สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 957 สาวใช้ตัวแสบ 861

ตอนที่ 957 สาวใช้ตัวแสบ 861
“ชีหรั่น คุณคิดอย่างไรกับประธานจง” เย่เชินหลินถามเซี่ยชีหรั่นในขณะที่เธอวางโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋าหรูสีขาวใบเล็กที่อยู่ข้างเธอ เขาถามลอยๆ และดูเหมือนเป็นแค่คำถามธรรมดาๆ
“ประธานจงมีจุดบกพร่องหลายอย่างเหมือนกัน แต่ถึงอย่างไรฉันก็เป็นสายเดือดเดียวกันกับเขา” เซี่ยชีหรั่นครุ่นคิดสักพักแล้วค่อยพูด เธอเข้าใจว่าเย่เชินหลินมีความขัดแย้งกับพ่อของเธอ แต่เมื่อเซี่ยชีหรั่นนึกถึงจงหวีฉวนที่มาเยี่ยมเธอเมื่อวาน เธอก็แสดงรอยยิ้มออกมา เธอคิดว่าจงหวีฉวนจะไม่มีวันทำร้ายเธอเพราะถึงอย่างไรแล้วเขาก็คือพ่อของเธออยู่ดี
เย่เชินหลินเงียบไปหลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยชีหรั่น เขาเข้าใจดีว่าหัวใจของเซี่ยชีหรั่นปรารถนาความรักจากพ่อมากแค่ไหน เธอเติบโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ในตระกูลโม่ก็มีลูกสาวในบ้านอยู่แล้ว เซี่ยชีหรั่นเป็นได้แค่ของขวัญของโม่เสี่ยวจุน เธอจึงไม่สามารถรับความรักจากพ่อของโม่เสี่ยวหนงได้
“ถ้าหาก ผมสมมุตินะว่าถ้าผมมีหลักฐานของประธานจงที่ทำร้ายประชาชน คุณจะว่าไงชีหรั่น” ครั้งนี้เย่เชินหลินไม่เกรงใจอีกต่อไป เขามองไปที่เซี่ยชีหรั่นอย่างจริงจัง เขาอยากรู้ความคิดที่แท้จริงของเธอมาก เพราะปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาธรรมดาอีกต่อไป เย่เชินหลินเห็นว่าเวลาไม่เคยรอใคร เขาจึงต้องเร่งหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเตรียมพร้อมกับปัญหาหลายๆ ด้าน เย่เฮ่าหรันไม่ได้ฉลาดแกมโกงเหมือนจงหวีฉวน เมื่อนึกถึงคำอธิบายของแพทย์เกี่ยวกับอาการของเย่เฮ่าหรันแล้ว เย่เชินหลินหรี่ตาลง ถึงอย่างไรแล้วเขาคือนามสกุลเย่และเป็นลูกชายของเย่เฮ่าหรันอยู่ดี
เซี่ยชีหรั่นมองไปที่ดวงตาของเย่เชินหลินอย่างใกล้ชิด รูม่านตาของเขาในวันนี้มันมีความหมายลึกซึ้งกว่าที่เคยเป็น
“เชินหลิน ถ้าหากวันนั้นมี คุณสามารถ……สามารถปล่อยเขาไปสักครั้งเพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์ของเราไหม” เซี่ยชีหรั่นฝืนใจพูด เธอไม่เคยขอร้องใครแบบนี้มากก่อน เธอเคยขอร้องเย่เชินหลินเพื่อโม่เสี่ยวจุนแล้ว ตอนนี้เธอก็ต้องขอร้องเขาเพื่อจงหวีฉวนเหมือนกัน ดูเหมือนว่าต่อหน้าเย่เชินหลินแล้วเธอต้องตกเป็นผู้ถูกกระทำอยู่เสมอ
เมื่อคิดถึงคำว่าพ่อ เซี่ยชีหรั่นไม่สามารถปล่อยผ่านอย่างเฉยเมยได้
“ที่รัก ผมแค่สมมติฐานเท่านั้นเอง” เย่เชินหลินลูบผมเซี่ยชีหรั่นเบาๆ สายตาเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
เซี่ยอี้ชิงขับรถไปอย่างเงียบๆ เขารู้ว่าคุณเซี่ยกับคุณเย่มีความสัมพันธ์ที่ดีมากยกเว้นว่าจะมีจงหวีฉวนคนนี้เข้ามาคั่นกลางระหว่างเขาอยู่
ส่วนทางนี้ที่กำลังวางแผนอยู่ก็ได้ขยายแผนการอย่างลับๆ
จงหวีฉวนขังตัวเองอยู่ในห้องทำงานของเขา เยว่มู่หลานและจงหยุนซางก็ไม่ได้เห็นเขาทั้งวัน
“ท่านประธานจงครับ ท่านมีธุระหาผมเหรอครับ?”
“อยากให้นายช่วยหาคนๆ หนึ่ง” จงหวีฉวนยังจำข่าวที่เขาได้ยินจากบ้านตระกูลเย่ได้ว่าส้งหลิงหลิงกำลังเจ็บป่วยอยู่และเด็กก็จากไปแล้ว เย่เชินหลินก็ไม่มีลูก ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นข่าวดีสำหรับจงหวีฉวน เขาสามารถเข้าทางเย่เฮ่าหรันได้ จงหยุนซางที่จะแต่งงานกับตระกูลเย่ก็สะดวกขึ้นและจะคุยกับเยว่มู่หลานได้ง่ายขึ้นเหมือนกัน
“ไม่ทราบว่าจะให้ผมหาใครครับท่านประธานจง?”
จงหวีฉวนหรี่ตาลง เขาคิดว่าเรื่องนี้ไม่สามารถให้คนใกล้ตัวไปทำได้ ถ้าถูกจับได้แล้วความลับของเขาอาจจะถูกเปิดเผยไปด้วยก็ได้ มันจะดีกว่าที่จะระมัดระวังมากขึ้นในช่วงเวลาพิเศษนี้
“นายไปหาอาซานคนก่อนหน้านี้แล้วให้เขาไปหาส้งหลิงหลิง”จงหวีฉวนคิดสักพักก่อนที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ ตอนนี้เย่เชินหลินกำลังยุ่งกับเรื่องของครอบครัวตระกูลเย่อยู่ เขาไม่มีเวลามาสนใจอาซานคนนี้หรอก รอให้เย่เชินหลินยุ่งกับธุระของตัวเองให้เสร็จก่อน รอยยิ้มที่น่าขนลุกปรากฏขึ้นที่มุมปากของจงหวีฉวน เขาจะทำให้เย่เชินหลินยุ่งมากขึ้น ว่ากันว่าเย่เฮ่าหรันกับเย่เชินหลินความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีมากนัก เขาอยากรู้ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเย่เฮ่าหรันจริงๆ เย่เชินหลินจะยังอยู่อย่างเฉยเมยได้อีกหรือไม่ จงหวีฉวนเชื่อว่าเขาจะได้เห็นฉากนี้เป็นการส่วนตัว
“ประธานจงไว้ใจได้ครับ” หลังจากวางสายจงหวีฉวนนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และมองแผนการของเขาทีละขั้น ซึ่งด้านบนสุดของกับดักแผนการร้ายของเขาก็คือตำแหน่งนั้น
เขารู้สึกได้ว่าเขาจะรับตำแหน่งนั้นอย่างราบรื่นสบายใจ ทุกคนต้องตั้งหน้าตั้งตารอคำสั่งจากเขา หลี่หมิงจุ้นก็ไม่กล้าที่จะดูหมิ่นเขาแม้แต่นิด จงหวีฉวนยิ่งคิดเท่าไหร่ยิ่งมุ่งมั่นที่จะได้รับตำแหน่งนั้นมากขึ้นเท่านั้น
“พ่อคะ ทานข้าวแล้วค่ะ” จงหยุนซางเคาะประตูอยู่ข้างนอกจนทำให้ภาพจินตนาการของจงหวีฉวนหายไป
จงหวีฉวนปิดคอมพิวเตอร์ทันที
“เดี๋ยวพ่อไปนะ พวกเธอกินกันก่อนเลย” จงหวีฉวนถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่จงหยุนซางไม่ได้เปิดประตูเข้ามา เขาก็ประมาทเกินไปที่วันนี้ไม่ได้ล็อคประตูห้อง
จนกระทั่งเสียงเท้าเดินของจงหยุนซางเดินออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ จงหวีฉวนถึงจะรู้สึกโล่งใจอย่างแท้จริง จงหยุนซางไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเขามาโดยตลอด มันยากที่จะรับประกันว่าหลังจากที่เธอรู้แผนของเขาแล้วจะไม่บอกเย่เชินหลิน จงหวีฉวนเป็นคนรอบคอบพอสมควร เขาไม่โง่ถึงขั้นต้องเอาความสุขชั่วชีวิตของเขามาแลกกับข้อพิสูจน์นี้หรอก
ดูเหมือนว่าเขาต้องหาโอกาสนำบางสิ่งบางอย่างในนี้ย้ายไปวิลล่าส่วนตัวของเขาเพื่อจะวางแผนได้สะดวกมากขึ้น
เยว่มู่หลานและจงหยุนซางรอจงหวีฉวนอยู่พักหนึ่ง
“กินข้าวแค่นี้ทำไมช้าจัง” เยว่มู่หลานมองจงหวีฉวนอย่างไม่พอใจ ตอนนี้เธอไม่พอใจจงหวีฉวนเป็นอย่างมากและมองยังไงก็ไม่เจริญตา
“กินข้าวกันเถอะ” จงหวีฉวนรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโต้เถียงกับเยว่มู่หลาน เขาหรี่ตาแล้วนั่งลงข้างเธอ อาหารบนโต๊ะนั้นล้วนเป็นอาหารจานโปรดของเขา เมื่อนึกถึงตอนที่เย่เชินหลินให้เซี่ยชีหรั่นทำอาหารเสฉวนให้เขากิน จงหวีฉวนกินอย่างทรมานมากแต่ไม่แสดงออก เขาปวดท้องเป็นเวลาหลายวันหลังจากอาหารมื้อนั้น เมื่อคิดถึงภัยพิบัตินี้แล้ว จงหวีฉวนก็พยายามทำความเข้าใจเย่เชินหลินและได้ข้อสรุปที่ดี ถ้าเย่เชินหลินไม่มีจุดอ่อนที่เป็นเซี่ยชีหรั่นแล้ว จงหวีฉวนก็ไม่รู้จะเอาชนะคนรุ่นใหม่นี้อย่างไร แต่ไม่มีอะไรที่เพอร์เฟคเสมอไป ต่อให้เย่เชินหลินจะเก่งแค่ไหน เขาก็ยังมีเซี่ยชีหรั่นและเซี่ยชีหรั่นก็มีหัวใจที่เชื่อมั่นคนในครอบครัวของเธอ
“หยุนซาง ตอนนี้ลูกกับหลี่เหอไท้คนนั้นความสัมพันธ์ไปถึงไหนกันแล้ว?” เยว่มู่หลานมองหน้าจงหยุนซางที่เงียบอยู่บนโต๊ะอาหารอย่างกะทันหัน เธอคิดถึงชีวิตของลูก เธอมีลูกสาวเพียงคนเดียวและจงหยุนซางลูกสาวของเธอคนนี้อายุก็ไม่น้อยแล้ว เยว่มู่หลานเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา
จงหยุนซางไม่รู้ว่าหลี่เหอไท้เป็นยังไงบ้างเพราะเธอไม่ได้ติดต่อกับเขามาหลายวันแล้ว เมื่อคิดถึงสุภาพบุรุษรูปหล่อคนนั้นรอยยิ้มของจงหยุนซางก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เยว่มู่หลานไม่พลาดฉากนี้และสงสัยว่าลูกสาวเธอคนนี้จะตกหลุมรักลูกชายตระกูลหลี่เข้าแล้ว?
“หยุนซาง ลูกไม่ชอบเย่เชินหลินเหรอ? บางครั้งความรักก็ไม่อาจยอมแพ้ได้นะ” จงหวีฉวนพูดอย่างจริงจัง ดูเหมือนว่าพ่อผู้เปี่ยมด้วยความรักจะชักจูงลูกสาวที่โดดเดี่ยวคนนี้ แต่ในความเป็นจริงนั้นเขาซ่อนเจตนาอันชั่วร้ายอยู่ จงหวีฉวนรู้ว่าเย่เชินหลินไม่ใจแข็งพอและเซี่ยชีหรั่นยิ่งเป็นคนใจอ่อน ขอเพียงจงหยุนซางยอมพูด ทั้งคู่ก็จะรู้สึกผิดต่อเธอ ในศึกแย่งชิงของเขากับเย่เชินหลินในอนาคต เขาเชื่อว่าเขาจะได้เปรียบเย่เชินหลินเพราะเหตุนี้
จงหยุนซางไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมจงหวีฉวนถึงพูดเช่นนั้น
“คุณพ่อคะ หนูชอบเขาไม่ได้อีกแล้ว” จงหยุนซางพูดเบาๆ เธอคิดว่ามันคงยากสำหรับเธอที่จะพูดประโยคนี้ และเธอไม่คาดคิดเลยว่าประโยคนี้จะถูกคายออกจากปากเธออย่างง่ายดายเช่นนี้ จงหยุนซางไม่แน่ใจว่าเธอชอบหลี่เหอไท้หรือไม่ แต่สิ่งที่เธอมั่นใจก็คือความหลงใหลที่มีต่อเย่เชินหลินนั้นค่อยๆ จืดจางไปตามกาลเวลาแล้ว ต่อให้เย่เชินหลินจะดีแค่ไหนมันก็เป็นเพียงความใฝ่ฝันของจงหยุนซางในวัยสาว ตอนนี้เธอคิดได้แล้ว
คนที่เย่เชินหลินชอบคือน้องสาวของเธอเซี่ยชีหรั่น ตราบใดที่เย่เชินหลินมีความสุข ต่อให้ไม่ใช่เซี่ยชีหรั่นเธอก็จะอวยพรเขาเช่นกัน
จงหวีฉวนถามลอยๆ “ทำไมชอบไม่ได้ล่ะ? ลูกสาวของจงหวีฉวนจะชอบใครก็ได้ ลูกสาวพ่อจะชอบใครก็มีสิทธิ์เลือกตามต้องการ”
เลือดในตัวของเซี่ยชีหรั่นก็เป็นสายเลือดจากบรรพบุรุษของตระกูลจงเหมือนกัน ซึ่งนี่คือความจริง จงหยุนซางไม่อยากให้แม่ของเธอต้องไม่สบายใจ เธอไม่ได้คัดค้านจงหวีฉวน แต่เธอได้แต่เงียบไม่มีความคิดเห็นใดๆ
“หยุนซาง ลูกจะชอบใครก็ชอบได้ ไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องอื่นเลย ลูกจะไม่คู่ควรกับเขาได้อย่างไรล่ะ?” เยว่มู่หลานพูดเสียงสูง ในสายตาเธอ จงหยุนซางจะคู่กับใครก็ได้และไม่ได้ด้อยกว่าใครเลย ต่อให้เป็นเย่เชินหลินก็ตาม
จงหยุนซางเป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟคพอจะทำให้ผู้ชายหลายคนต้องรู้สึกอับอายและผู้หญิงหลายคนต้องรู้สึกอิจฉาเธออยู่แล้ว แต่เพียงแค่โชคชะตาไม่เข้าข้างเธอ เธอดันไปชอบลูกชายตระกูลเย่ที่เป็นศัตรูกับตระกูลจงมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งพูดได้ว่านี่คือหลุมดำสำหรับชีวิตของเธอเลย
“คุณแม่คะ กินข้าวกันเถอะ” จงหยุนซางไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้
จงหวีฉวนคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมันคงไม่ดีสำหรับเขาแน่นอน เขาจึงต้องหาวิธีอื่น เขาต้องรีบหาตัวส้งหลิงหลิงให้พบ เพราะช่วงนี้เย่เชินหลินก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวกับเขาแล้ว ถ้าจงหวีฉวนยังนิ่งเฉยอยู่เกรงว่าเขาไม่มีวาสนากับตำแหน่งนั้นในที่สุด
ส้งหลิงหลิงถูกเย่เชินหลินขังไว้ในสถานที่หนึ่ง เริ่มแรกเธอเป็นเพียงโรคจิตหวาดระแวงเล็กน้อย แต่การที่เธอคิดถึงลูกเป็นเวลานานและความกลัวความกดดันทั้งหมดทำให้สภาพจิตใจของเธอแย่ลงเรื่อยๆ
กว่าเย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นจะมาถึงก็เป็นเวลาเกือบสี่โมงเย็นแล้ว สถานที่นั้นค่อนข้างใกล้จากตัวเมืองซึ่งต้องใช้เวลาในการเดินทางกว่าหนึ่งชั่วโมง
ผู้ที่มาต้อนรับพวกเขาคือหญิงอายุราวห้าสิบกว่า การแต่งตัวของเธอค่อนข้างธรรมดาและมีใบหน้าที่เงียบสงบ แสงในดวงตาของเธอบ่งบอกให้รู้ว่าเธอเป็นคนไม่เหมือนคนอื่น
เธอเป็นคนรับผิดชอบสถานที่นั้น ชื่อว่ายีจู่ เป็นคนมีไหวพริบดี ครั้งหนึ่งเธอเคยถูกเย่เชินหลินช่วยชีวิตไว้ในขณะที่ถูกตามล่าโดยศัตรูของตระกูล ต่อมาเธอจึงขอตอบแทนเย่เชินหลินด้วยการขอทำงานรับใช้เขา
“นายคะ” ทั้งร่างของเธอถูกปกคลุมไปด้วยสีดำ เธอก้มหัวลงโดยไม่มองไปที่เซี่ยชีหรั่น
“นำทางไปเลย ท่านนี้คือนายหญิงนะ” เย่เชินหลินพูดอย่างเรียบง่าย เพราะตอนนี้ไม่มีเวลามาทำความรู้จักกัน
เซี่ยชีหรั่นจำไม่ได้แล้วว่าเธอเดินอย่างไรก่อนที่จะไปถึงที่อยู่ของส้งหลิงหลิง ในตอนนี้ดวงตาของส้งหลิงหลิงเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ซึ่งมองไม่เห็นสติของเธอแม้แต่น้อยนิด ทันทีที่เห็นหน้าเซี่ยชีหรั่นแล้วนัยน์ตาของเธอก็เต็มไปด้วยความสับสน แต่ก็เปลี่ยนเป็นความสงบในไม่ช้า
ที่พักของส้งหลิงหลิงเป็นกระท่อมที่ค่อนข้างทรุดโทรม แต่เฟอร์นิเจอร์ด้านในค่อนข้างครบถ้วน ดูจากสภาพเธอแล้วไม่สามารถดูแลตัวเองได้ แต่เห็นการแต่งตัวที่พิถีพิถันนั้นก็รู้ว่ามีคนคอยดูแลเธออยู่ใกล้ๆ
ส้งหลิงหลิงจับมือเซี่ยชีหรั่นไว้แล้วเรียกเธอว่าพี่สาว
“ฉันไม่ใช่พี่สาวเธอหรอก” เซี่ยชีหรั่นมองไปที่ส้งหลิงหลิงแล้วพูดอย่างจริงจัง เธอหวังว่าคำพูดที่เธอพูดในปกติจะทำให้ส้งหลิงหลิงตื่นจากอาการนี้ได้
“พี่สาว พี่อย่าทิ้งหนูไปนะ หนูกลัวอยู่คนเดียวแล้ว” ส้งหลิงหลิงจับชายเสื้อของเซี่ยชีหรั่นอย่างระมัดระวัง ท่าทีนั้นเหมือนเธอกำลังร้องขอชีวิตจากฟางเส้นสุดท้ายอีกครั้ง ไม่ว่าจะยังไงเธอก็ไม่ยอมปล่อยมือ
เย่เชินหลินมองหน้าส้งหลิงหลิง จากนั้นดึงเซี่ยชีหรั่นออกไปแล้วพูดเบาๆ ว่า “เราต้องไปกันแล้ว” เย่เชินหลินจำไฟแดงสุดท้ายได้ว่ามีคนกำลังสะกดรอยตามอยู่ นอกจากจงหวีฉวนแล้วเย่เชินหลินไม่รู้ว่าจะมีใครอีกที่คิดทำเรื่องไร้สาระแบบนี้

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset