผู้คนจะเยอะมาก แต่กลับไม่มีเสียงดังเลยแม้แต่น้อย
ไม่ว่าจะเป็นคนชรา เด็ก ผู้ชายหรือผู้หญิง ก็ต่างเข้าแถวกันอย่างสงบ เห็นเพียงศีรษะของผู้คนที่อยู่แถวหน้าสุดที่กำลังเคลื่อนไหว
เซี่ยชีหรั่นก็ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนนั้นด้วย
ท่ามกลางความสงบเงียบนี้ เป็นใครก็ไม่กล้าส่งเสียงดัง เซี่ยชีหรั่นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะถึงคิวของตนเองเร็วๆ
การรอคอยนั้นทรมานเสมอ เซี่ยชีหรั่นคิดทุกวิถีทางเพื่อที่จะพูดคุยกับเย่เชินหลิน แต่เย่เชินหลินนั้นก็ไม่พูดไม่จา ได้แต่ทำหน้านิ่งเหมือนเป็นอัมพาต
เมื่อเห็นว่าว่าเงาร่างนั้นยิ่งยาวขึ้นเรื่อยๆ คนที่อยู่ด้านหลังของเซี่ยชีหรั่นก็เริ่มแยกย้าย เซี่ยชีหรั่นนั้นไม่รู้ว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงได้พากันแยกย้าย แม้กระทั่งคนที่ต่อแถวอยู่ด้านหน้าของเธอก็เดินออกไป
เย่เชินหลินมองดูเวลา จากนั้นก็ขมวดคิ้ว แล้วเตรียมที่จะเดินออกไป
เซี่ยชีหรั่นดึงเย่เชินหลินไว้ไม่ยอมปล่อยมือ
เย่เชินหลินจึงจำต้องรอต่อไป
เซี่ยชีหรั่นมองดูเวลา ทำไมห้าโมงแล้วล่ะ เธอเหลือบมองคนที่อยู่ด้านหน้าที่กำลังเดินจากไป ส่วนคนที่อยู่หัวแถวก็เริ่มเตรียมทยอยเดินจากไปเช่นกัน
เจ้าอาวาสนั้นดูเหมือนว่าจะอายุหกสิบแล้ว
เซี่ยชีหรั่นดึงแขนของเย่เชินหลินแล้ววิ่งเข้าไป
“เจ้าอาวาสวันนี้พวกเรามาขอยันต์คุ้มครอง”
เจ้าอาวาสนั้นเงยหน้ามองเซี่ยชีหรั่น ใบหน้าที่ขาวสะอาดนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความเมตตากรุณา
“วันนี้พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่นะ” เจ้าอาวาสพูดขึ้นอย่างมีเมตตาและอ่อนโยน น้ำเสียงนั้นเหมือนผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก
“เจ้าอาวาส ต้องขอโทษด้วยนะคะที่พวกเรามาช้าไป เพียงแต่ว่าพวกเรานั้นอยากจะได้ยันต์คุ้มครอง เร็วๆ ยิ่งเร็วยิ่งดี”สีหน้าของเซี่ยชีหรั่นนั้นดูจริงจัง
“เจ้าอาวาส คุณช่วยหน่อยนะคะ”สองมือของเซี่ยชีหรั่นนั้นพนมมือ ขอร้องอย่างมีมารยาท
“ขอให้ใคร?”
“สามารถขอเยอะหน่อยได้ไหม ฉันต้องการขอให้พ่อกับแม่ของฉัน รวมถึงสามีของฉัน”เซี่ยชีหรั่นพูดเสียงเบาลงเรื่อยๆ เจ้าอาวาสนั้นได้ยินเสียงดังกล่าว เย่เชินหลินก็ได้ยินเช่นกัน ใบหน้าแข็งราวกับน้ำแข็งของเขาที่ผ่านมาหลายวัน ก็ค่อยๆคลายลง ความอบอุ่นนั้นเริ่มเข้ามาแทน
เจ้าอาวาสครุ่นคิดสองสามนาทีจากนั้นจึงพูดขึ้นว่า:“เห็นว่าคุณนั้นมีความกตัญญู วันนี้ฉันจะให้โอกาสคุณสักหนึ่งครั้ง”
“ขอเพิ่มอีกหนึ่งอย่างได้ไหม” เซี่ยชีหรั่นพูดขึ้นเบาๆ แต่บรรยากาศรอบตัวเธอนั้นเงียบสงบ ต่อให้เธอพูดเบาแค่ไหน เสียงที่ส่งออกไปก็ดังอยู่ดี
“เด็กน้อย อย่าโลภ”เจ้าอาวาสส่ายหัว นัยน์ตานั้นมีนัยยะ หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเจอคนเช่นนี้ เพียงแต่ว่าคนที่เจอนั้นส่วนใหญ่ล้วนขอให้กับตนเอง
“ฉันจะขอให้กับเขา”เซี่ยชีหรั่นเดินมาอยู่ข้างๆเจ้าอาวาส จากนั้นก็กระซิบ ครั้งนี้เย่เชินหลินนั้นไม่ได้ยินว่าเซี่ยชีหรั่นนั้นพูดอะไร เห็นเพียงสายตาที่แปลกใจของเจ้าอาวาส
เซี่ยชีหรั่นคุณมอบโอกาสของคุณให้กับผม?เย่เชินหลินนั้นนึกขึ้นได้ว่าจ้าวเหวินอิงนั้นป่วย ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง คุณจะขอให้กับใคร?เย่เชินหลินไม่รู้ตัวเลยว่าตนนั้นกำลังหึงหวงแม่ยายของตนอยู่ สีหน้าของเขาคล้ำลง และเมื่อนึกถึงลูกน้อยที่เพิ่งจากไป ใจของเขาก็ยิ่งสับสน
มือนั้นถือยันต์คุ้มครอง จากนั้นเซี่ยชีหรั่นก็ขอบคุณเจ้าอาวาสที่มีเมตตา มุมปากเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เจ้าอาวาสมองดูเงาของผู้หญิงที่ตนส่งมอบอำนาจให้ แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เซี่ยชีหรั่นเดินมาอยู่ข้างๆเย่เชินหลิน จากนั้นก็นำยันต์คุ้มครอง มาแขวนไว้ที่คอของเย่เชินหลิน แล้วถอยหลังก้าวหนึ่งเพราะรู้สึกว่ามันสะดุดตาเกินไป จากนั้นจึงนำยันต์คุ้มครองใส่ไว้ในเสื้อโดยการแปะติดกับผิวหนัง

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset