สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 956 สาวใช้ตัวแสบ 860

ตอนที่ 956 สาวใช้ตัวแสบ 860
วันนี้การแต่งตัวของเย่เชินหลินค่อนข้างเป็นทางการ เขาใส่เสื้อสูทแฮนด์เมดระดับไฮเอนด์สีดำ เย่เชินหลินในความฝันของเซี่ยชีหรั่นเริ่มซ้อนทับกับเขาในตอนนี้ เซี่ยชีหรั่นเหม่อมองเย่เชินหลินอยู่แม้แต่หมอทักทายเธอก็ยังไม่ทันสังเกต ภาพนี้ได้ตกอยู่ในสายตาของเย่เชินหลินอย่างชัดเจน เซี่ยชีหรั่นดูแปลกไปคำนี้ได้ดังก้องอยู่ในความคิดของเขา
“ชีหรั่นคุณเป็นอะไรไป?” เย่เชินหลินเดินก้าวใหญ่เข้ามาหาเซี่ยชีหรั่นแล้วดึงเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน เขาพยายามใช้ความอบอุ่นของร่างกายขับไล่ความกังวลในใจเธอออกไป
การเคลื่อนไหวและความอบอุ่นอย่างกะทันหันได้ดึงสติของเซี่ยชีหรั่นกลับมาทันที
“เชินหลิน ส้งหลิงหลิงน่าสงสารมากพอแล้ว เราส่งเธอไปรับการรักษาดีไหม?” เซี่ยชีหรั่นเงยหน้าขึ้นมองไปที่เย่เชินหลินแล้วพูดด้วยความจริงใจ เธอจับแขนที่แข็งแกร่งของเขาไว้แล้วดึงแขนเสื้อด้วยสีหน้าอันน้อยใจ
“คุณไม่กลัวหรือว่าถ้าเธอหายดีแล้วจะกลับมาทำร้ายคุณอีก?” เย่เชินหลินพูดตามสิ่งที่คิด คนพูดไม่มีเจตนาแต่คนฟังแล้วต้องคิดตาม เซี่ยชีหรั่นนึกถึงความฝันเสมือนจริงที่น่ากลัวนั้น เชินหลินคุณจะถูกแย่งไปไหม? พี่หยุนซาง พี่จะแย่งเชินหลินไปไหม? เซี่ยชีหรั่นรู้สึกกลัวมาก เธอคิดว่าถ้าขาดเย่เชินหลินไป เซี่ยชีหรั่นคนนี้ก็จะไม่ใช่เซี่ยชีหรั่นคนเดิมอีกต่อไป แต่เธอไม่สามารถโหดร้ายถึงขั้นเฉยเมยต่อความเจ็บป่วยของส้งหลิงหลิงแบบนี้ไปตลอด
เซี่ยชีหรั่นเงียบไปหลายนาที เธอพยายามต่อสู้กับความคิดอันแสนยากลำบากของเธอ ทางเลือกนี้อาจทำให้เธอต้องกลับไปดูหนังม้วนเดิมอีกรอบ แต่ต่อให้ยากแค่ไหนเธอก็จะเลือก
“เชินหลิน ฉันกลัว” เสียงของเซี่ยชีหรั่นกลัวจนสั่นคลอน แม้แต่เสียงพูดของเธอก็เปลี่ยนไป เธอมองไปที่เย่เชินหลินอย่างตั้งใจด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง “เชินหลิน คุณจะต้องไม่ถูกพวกเธอแย่งไปนะ ได้ไหม!” เธอมองเย่เชินหลินเหมือนสัตว์เลี้ยงที่น่าสงสารตัวหนึ่ง เธอต้องการคำมั่นสัญญาจากเขา! เย่เชินหลินยิ้มและพยักหน้าตอบเธอ เซี่ยชีหรั่นพิงอยู่กลางอกของเย่เชินหลินฟังจังหวะการเต้นของหัวใจที่ทรงพลังของเขา ความจริง ณ เวลานี้ทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาก
“แต่ว่าฉันไม่สามารถทนดูส้งหลิงหลิงเป็นแบบนี้ต่อไปได้ แม้เธอจะทำไม่ดีกับฉันมาตลอดก็ตาม แต่เธอก็แค่รักคุณมาก หากไม่ใช่เพราะรักคุณขนาดนี้เธอคงไม่เอาเด็กมาใส่ร้ายฉันหรอก” เซี่ยชีหรั่นเงยหน้าขึ้นมองเย่เชินหลิน เธอใส่ใจกับคำพูดของเธออย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงเด็ก สายตาของเธอจ้องมองไปที่ดวงตาของเย่เชินหลินโดยไม่กระพริบตา เธอไม่รู้ว่าสถานะของตัวเล็กเย่เจิ้งเหิงจะเป็นอย่างไรในใจของเย่เชินหลิน แต่เธอแค่ต้องการให้เย่เชินหลินมีความสุข
เย่เชินหลินพยายามซ่อนความรู้สึก แต่ความเจ็บปวดที่แสดงออกชั่วครู่ในส่วนลึกนั้นไม่สามารถซ่อนจากสายตาของเซี่ยชีหรั่นไปได้ เขากระแอมเบาๆ แตะจมูกเซี่ยชีหรั่นแล้วพูดว่า “คุณนะคุณ ดีขนาดนี้แล้วจะให้ผมถูกใครแย่งไปได้อีกล่ะ”
“เชินหลิน หมายความว่าคุณยอมให้ส่งส้งหลิงหลิงไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตแล้วใช่ไหม?” ดวงตาแวววาวของเซี่ยชีหรั่นจ้องเข้าไปในหัวใจของเย่เชินหลิน ดวงตาหมึกดำของเย่เชินหลินค่อยๆ หนาขึ้น มันทำให้รู้สึกคาดเดาไม่ได้จริงๆ
“ใช่ มีคนจิตใจดีเหมือนคุณแบบนี้คนเลวในโลกนี้คงต้องปรบมือให้คุณทุกคนแล้วล่ะ” เย่เชินหลินพยักหน้าและส่งสัญญาณให้กับหมอที่ยืนเป็นหลอดไฟอยู่ข้างๆ นั้นออกไป เขาไม่สามารถโหดร้ายขนาดนั้นได้ เขาไม่สามารถยืนดูอย่างเฉยเมยเมื่อรู้ว่าส้งหลิงหลิงอาการแย่ลง แม้เซี่ยชีหรั่นไม่ขอร้องต่อเขา แต่เขาก็ได้วางแผนที่จะย้ายส้งหลิงหลิงไปรักษาโรงพยาบาลจิตที่ดีที่สุดในประเทศไว้แล้ว ไม่ใช่แค่นั้น เย่เชินหลินยังเตรียมติดต่อผู้เชี่ยวชาญที่ดีที่สุดจากต่างประเทศด้วยซ้ำ
“เชินหลิน คุณใจดีจัง” เซี่ยชีหรั่นเห็นว่าในห้องนั้นมีเพียงเขาสองคน เธอจึงอดไม่ได้ที่จะจูบริมฝีปากบางๆ ของเย่เชินหลิน หน้าของเธอแดงทันทีที่สัมผัสกับปากของเขา เหมือนเด็กที่เพิ่งถูกจับผิดอย่างไรอย่างนั้น
เย่เชินหลินยกคิ้วขึ้นและมองหน้าเซี่ยชีหรั่นด้วยสายตาอันเร้าร้อนที่รุนแรงขึ้น
“เชินหลิน ให้ต้าฮุยช่วยติดต่อโรงพยาบาลสิ” เซี่ยชีหรั่นไม่กล้ามองไปที่ดวงตาของเย่เชินหลินโดยตรง เธอพยายามเปลี่ยนเรื่องอย่างชาญฉลาด แม้จะไม่หนีไม่พ้นแต่ก็ดีกว่าไม่ได้พยายาม เมื่อเซี่ยชีหรั่นนึกถึงศึกสงครามของเมื่อคืนขาเธอก็เริ่มอ่อนแรงลง
เย่เชินหลินมองเซี่ยชีหรั่นอย่างไม่คลาดสายตาแม้จะเป็นความรู้สึกเล็กๆ น้อย ๆ ที่แสดงออกบนใบหน้าของเธอก็ตาม เขารู้ว่าเซี่ยชีหรั่นเหนื่อยล้าจากศึกของเมื่อคืน ดูเหมือนว่าเขาต้องระงับอารมณ์ของตัวเองไว้ก่อน
เสียงกริ่งประตูจากหลินต้าฮุยดังขึ้น เขารู้ว่าคุณเย่กำลังตามหาเขาอยู่ เพราะวันนี้คุณเย่จะปรึกษากับหมอที่ดูแลส้งหลิงหลิงในห้องทำงานของเขา แต่ทำไมต้องตามเขามาในตอนนี้ด้วย?
หลังจากเปิดประตูเข้าไป หลินต้าฮุยไม่เห็นเทวดาชุดขาว เขาเห็นเพียงคุณเย่ที่นั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ ตรงหน้าคือคุณนายหญิงที่โน้มตัวไปหาเขาด้วยสองมือขาวเนียนที่ทาบไหล่เขาไว้
หลินต้าฮุยเข้าใจสถานการณ์ดี แต่เขาไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมาให้เห็น ได้แต่ถามอย่างจริงจัง “คุณเย่ตามหาผมใช่ไหมครับ?”
“ต้าฮุย นายช่วยไปหาโรงพยาบาลจิตเวชที่ดีที่สุดในตงเจียงให้หน่อยสิ ตอนนี้อาการของส้งหลิงหลิงแย่ลงเรื่อยๆ ผมอยากจะรักษาเธอให้หาย ถ้าในเมืองตงเจียงไม่มี นายช่วยหาโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในประเทศให้หน่อยนะ” เย่เชินหลินหยุดชั่วครู่แล้วพูดต่อ “ถ้ายังรักษาไม่หายจริงๆ ก็ส่งเธอไปรักษาที่ต่างประเทศเลย”
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ส้งหลิงหลิงเคยเป็นผู้หญิงของเขาและเคยมีลูกให้เขาด้วย
“รับทราบครับคุณเย่” หลินต้าฮุยพยักหน้าด้วยความเคารพแล้วเดินออกไป เขาให้ความเป็นส่วนตัวกับคู่รักคู่นี้ เขาคิดว่าคุณเซี่ยกับคุณเย่ได้คุยกันเรียบร้อยแล้วสำหรับการตัดสินใจครั้งนี้ ในโลกปัจจุบันคนส่วนมากจะมีแต่วัตถุนิยม คนดีอย่างคุณเย่กับคุณเซี่ยนั้นหายากจริงๆ ในสมัยนี้
“เชินหลิน วันนี้วันอาทิตย์ คุณก็ไม่ต้องไปทำงานด้วย งั้นเราไปเยี่ยมส้งหลิงหลิงกันดีไหม เธอก็ใกล้ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว วันหลังคงยากที่จะเจอคนใกล้ตัวคนนี้แล้วนะ” ถ้าคนอื่นพูดแบบนี้เย่เชินหลินคงต้องหาความหายนะให้กับเขาอย่างแน่นอน แต่สำหรับเซี่ยชีหรั่นแล้วเธอแตกต่างออกไป ผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างใสซื่อ แม้ส้งหลิงหลิงเคยทำร้ายเธอมากแค่ไหน แต่เธอก็ยังหวังให้ส้งหลิงหลิงได้รับการรักษาจนหายป่วย และจงหวีฉวนที่กำลังหลอกใช้เธอ แต่เธอก็ยอมให้เขาเข้าบ้าน เมื่อนึกถึงจงหวีฉวนคนนี้แล้ว เย่เชินหลินหรี่ตาและคิดจัดการเขาให้เร็วที่สุด
โม่เสี่ยวจุนบอกว่าช่วงนี้อาซานหายไปอีกแล้ว ซึ่งไม่มีเบาะแสของเขาเลย
เย่เชินหลินมองไปที่เซี่ยชีหรั่นแล้วคิดในใจ ถ้าวันหนึ่งผมจับผิดจงหวีฉวนได้ คุณจะขอร้องแทนเขาไหมชีหรั่น?
เย่เชินหลินรู้สึกหนักใจเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ตอนนี้ทำได้เพียงเซฟตัวเองไว้เพื่อให้จงหวีฉวนไม่มีโอกาสสร้างปัญหาให้ตระกูลเย่ได้ง่ายๆ ถ้าเขายังไม่ล้ำเส้น เขาก็จะไม่ทำอะไรเขาเพื่อเห็นแก่เซี่ยชีหรั่น
“เชินหลิน ถ้าต้าฮุยไปติดต่อโรงพยาบาล งั้นเราให้อี้ชิงไปส่งเราดีไหม?” เซี่ยชีหรั่นสังเกตว่าเย่เชินหลินเงียบไปอย่างกะทันหัน เธอจึงมองหน้าเขาด้วยความสงสัย เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย ทำไมตอนนี้เหมือนเมฆครึ้มอย่างกะทันหันในสภาพอากาศที่แดดจ้า แต่โชคดีที่ฝนไม่ได้กระหน่ำลงมา
เย่เชินหลินกอดเอวบางๆ ของเซี่ยชีหรั่น “ไปกันเถอะ”
เซี่ยอี้ชิงขับไปเรื่อยๆ ตามที่อยู่ที่เย่เชินหลินให้ไว้ เซี่ยชีหรั่นพิงไหล่เย่เชินหลินไว้และไม่ได้รู้สึกว่ารถแล่นไปเร็วมาก เธอยิ่งหวังให้รถจะขับช้าๆ ตั้งแต่เมื่อวาน เมื่อไหร่ที่เซี่ยชีหรั่นคิดถึงพฤติกรรมที่กล้าหาญของตัวเองเธอก็จะหน้าแดงทันที แต่มันก็แปลกดี เพราะตอนนี้เธอไม่ได้รู้สึกเขินอายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
บรรยากาศที่เงียบสงบในรถทำให้เซี่ยชีหรั่นรู้สึกผ่อนคลาย แต่เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ทำให้ขัดจังหวะบรรยากาศที่เงียบสงบนั้น “จิ่วจิ่ว เป็นไงบ้าง เธอกับคุณเย่จื่อห้านของเธอไปถึงไหนกันแล้ว” เซี่ยชีหรั่นถามอย่างร่าเริง ช่วงที่ผ่านมาจิ่วจิ่วหายหน้าหายตา สงสัยต้องพัวพันกับเหยนชิงเหยียนติดแน่นเป็นกาวตราช้างแน่นอน
“ชีหรั่น เราตัดสินใจว่าจะไปปีนภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในตงเจียงกัน ฉันจำได้ว่ามีวัดเยว่เหล่าอยู่บนภูเขานั้น” เสียงพูดของจิ่วจิ่วเบาลงเรื่อยๆ เซี่ยชีหรั่นเดาว่าเหยนชิงเหยียนต้องอยู่ใกล้ๆ อย่างแน่นอน ไม่คิดเลยว่ายัยบื้อคนนี้จะเขินเป็นเหมือนกัน
“ไปสิ ไปสิ” เซี่ยชีหรั่นเห็นด้วย “ต้องไปไหว้เทพเยว่เหล่า ด้วยนะ งานแต่งของเธอกับคุณเย่จื่อห้านก็ดูวันกันได้เลย ตอนนี้อนาคตของพวกเธอก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเธอเองแล้วล่ะ”
“ชีหรั่น เธอชวนเจ้าชายที่บ้านไปกับเราด้วยกันสิ” จิ่วจิ่วพูดด้วยความเขินอายและเหลือบมองไปที่เหยนชิงเหยียนที่อยู่ข้างๆ เธอ เหยนชิงเหยียนยิ้มตอบ ความปรนเปรอบนใบหน้าทำให้จิ่วจิ่วหน้าแดงยิ่งขึ้น ชีวิตของทั้งสองไม่ได้เป็นลูกเศรษฐีมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่สามารถเสพสุขในชีวิตของคนรวยได้ แม้ตอนนี้เหยนชิงเหยียนกลายเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลเย่แล้ว แต่เขายังคงรักษานิสัยเดิมของเขาไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งสองปรึกษากันและได้ตัดสินใจไปปีนภูเขาที่สูงที่สุดเพื่อจะได้ออกกำลังกายไปด้วยชื่นชมทิวทัศน์อันไกลโพ้นไปด้วยและยังได้ผ่อนคลายไปด้วยอีก แล้วจะรออะไรอีก
“ตอนนี้เรายังมีธุระอยู่” เมื่อได้ยินคำชักชวนของจิ่วจิ่วแล้ว เซี่ยชีหรั่นก็รู้สึกสนใจมาก แต่ที่เธอสนใจที่สุดคือเธอจะได้มีโอกาสไปไหว้เทพเยว่เหล่า  ขอแค่เป็นกิจกรรมที่สามารถให้พรกับการแต่งงานของเธอกับเย่เชินหลิน เซี่ยชีหรั่นยินยอมที่จะเข้าร่วมเสมอ
“ยังมีอะไรที่น่าสนใจกว่านี้อีกเหรอ?” จิ่วจิ่วถามด้วยเสียงดัง
เซี่ยชีหรั่นมองไปที่เย่เชินหลินแล้วเงียบไปสักพักถึงจะพูดต่อ “เราต้องไปเยี่ยมส้งหลิงหลิง เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคป่วยทางจิต ตอนนี้อาการเธอหนักขึ้นเรื่อยๆ เราจึงต้องส่งเธอไปรักษาที่โรงพยาบาล ถ้าส่งไปโรงพยาบาลแล้วก็คงไม่ค่อยได้เจอ เราจึงคิดว่าจะเข้าไปเยี่ยมเธอก่อน”
“เธอจะใจดีไปถึงไหน นางทำกับเธอขนาดนี้แล้ว เธอยังตอบแทนนางแบบนี้อีกเหรอ สงสัยคนดีอย่างเธอคงมีอยู่คนเดียวในโลกแล้วล่ะ ส้งหลิงหลิงควรต้องดีใจนะที่เจอเธอแต่ไม่ใช่ฉัน ถ้าเป็นฉันล่ะก็คงไม่ปล่อยไว้แบบนี้แน่ ไม่มีทางจะพาไปรักษาหรอก”
จิ่วจิ่วพูดอย่างไม่พอใจ เธอไม่เคยลืมสิ่งที่ส้งหลิงหลิงทำกับเซี่ยชีหรั่นในบ้านตระกูลเย่ตั้งแต่ต้นจนจบ ชีหรั่นคนซื่อเอ๋ย แม้เป็นแผลที่หายแล้วแต่เธอจะลืมความเจ็บปวดนั้นไม่ได้นะ
“จิ่วจิ่ว ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ฉันมีเชินหลินอยู่เคียงข้าง ไม่มีอะไรดีกว่านี้อีกแล้ว ส้งหลิงหลิงก็น่าสงสารเหมือนกัน เธอแค่ตกหลุมรักเชินหลินจริงๆ ไม่ใช่ความผิดของเธอเสมอไปหรอก” ดวงตาเซี่ยชีหรั่นได้ฉายภาพในอดีตขึ้นอีกครั้ง เธอไม่ได้เกลียดส้งหลิงหลิง แต่รู้สึกสงสารเธอมากกว่า
“เอาเถอะ ฉันยอมใจเธอแล้วจริงๆ ยังไงเธอก็ควรระวังตัวไว้ด้วย อย่าถูกหลอกขายไปแล้วยังไม่รู้ตัวอีกล่ะ ส้งหลิงหลิงไม่ปล่อยเจ้าชายเย่ไปง่ายๆ หรอก” จิ่วจิ่วไม่เคยเชื่อว่าส้งหลิงหลิงจะมีวันกลับใจ คนอย่างเธอมันยากที่จะปล่อยวาง ก็เหมือนห้ามเด็กติดเกมคนหนึ่งไปเล่นเกมอีก
ไม่ใช่ว่าเซี่ยชีหรั่นไม่เคยพิจารณาถึงปัญหานี้ เพียงแค่เธอไม่สามารถทนดูส้งหลิงหลิงที่เจ็บป่วยทางจิตอย่างเฉยเมยได้
“โอเค ฉันรู้แล้ว เธอไม่ต้องห่วงนะ” เซี่ยชีหรั่นคิดว่าเธอคุ้มค่าที่สุดแล้วที่มีเพื่อนอย่างจิ่วจิ่วคนนี้
“งั้นฉันวางแล้วนะ กลับไปค่อยเล่าเรื่องที่น่าสนใจให้ฟังก็แล้วกัน” จิ่วจิ่วที่กำลังจะปีนเขาทำได้เพียงกดวางสายอย่างไม่เต็มใจ
“บาย” หลังจากที่เซี่ยชีหรั่นวางสายเธอก็หันไปมองผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอคนนี้ ณ ตอนนี้หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความสุข แต่หารู้ไม่ หลังจากนี้อีกไม่นาน จงหวีฉวนในฐานะพ่อของเธอคนนี้จะเป็นคนพรากความสุขจากเธอไปเอง

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset