สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 959 สาวใช้ตัวแสบ 863

ตอนที่ 959 สาวใช้ตัวแสบ 863
จงหวีฉวนหรี่ตามองอาซานด้วยสายตาข่มขู่ แต่ก็พูดด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “หมายความว่าไม่กลัวผม” คำพูดลอยๆ ฟังดูเหมือนเป็นคำพูดเรียบง่ายไม่มีอะไร แต่เมื่ออาซานฟังแล้วรู้สึกเหมือนกำลังถูกเพชฌฆาตบังคับให้สั่งเสียก่อนจะถูกประหาร
อาซานเริ่มเหงื่อตก ทำไมประธานจงคนนี้ดูไม่น่าเข้าหาเหมือนในทีวีเลย
“ผมจะให้ค่าตอบแทนคุณเป็นสองเท่าก็ได้ แต่คุณต้องรับปากว่าจะทำงานนี้ให้สำเร็จก่อน มิฉะนั้น” จงหวีฉวนมองอาซานด้วยสายตาข่มขู่ เพราะเขาทำในสิ่งที่พูดได้อย่างแน่นอน
“เรื่องนี้คุณไว้ใจได้ ต่อให้ผมจะดื้อยังไงก็ต้องรับผิดชอบต่องานที่คุณมอบหมายให้อยู่แล้ว” อาซานพยักหน้าและโค้งตัวแล้วพูดกับเขาด้วยท่าทีประจบสอพลอ เขายอมทิ้งศักดิ์ศรี เพราะเขาเป็นคนฉลาดมีไหวพริบดี เขารู้ว่าอะไรควรพูดและอะไรไม่ควรพูด
“คุณทำให้ได้ตามที่พูดก็แล้วกันนะ” หลังจากที่จงหวีฉวนพูดจบเขาก็ขึ้นรถและออกไป
ไม่นานหลังจากที่จงหวีฉวนจากไป อาซานสวมแว่นดำขนาดใหญ่และสวมหมวกไว้แล้วก้มหน้าก้มตาเดินออกไป!
การปลอมตัวของเขาบอกไม่ได้ว่าไม่สำเร็จ แต่บางทีเขาอาจจะโชคร้ายเท่านั้นเอง!
รสชาติอาหารของไห่ฉิงฉิงเริ่มแปลกมากขึ้นหลังจากที่เธอตั้งครรภ์ เดี๋ยวอยากกินนี่ เดี๋ยวอยากกินนั่น! เช่นตอนนี้เธออยากกินแกงส้มบ๊วยจากร้านเจ้าเก่าในชานเมืองตะวันตกของเมืองตงเฉิงแห่งนี้? ไห่ฉิงฉิงมองหน้าโม่เสี่ยวจุนอย่างน่าสงสาร แม้เธอจะไม่พูดอะไรแต่สีหน้าของเธอบ่งบอกชัดเจนว่าเธอต้องการกินแกงส้ม โม่เสี่ยวจุนมองไปที่ไห่ฉิงฉิงอย่างงุนงง จากนั้นเอื้อมมือไปแตะจมูกเล็กๆ ของเธอเบาๆ
ในฐานะเป็นแฟนคนท้อง โม่เสี่ยวจุนก็รับผิดชอบเป็นเด็กซื้อของอย่างปฏิเสธไม่ได้ เขาทำด้วยใจ โม่เสี่ยวจุนหยิบกระเป๋าตังแล้วบอกลาไห่ฉิงฉิง!
“รอผมนะ” โม่เสี่ยวจุนลูบผมไห่ฉิงฉิงเบาๆ ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง การดูแลผู้หญิงของตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว และมันเป็นการตอบแทนของเขาสำหรับเธอด้วย
โม่เสี่ยวจุนพยายามมองหาร้านเจ้าเก่าที่ไห่ฉิงฉิงพูด แต่ยังไม่ทันเจอร้านอาหารนั้นเขาก็ได้เห็นชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นอาซานที่เขาตามหามาตั้งนาน อาซานคนนี้ดูเหมือนจะหายสาบสูญจากโลกนี้ไปแล้ว มันช่างเป็นอะไรที่เหมาะเจาะจริงๆ ที่ดันมาเจอเขาที่นี่!
วันนี้จะไม่ปล่อยให้นายหนีไปได้อีกแน่ โม่เสี่ยวจุนวิ่งตรงเข้าไปหาอาซานและลืมว่าต้องซื้อแกงส้มกลับไป
อาซานระมัดระวังรอบด้านเสมอ เมื่อถูกโม่เสี่ยวจุนพบเห็นเขาก็รู้ตัวทันที ศัตรูและเจ้าหนี้ของเขานั้นมีมากมาย เขาไม่มีเวลาไปสนใจว่าคนตรงหน้าคือใคร หนีให้พ้นก่อนค่อยว่ากัน อาซานจึงซอยเท้าและวิ่งหนีทันที ส่วนโม่เสี่ยวจุนก็ไล่ตามเขาอย่างรวดเร็ว
ผู้คนที่เดินอยู่บนท้องถนนก็มองดูพวกเขา มีคนบอกให้รีบโทรแจ้งตำรวจ ส่วนบางคนก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น แล้วยังมีคนอีกกลุ่มบอกว่าอย่าไปยุ่งเรื่องคนอื่นเลย โม่เสี่ยวจุนไม่มีอารมณ์ไปใส่ใจกับคำพูดและพฤติกรรมของคนอื่น เขาเพียงต้องการจับตัวอาซานให้ได้!
อาซานวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต จงหวีฉวนที่ผ่านมาก็ได้เห็นฉากนี้พอดี เดิมทีเขาจะไม่สนใจอาซานแล้ว แต่เขาเปลี่ยนใจกะทันหันที่เห็นคนไล่ตามมาคือโม่เสี่ยวจุน
จงหวีฉวนไม่เคยลืมว่าคดีของเซี่ยชีหรั่นนั้นถูกพวกเขารวมหัวกันทำลายทิ้ง!
เขาเกรงว่าการพาอาซานไปตอนนี้จะเป็นที่สงสัยของคนอื่น แต่ช่วงนี้อาซานกำลังทำงานให้เขาอยู่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับอาซานแล้วเขาก็จำเป็นต้องไปหาคนใหม่อีก
“ทำไมเขาถึงไล่คุณ?” จงหวีฉวนถามอย่างเคร่งขรึม เขามองอาซานที่กำลังหอบอยู่ เขาอยากแน่ใจว่าเป็นอย่างที่เขาคิดไว้หรือเปล่า
อาซานค่อนข้างกลัวสายตาของจงหวีฉวน ออร่าของผู้หลักผู้ใหญ่คนนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถรับมือได้! เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไอ้เปี๊ยกข้างนอกถึงไล่เขา!
“ผมไม่รู้ ผมมีเจ้าหนี้ตั้งหลายคน ถึงได้ร้อนเงินขนาดนี้ไงครับ” อาซานกล่าวอย่างระมัดระวัง เขาไม่กล้าโกหกต่อหน้าสายตาของจงหวีฉวน เขาพูดความจริงด้วยการที่ไม่กล้ามองหน้าเขาเลย
จงหวีฉวนสั่งให้คนขับขับให้เร็วขึ้น
โม่เสี่ยวจุนได้แต่มองรถที่ขับออกไป เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปหมายเลขทะเบียนรถไว้ทัน หลายครั้งที่อาซานหนีรอดไปได้ โม่เสี่ยวจุนยังคงสงสัยว่าโชคชะตาจงใจจัดเตรียมไว้หรือไม่ แต่เขาจะไม่ยอมแพ้ หลังจากรถคันนั้นจอดลง มองจากที่ไกลแล้วเขาดูเหมือนจงหวีฉวนมาก
จงหวีฉวนกับอาซานหรือ ถ้าขุดหาต้นตอต่อไปไม่แน่อาจจะเห็นความลับของจงหวีฉวนได้
เขาไม่ใช่ปาปารัสซี่ที่คอยขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของคนอื่น แต่เซี่ยชีหรั่นมีพ่อแบบนี้ทำให้เขาหยุดคิดไม่ได้ นี่คือสิ่งที่เขาสามารถทำได้ในอนาคตและอาจจะทำได้เพียงแค่นี้
เมื่อไม่สามารถจับอาซานได้ โม่เสี่ยวจุนก็กลับไปซื้อซุปบ๊วยให้ไห่ฉิงฉิง แต่เขายังคิดอยู่เสมอว่าครั้งหน้าถ้ามีโอกาสแล้วเขาจะจับตัวอาซานได้อย่างไร วันนี้เห็นคนอย่างจงหวีฉวนมาช่วยอาซานไว้ ยิ่งทำให้เขามุ่งมั่นที่จะจับตัวอาซานมากขึ้น
โม่เสี่ยวจุนคิดย้อนไปมา สรุปสาเหตุของความล้มเหลวทั้งสองครั้งนี้คือเขาอยู่คนเดียวและอาซานปรากฏตัวกะทันหันเกินไป
ดูเหมือนว่างานนี้ไม่สามารถทำคนเดียวได้แล้ว ต้องมีคนของเย่เชินหลินมาติดตามพฤติกรรมของอาซานอย่างแน่นอน โม่เสี่ยวจุนตัดสินใจไปหาเย่เชินหลินเพื่อเล่าเหตุการณ์ทั้งสองครั้งนี้ให้เขาฟัง
“เฒ่าแก่ครับ ขอซุปบ๊วยที่หนึ่งครับ” โม่เสี่ยวจุนหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าตัง มีช่องว่างเล็กๆ ในกระเป๋าตังของเขาที่คนส่วนใหญ่จะไม่ทันสังเกตเห็นได้ ด้านในนั้นมีรูปถ่ายรูปหนึ่งซึ่งเก็บไว้ในนั้นมาตลอด เขาคิดถึงไห่ฉิงฉิงและรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องคืนรูปนี้ให้กับเย่เชินหลิน
โม่เสี่ยวจุนได้น้ำซุปบ๊วยที่ไห่ฉิงฉิงสั่งแล้ว เขาคิดถึงไห่ฉิงฉิงที่ผ่านมากินอะไรไม่อร่อยเลย เขาจึงคิดว่าควรโทรถามคนอื่นว่าหญิงตั้งครรภ์ควรกินอะไร เขาโทรหาเย่เชินหลินเพื่อขอความรู้จากแม่บ้านของเขา
“โม่เสี่ยวจุนเหรอ?” เย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นเพิ่งเดินทางกลับไปถึงคฤหาสน์บ้านตระกูลเย่
“ขอเบอร์แม่บ้านให้ผมหน่อยได้ไหม ผมมีเรื่องต้องการถามหน่อย” อันที่จริงเขาสามารถถามแม่ของไห่ฉิงฉิงได้ แต่โม่เสี่ยวจุนไม่อยากรบกวนคนแก่ในเวลานี้
เย่เชินหลินไม่รู้ว่าโม่เสี่ยวจุนจะเอาเบอร์แม่บ้านไปทำไม แต่เขาไม่ได้ปฏิเสธและให้เบอร์แม่บ้านที่คุ้นเคยกับเขาไป
“เย่เชินหลิน คุณว่างไหม? ถ้าว่างเราหาเวลามานั่งคุยกันหน่อย วันนี้ผมเจออาซาน เกือบจับตัวมันได้แล้ว แต่คนที่หน้าตาคล้ายกับจงหวีฉวนมาช่วยมันเอาไว้ คนๆ นั้นมีโอกาสเป็นจงหวีฉวนสูงมาก” โม่เสี่ยวจุนไม่รู้ว่าเซี่ยชีหรั่นอยู่ข้างๆ เย่เชินหลินด้วย เขาจึงไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดมากนัก เขาไม่จำเป็นต้องเรียกประธานจงด้วยความเคารพ “ผมคิดว่าแกคงไม่ได้คิดจะหลอกใช้เซี่ยชีหรั่นอีกนะ แค่รู้สึกเสมอว่าเขาคงไม่ทำแบบนั้น”
เซี่ยชีหรั่นอยู่ข้างๆ เย่เชินหลิน เธอได้ยินคำพูดของโม่เสี่ยวจุนอย่างชัดเจน ถ้าหากต้องเลือก เธอยืนยันว่าจะเชื่อใจโม่เสี่ยวจุน เพราะเขาคือคนที่คอยรักคอยดูแลเธอมานานนับยี่สิบปี แต่สำหรับจงหวีฉวนที่เป็นพ่อเธอคนนี้ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะหลอกใช้เธอซ้ำๆ แบบนี้
เย่เชินหลินมองไปที่เซี่ยชีหรั่นอย่างสงบ ที่รัก จงหวีฉวนไอ้จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ไม่คู่ควรสำหรับคุณหรอก
“ได้ คืนนี้เราออกไปเจอกันข้างนอก” เย่เชินหลินไม่ต้องการทำให้ผู้หญิงของเขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีกต่อไป เพราะเธอคือคนที่เขารักที่สุด ถ้าจงหวีฉวนคิดจะหาเรื่องเธออีก เย่เชินหลินยินดีที่จะคิดบัญชีทั้งเก่าและใหม่ไปพร้อมกัน
จงหวีฉวน คุณอย่าลืมวีรกรรมที่คุณเคยก่อไว้เมื่อหลายปีก่อน ผมรู้เรื่องหมดแล้ว และตอนนี้ความผิดที่คุณกำลังจะทำอีกผมจะจดมันไว้ทุกๆ ข้อ ไม่มีผิดพลาดอย่างแน่นอน
เซี่ยชีหรั่นเดินตามเย่เชินหลินเงียบๆ เธอไม่พูดอะไรและไม่รู้จะเริ่มยังไง ผู้ชายตรงหน้าเธอพยายามปกป้องเธอและอีกอย่างพวกเขาไม่ได้จะจัดการกับจงหวีฉวน
“คุณเข้าบ้านก่อน ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องกังวลนะ บอกคุณแม่ว่าผมไม่ได้ทานมื้อเย็นด้วยแล้วนะ” เย่เชินหลินวางจูบที่หน้าผากเซี่ยชีหรั่นแล้วจากไป แม่บ้านได้ยินว่าคุณเย่กำลังตามหาเธอ จึงวางงานในมือลงแล้วรีบออกมา แต่เมื่อมาถึงก็เห็นเพียงเงาของเย่เชินหลินที่เพิ่งเดินจากไป
“คุณนายเย่คะ” แม่บ้านกล่าวด้วยความเคารพ
“เข้าบ้านเถอะ” เซี่ยชีหรั่นพยายามฝืนยิ้มพูด จากนั้นเดินเข้าบ้านคนเดียวไม่หันกลับไปมองพ่อบ้านและเซี่ยอี้ชิงที่อยู่ข้างหลัง
รถของฝู้เฟิ่งหยีและเย่เฮ่าหรันกลับถึงบ้านช้ากว่ารถของเย่เชินหลิน หลังจากรถขับเข้ามาในบ้านและพวกเขายังไม่ทันลงจากรถก็ได้เห็นรถของเย่เชินหลินขับออกไปจากบ้านตระกูลเย่
“พ่อบ้าน เกิดอะไรขึ้น?” ฝู้เฟิ่งหยีเฝ้ามองเซี่ยชีหรั่นเดินเข้าไปในบ้านคนเดียวและเห็นถึงความเศร้าใจของเธอ
“คุณนางครับ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ผมเพิ่งออกมาจากบ้านคุณเย่ก็ออกไปแล้วครับ” พ่อบ้านพูดด้วยความสับสน เขาไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมเย่เชินหลินถึงออกจากบ้านอย่างกะทันหัน
“เข้าบ้านกันเถอะ เดี๋ยวกินข้าวกันเสร็จค่อยกลับไปหาเสี่ยวห้านที่โรงพยาบาล” ฝู้เฟิ่งหยีจับมือเย่เฮ่าหรันเดินเข้าไปในห้องอาหารพร้อมกัน ถึงเวลากินข้าวแล้ว สำหรับลูกชายของเธอเย่เชินหลินคนนี้ ฝู้เฟิ่งหยีรู้สึกไว้ใจเขามาก เขาคือความภาคภูมิใจของเธอ
ณ บนโต๊ะอาหาร ฝู้เฟิ่งหยีตักอาหารจานโปรดให้เขาและตักอาหารจารโปรดให้กับเซี่ยชีหรั่น
“คุณแม่คะ หนูตักเองค่ะ” เซี่ยชีหรั่นเห็นกับข้าวในชามของเธอถึงจะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่
ฝู้เฟิ่งหยีมองเข้าไปในตาของเธอและถามเธอว่า “ชีหรั่น ลูกกับเชินหลินเป็นยังไงบ้าง?” เธอรู้สึกว่าเซี่ยชีหรั่นมีเรื่องไม่สบายใจอยู่!
“ก็ดีนะคะ จริงด้วย เชินหลินบอกว่าแกมีธุระต้องออกไปก่อน จึงไม่ได้อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันค่ะ” เซี่ยชีหรั่นยิ้มพูดกับคนแก่ทั้งสอง ฝู้เฟิ่งหยีดูออกว่าเธอมีเรื่องไม่สบายใจ แต่เธอแค่คิดว่าเซี่ยชีหรั่นกำลังคิดถึงเย่เชินหลินอยู่
ฝู้เฟิ่งหยีถามคำถามเป็นครั้งเป็นคราว ทำให้อาหารมื้อนั้นกลายเป็นมื้อเย็นที่ตึงเครียดมาก
หลังอาหารเซี่ยชีหรั่นโทรหาจิ่วจิ่วและบอกว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ แต่จิ่วจิ่วยืนยันที่จะให้เซี่ยชีหรั่นอยู่บ้านไม่ให้เธอไปหา
“ชีหรั่น เธอช่วยบอกคุณนางเย่กับคุณท่านเย่ให้หน่อย ฉันอยากดูแลเสี่ยวห้านเอง บอกท่านว่าไม่ต้องเข้ามาแล้ว” จิ่วจิ่วอยากตั้งใจดูแลเหยนชิงเหยียนให้ดี เมื่อก่อนเธอเคยแอบชอบโม่เสี่ยวจุน แต่นั้นแค่ความรักในวัยใสๆ เท่านั้น ตอนนี้เธอต้องการดูแลเหยนชิงเหยียนจริงๆ ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น แค่อยากดูแลเขาให้ดี เซี่ยชีหรั่นเงียบไปสักพักแล้วพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “จิ่วจิ่ว ไม่ว่าเธอจะคิดจะตัดสินใจอย่างไร ฉันก็จะสนับสนุนเธอ ถึงเวลาที่เธอควรดูวันแต่งงานกับเขาแล้วนะ”
“ชีหรั่น ฉันเข้าใจแล้ว คุณใจมากนะ” จิ่วจิ่วคิดเสมอว่าเธอเป็นคนแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าต่อให้เธอจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน เธอก็เป็นได้แค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เด็กเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องการความรัก
หลังจากวางสายเซี่ยชีหรั่นก็ได้ไปคุยกับฝู้เฟิ่งหยีและเย่เฮ่าหรันถึงความตั้งใจของจิ่วจิ่ว นัยน์ตาฝู้เฟิ่งหยีเต็มไปด้วยความเห็นชอบ ดูเหมือนว่าเธอยอมรับจิ่วจิ่วคนนี้เป็นลูกสะใภ้ของเธอแล้ว
“ชีหรั่น วันนี้เธอก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถอะ” ฝู้เฟิ่งหยีสังเกตว่าสภาพจิตใจของเซี่ยชีหรั่นในวันนี้ไม่ค่อยดีมากนัก

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset