สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 947 สาวใช้ตัวแสบ851

ตอนที่ 947 สาวใช้ตัวแสบ851
ส้งหลิงหลิงเพิ่งจะเปิดประตูออก คนที่ปรากฏตัวต่อหน้าเธอไม่ใช่สาวใช้ที่เย็นชา แต่เป็นใบหน้านั้นของเย่เชินหลินที่ชอบทำให้เธอกลัว เมื่อเห็นเย่เชินหลินส้งหลิงหลิงก็บ้าคลั่ง ตามมาด้วยความกลัว เย่เชินหลินที่อยู่ในฝันกับเย่เชินหลินตัวจริงเริ่มซ้อนทับกัน ส้งหลิงหลิงร้องขึ้นเสียงดังจากนั้นก็คุกเข่าลง หลายสิบนาทีต่อมาส้งหลิงหลิงถึงได้รู้ตัวว่าเธอต้องแกล้งบ้า เธอจะลืมเรื่องนี้หลังจากที่เห็นเย่เชินหลินไม่ได้   
เขาคือความหายนะของเธอ ส้งหลิงหลิงเกือบจะวิ่งไปกอดเย่เชินหลินแล้ว แต่นัยน์ตาของเขาเย็นชามากๆ ทำให้ส้งหลิงหลิงกลัวจนต้องก้าวถอยหลัง หลังจากที่ลูกเสียไป นี้เป็นครั้งแรกที่เย่เชินหลินใช้สายตาแบบนี้มองมาที่เธอ
ส้งหลิงหลิงส่ายหัวพลางควบคุมความกลัวไว้ สายตาในฝันเมื่อตอนบ่ายปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เธอลืมตาไว้และจ้องเขม็งไปที่เย่เชินหลิน
“ในเมื่อคุณเป็นบ้าไปแล้ว ผมก็เลยพาหมอมาตรวจดู”เย่เชินหลินไม่สนว่าส้งหลิงหลิงจะฟังเข้าใจไหม คิดถึงคำพูดของคุณพ่อ เย่เชินหลินรู้ว่าตัวเองจะจมอยู่กับความเศร้าโศกเสียใจเรื่องของลูกตลอดไปไม่ได้ จงหวีฉวนจะต้องทำเรื่องไม่ดีกับพวกเขาแน่ ไม่มีใครรู้ว่าคนแบบจงหวีฉวนจะใช้ประโยชน์จากช่องว่างนี้ เขาไม่อาจปล่อยให้ส้งหลิงหลิงเป็นระเบิดได้  
ส้งหลิงหลิงฆ่าได้แม้แต่ลูกตัวเอง เย่เชินหลินแค่จะพิสูจน์ดูเท่านั้นว่าเธอบ้าจริงรึเปล่า ถึงจะตัดสินใจ
ภายใต้สถานการณ์ตอนนี้ส้งหลิงหลิงไม่มีที่ให้ไปแล้ว เย่เชินหลินปล่อยมือและไม่สนใจได้ แต่เมื่อคิดว่าทุกวันนี้ที่ผู้หญิงคนนี้เดินมาถึงจุดนี้ก็เพราะเขา อยากจะเพิกเฉย เขาก็ใจไม่แข็งพอเย่เชินหลินใจร้ายไม่พอ
ส้งหลิงหลิงไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเย่เชินหลินจะพาคนมาที่นี่จริงๆ ความกลัวที่เธอต้องทนทุกข์ทรมานในช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้งหมดก็ได้พรั่งพรูออกมา
“ไสหัวไป พวกแกไสหัวออกไป พี่ชาย พี่ให้พวกเขาไสหัวไปนะ ฉันไม่อยากเห็นพวกเขา”ส้งหลิงหลิงมองไปที่เย่เชินหลินด้วยสายตาที่น่าสงสาร เธอต้องการได้รับความเห็นใจของเย่เชินหลิน ส้งหลิงหลิงรู้มาโดยตลอดว่าเย่เชินหลินไม่ได้เย็นชาเหมือนเปลือกนอกแบบนั้น ถ้าเธอเป็นคนบ้า งั้นเขาก็จะปล่อยเธอไปแน่
เมื่อหมอเดินไปถึงส้งหลิงหลิงก็ถูกเธอทั้งต่อยและเตะใส่ ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นคนบ้า เมื่อเจอหมอต้องกลัวอยู่แล้ว
ถ้าหมอบอกว่าเธอมีปัญหาจริงๆ ถ้างั้นเธอก็ต้องอยู่ที่โรงพยาบาลตลอดชีวิตนะสิ เธอเชื่อว่าถ้าเธอมีปัญหาจริงๆ เย่เชินหลินต้องให้เธออยู่ที่นั่นแน่ ไม่นะ ส้งหลิงหลิงร้องตะโกนขึ้นเสียงดัง ครั้งนี้เสียงแหลมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ความกลัวบนใบหน้าเผยออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจ
“จับเธอไว้”เย่เชินหลินส่งสัญญาณให้คนอื่นช่วย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาใจอ่อน
คนหลายคนรวมแรงกันจับส้งหลิงหลิง หมอจับส้งหลิงหลิงฉีดยาระงับประสาทอย่างชำนาญ ส้งหลิงหลิงเบิกตาโพลงมองไปที่เย่เชินหลิน ขณะที่ยากำลังออกฤทธิ์ นัยน์ตาที่ไม่เต็มใจค่อยๆปิดลง
“คุณเย่ กรุณารอพวกเราสักครู่นะครับ” คุณหมอในเสื้อกาวน์สีขาวคือเทวทูตของมนุษย์ แต่สำหรับส้งหลิงหลิงในตอนนี้ก็คือปีศาจที่ชั่วร้าย
เมื่อเห็นส้งหลิงหลิงถูกพาลงไป ในที่สุดภายในใจของเย่เชินหลินก็ผ่อนคลายลงได้ เขาเริ่มคิดถึงเซี่ยชีหรั่นคิดถึงตอนที่เธออธิบายให้เขาฟังเพราะเห็นแก่ลูก เขาเชื่อเธอนะ การจากไปของลูกทำให้เขาสะเทือนใจมากเกินไป นั่นคือลูกของเขา และเป็นลูกคนแรกของเขา
“พวกคุณก็ออกไปเถอะ” เย่เชินหลินออกคำสั่งกับสาวใช้สองคนที่อยู่ข้างๆ เขาอยากอยู่เงียบๆ
“ค่ะคุณเย่”สาวใช้ทั้งสองคนบอกลาด้วยความเคารพ และแอบมองเขาหลายครั้งหลายคราว
เย่เชินหลินไม่ได้ออกจากชั้นสองไปทันที เขาเดินไปที่ข้างเปล ยื่นมือออกไปลูบค้ำเปลตรงนี้เป็นที่ๆเย่เจิ้งเหิงเคยนอนอยู่ เขาอยากจะสัมผัสที่อยู่ของลูกไว้สักหน่อย
ส้งหลิงหลิงถูกพาตัวลงมา และถูกเซี่ยชีหรั่นเห็นเข้าพอดี ส้งหลิงหลิงก็เห็นเซี่ยชีหรั่นเหมือนกัน เซี่ยชีหรั่นไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับส้งหลิงหลิงยังไง พอเห็นคุณหมอเหล่านั้นก็เข้าใจได้ทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับส้งหลิงหลิงเมื่อกี้เธอมองไปที่ส้งหลิงหลิง เซี่ยชีหรั่นก้าวเข้าไปบนชั้นสองด้วยความจับพลัดจับผลู เธอชอบเย่เจิ้งเหิงนะ ตอนที่ส้งหลิงหลิงๆอยู่ เวลาที่เธอได้ใกล้ชิดกับเย่เจิ้งเหิงมีไม่เยอะ
ส้งหลิงหลิงถูกพาตัวไป เธออยากจะลองแวะไปดู ในใจของเซี่ยชีหรั่นนั้นอวยพรให้เขาอยู่เงียบๆ เธอหวังว่าเย่เจิ้งเหิงอยู่ที่โลกอื่นจะมีความสุขมากขึ้น
“คุณนายเย่”สาวใช้ทั้งสองคนเห็นเซี่ยชีหรั่นจึงกล่าวทักทายอย่างเคารพและจากไป เธอก็พยักหน้ารับ สาวใช้สองคนนี้เป็นคนที่ดูแลส้งหลิงหลิงไม่ใช่เหรอ เซี่ยชีหรั่นเดินขึ้นไปชั้นสองอย่างไม่คิดอะไรมาก
เย่เชินหลินไม่ได้ปิดประตู ท่าทางหมกมุ่นของเขาถูกเซี่ยชีหรั่นมองเข้าไปในก้นบึ้งของหัวใจ จากการแสดงออกบนใบหน้าของเขา รวมถึงการเคลื่อนไหวของมือเขา เธอสัมผัสได้ถึงความรักที่เขามีต่อลูก ฝีเท้าของเซี่ยชีหรั่นหยุดลงเมื่อเธอเข้าประตูมาเธอถอยฝีเท้ากลับไป เพราะอยากจะให้เวลากับเขา ให้เขาได้ปลดปล่อยตัวเอง เวลาที่ผ่านมาเขาทำงานไม่หยุดตลอดเลย แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
เขาเย็นชาต่อหน้าคนอื่นเสมอ คุณชายเย่ผู้สูงส่ง ร่างเงาที่โดดเดี่ยวแบบนี้และสีหน้าที่เศร้าเวิ้งว้างมันเป็นครั้งแรกที่เซี่ยชีหรั่นได้เห็น
ในตอนที่คิ้วของเย่เชินหลินค่อยๆขมวด เธอถึงนึกขึ้นได้ว่าควรดูว่าอาหารเช้าเป็นยังไงบ้าง เวลานี้ต้องคุมให้เขากินข้าว ไม่ว่าคนจะยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งขนานไหน ร่างกายนั้นสำคัญ จะไม่กินข้าวได้ยังไง
เย่เชินหลินจมอยู่กับเรื่องของตนเองมากเกินไป ไม่ได้รู้ถึงการมาและจากไปของเซี่ยชีหรั่นเลย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นถึงได้เรียกเขาตื่นขึ้นมา เย่เชินหลินหยิบโทรศัพท์ออกมา เป็นเขา!
ไห่ลี่หมินเขาโทรมาหาผมเช้าขนานนี้มีเรื่องอะไร? จงหวีฉวนมีความเคลื่อนไหวแล้วเหรอ?
“โทรมาหาผมเช้าขนานนี้เพราะทางเฒ่าเจ้าเล่ห์จงหวีฉวนมีความเคลื่อนไหวเหรอ? “เย่เชินหลินเอ่ยถามหยั่งเชิง
“เชินหลิน ช่วงนี้ทางจงหวีฉวนไม่ได้มีความเคลื่อนไหวอะไร นี่ถึงเรียกว่าน่ากลัวที่สุด ผมได้ยินเรื่องของลูกคุณแล้วต้องขอโทษด้วย แต่ว่านะเชินหลิน คุณจะตกหลุ่มพรางเพราะเรื่องนี้ไม่ได้ ชีหรั่นเป็นคนยังไง พวกเราล้วนรู้อยู่แก่ใจ ส่วนส้งหลิงหลิงเป็นคนยังไง คุณกับผมก็รู้อยู่แก่ใจ” ไห่ลี่หมินคิดถึงเมื่อวานตอนที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองผ่านทางจงหยุนซาง เขาก็เดาได้ว่าเย่เชินหลินมีปมในใจ ชีวิตคนเรามีอุปสรรคที่ต้องฝ่าฟันไปด้วยตัวเอง และมีบางอุปสรรคที่ต้องการให้เพื่อนช่วยฝ่าฟันออกไป ตอนนี้สิ่งที่เขาไห่ลี่หมินทำได้ ก็คือเดินไปด้วยกันกับเย่เชินหลินในเวลาที่เขาต้องการ
“ตอนนี้กลัวที่สุดคือจงหวีฉวนจะใช้วิธีลอบกัดพวกเรา ผ่านไปหลายวันแล้วเขาไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร นี่มันผิดปกติเกินไป และนี้เป็นเรื่องที่น่ากังวลที่สุด เรื่องของลูกผมรู้ว่าไม่ใช่เธอทำ”มือของเย่เชินหลินยังวางอยู่บนเปล เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ใบหน้าของเขานั้นอ่อนโยนขนานไหน
“เชินหลิน บางทีการปล่อยวางก็คือการปลดปล่อยตัวเองนะ คุณไม่ปล่อยวาง ไม่ใช่คุณคนเดียวที่เจ็บ คนที่เจ็บไม่ใช่น้อยๆนะ” หลังจากที่ไห่ลี่หมินเงียบไปสักพักก็พูดขึ้น เขาไม่รู้ว่าเขากำลังเตือนใจเย่เชินหลินหรือว่าพูดให้ตัวเองฟังกันแน่ว่าต้องปล่อยวาง
“ผมเป็นใคร? นี่เย่เชินหลินนะ”
ทั้งสองคนหัวเราะด้วยกันระหว่างคุยสายโทรศัพท์
ตอนที่เย่เชินหลินกำลังคุยโทรศัพท์ เซี่ยชีหรั่นก็ได้รับสายของจ้าวเหวินอิงเช่นกัน
จ้าวเหวินอิงรู้เรื่องของเด็กแล้ว ฝู้เฟิ่งหยีเป็นคนบอกเธอ เธอเข้าใจว่าฝู้เฟิ่งหยีต้องการให้เธอมาปลอบใจเซี่ยชีหรั่น ตอนที่เพิ่งได้รับข้อความจากฝู้เฟิ่งหยีในใจเป็นกังวลมากและเธอเป็นห่วงเซี่ยชีหรั่น ตอนที่เด็กจากไปเซี่ยชีหรั่นอยู่ข้างๆ เธอไม่สามารถยื้อการจากไปของเย่เจิ้งเหิงได้ เวลานั้นจะเป็นความทรงจำอันเจ็บปวดที่เซี่ยชีหรั่นมีต่อเด็กคนนี้ไปตลอดชีวิต
จ้าวเหวินอิงรู้ว่าการที่เซี่ยชีหรั่นหยุดยั้งส้งหลิงหลิงไม่ให้ฆ่าลูกไว้ไม่ได้ เธอจิตใจดีขนานนั้น จะต้องโทษตัวเองแน่ๆ
เมื่อเธอได้รับสายแล้วก็อยากจะโทรหาเซี่ยชีหรั่นทันที เป็นห่วงจนกระวนกระวายใจ หลี่หมิงจุ้นโอบเอวของเธอเอาไว้พลางมองเธอด้วยความจริงใจ และใช้นำเสียงที่คุ้นเคยบอกกับเธอว่า”อีกสองวันค่อยโทรไป เซี่ยชีหรั่นเจอคลื่นก่อนหน้ายังไม่ทันได้สงบลงก็มีคลื่นใหม่ซัดมาอีก ก่อนหน้านี้ก็ถูกส้งหลิงหลิงโจมตี ต่อมาก็ถูกใส่ร้าย ผ่อนคลายไปได้ไม่กี่วัน ก็มีเรื่องของลูกมาอีก ให้เธอได้อยู่เงียบๆก่อนเถอะ” หลี่หมิงจุ้นคิดถึงผู้หญิงอ่อนโยนคนนั้น นี้ถือว่าเป็นปีที่เรื่องเยอะที่สุดของเธอรึเปล่า
ผ่านไปหนึ่งวันจ้าวเหวินอิงทนรอที่จะโทรหาไม่ไหวแล้ว ในฐานะแม่คนหนึ่ง เธอแค่อยากจะให้ลูกของตัวเองมีความสุข โดยเฉพาะในใจของเธอมีเรื่องติดค้างเซี่ยชีหรั่นไว้มากมายมาโดยตลอด
เมื่อเซี่ยชีหรั่นรับโทรศัพท์ก็เดินออกไปที่สวนดอกไม้ ที่นั่นเงียบสงบ
เธอกลัวว่าเธอจะร้องไห้ออกมาต่อหน้าแม่ของตัวเอง  
“แม่ต้องดูแลตัวเองนะคะ”เซี่ยชีหรั่นพูดอย่างละอายใจ เมื่อคิดถึงแม่ตัวเอง เมฆดำบนสีหน้าค่อยๆสลายไป เซี่ยชีหรั่นไม่อยากให้จ้าวเหวินอิงเป็นห่วงเธอ ในฐานะที่เป็นลูก ก็คาดหวังแค่ว่าให้แม่มีความสุข
“ชีหรั่น ลูกต่างหากที่ต้องดูแลตัวเองดีๆ เรื่องเด็กลูกไม่ต้องโทษตัวเอง เรื่องบางเรื่องเราก็ไม่สามารถหยุดยั้งไว้ได้” จ้าวเหวินอิงพยายามทำให้คำพูดของตัวเองเรียบง่าย ไม่เหมือนเรื่องใหญ่โตอะไร ราวกับกำลังพูดเรื่องทางบ้านทั่วไป
“หนูรู้ค่ะแม่ แม่ต้องดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะ”เธอพูดอย่างซาบซึ้ง ในใจผุดสายตาแห่งรอยยิ้มของจ้าวเหวินอิงขึ้นมา เซี่ยชีหรั่นพูดมาถึงแค่ตรงนี้ ห่างออกไปไม่ไกลสาวใช้ก็มาเรียกเธอไปทานข้าว  
“ไปเถอะชีหรั่น จำไว้นะว่าอย่าโทษตัวเอง” จ้าวเหวินอิงได้ยินเสียงสาวใช้จึงวางสายไป หลังจากวางสายไม่นาน ต้าเฟิ่งก็วิ่งมาตรงหน้าเธอให้เธอไปทานข้าว มือขาวๆของจ้าวเหวินอิงยื่นออกไปลูบหัวของต้าเฟิ่งอย่างอ่อนโยน
“คุณนายเย่ คุณเย่เรียกคุณไปทานข้าวค่ะ”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าพลางยิ้มน้อยๆ มองไปยังสวนดอกไม้ที่คุ้นเคยอย่างอาลัยอาวรณ์ ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ดอกไม้ใกล้จะบานแล้ว ฤดูหนาวของเธอเมื่อไหร่จะผ่านพ้นไป ฤดูใบไม้ผลิของเธอเมื่อไหร่จะมาถึง
บนโต๊ะอาหารไม่มีร่างของเย่เชินหลินอยู่ นัยน์ตาของเซี่ยชีหรั่นเต็มไปด้วยความผิดหวัง เช้าขนานนี้เขาไปทำงานแล้วเหรอ?
“ชีหรั่นมาๆกินข้าว “ฝู้เฟิ่งหยีไม่ได้มองข้ามความผิดหวังในดวงตาของเซี่ยชีหรั่น เธอยืนขึ้นมาทักทายเซี่ยชีหรั่นแล้วนั่งลง จิ่วจิ่วกับเหยนชิงเหยียนก็ทักทายเธอและนั่งลงเช่นกัน
“แม่ค่ะ แม่นั่งค่ะไม่ต้องลุกขึ้นมา สวัสดีค่ะคุณพ่อ จิ่วจิ่ว เสี่ยวห้าน”เซี่ยชีหรั่นรีบวิ่งเข้าไปประคองให้ฝู้เฟิ่งหยีนั่งลงพลางเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม เย่เฮ่าหรันพยักหน้าและแสดงท่าทางให้เซี่ยชีหรั่นนั่งลง
“ชีหรั่นกินข้าวเร็ว กินเสร็จแล้วเราไปซื้อของกัน” ฝู้เฟิ่งหยีเห็นเย่เชินหลินทำงานทั้งคืน ไฟในห้องของเซี่ยชีหรั่นก็สว่างทั้งคืน เด็กสองคนนี้กำลังทรมานตัวเองอยู่ ในเมื่อเธอเป็นห่วงเย่เชินหลินแล้วจะไม่ห่วงเซี่ยชีหรั่นได้ยังไง
“อื้ม”เซี่ยชีหรั่นตอบกลับอย่างเชื่อฟัง ความอลังการของอาหารบนโต๊ะดึงดูดความอยากอาหารของเธอไม่ได้เลย
อาหารที่ปกติชอบ ตอนนี้มองดูก็รู้สึกว่าอาหารมันไม่มีรสชาติ
ฝู้เฟิ่งหยีมองอยู่ตรงหน้า ในใจรู้สึกเป็นกังวล เธอมองไปยังเย่เฮ่าหรันหวังว่าเย่เฮ่าหรันจะพูดอะไรสักหน่อย
“ชีหรั่นลูกต้องกินเยอะๆนะ เย่เชินหลินต้องการให้ลูกดูแล” เย่เฮ่าหรันรู้ว่าคนที่เซี่ยชีหรั่นเป็นห่วงที่สุดก็คือลูกชายของเขา เรื่องที่เกี่ยวกับเชินหลิน เธอไม่มีทางไม่คิด
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า เธอพยายามกินอยู่หลายคำ แต่ว่าก็ยังคงไม่อยากกินอยู่ดี

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset