สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 965 สาวใช้ตัวแสบ869

ตอนที่ 965 สาวใช้ตัวแสบ869
การรับประทานอาหารในมื้อนี้นั้นถือว่าค่อนข้างมีความสุข หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแต่ละคนก็อยากที่จะแยกย้าย ส่วนหลี่เหอไท้นั้นก็อยากที่จะไปส่งจงหยุนซาง เย่เชินหลินกับเซี่ยชีหรั่นต่างรีบร้อนกลับบ้าน เย่เชินหลินนั้นต้องการที่จะกลับบ้านแล้วโทรหาส้งซูหาวเพื่อถามข่าวคราวว่าส้งหลิงหลิงนั้นกลับไปที่บ้านหรือเปล่า เพราะหากไม่ได้กลับบ้านแล้วหล่อนยังไม่หายเป็นปกติ การอยู่ข้างนอกเพียงลำพังในฤดูร้อนนั้นก็คงจะไม่สู้ดีนัก เย่เชินหลินนั้นรู้สึกว่าส้งหลิงหลิงน่าจะมีปัญหาอะไรบางอย่างถึงได้จากไป การที่เขาต้องการตามหาหล่อนนั้น ก็เพื่อที่จะถามหล่อนว่าหล่อนนั้นได้เก็บความลับอะไรไว้หรือไม่
ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ก็กลับมาถึงคฤหาสน์ ขณะที่เย่เชินหลินกำลังเปิดประตูห้องก็พบว่าฝู้เฟิ่งหยี นั้นยังนอนไม่หลับ
“แม่ ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่นอนอีกครับ?”เย่เชินหลินยิ้มแล้วถามขึ้น เขานั้นรู้ว่าการที่แม่ของตนรอตนกลับมาน่าจะมีธุระอะไรบางอย่าง
เซี่ยชีหรั่นนั้นทักทายฝู้เฟิ่งหยีก่อน จากนั้นจึงเดินไปถอดรองเท้า ก็พบว่าเย่เชินหลินกับฝู้เฟิ่งหยี กำลังสนทนากันอยู่ เซี่ยชีหรั่นนั้นรู้ดีว่าพวกเขาทั้งสองนั้นคงจะมีเรื่องที่ต้องการพูดคุยกันเป็นแน่ เธอจึงพูดขึ้นว่า:“เดี๋ยวฉันไปพักผ่อนก่อนนะคะ คุณแม่กับเชินหลินก็รีบพักผ่อนนะคะ”
เมื่อเห็นเงาของเซี่ยชีหรั่นนั้นค่อยๆเดินจากไป สีหน้าของฝู้เฟิ่งหยีที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่จริงจังขึ้นและถามขึ้นว่า “ส้งหลิงหลิงอยู่โรงพยาบาล?”
“ใช่ครับ แต่ตอนนี้หล่อนหนีไปแล้ว”เย่เชินหลินนั้นรู้นิสัยของแม่ตนเป็นอย่างดี เขาจึงไม่พูดโกหก เรื่องบางเรื่องไม่พูดก็ไม่ได้แสดงว่าจะไม่มี
“ชีหรั่นนั้นรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี”ฝู้เฟิ่งหยีถามขึ้นไม่ใช่ว่าสงสัย แต่เป็นเพราะว่าต้องการถามให้แน่ใจ เธอนั้นรู้ดีว่าเซี่ยชีหรั่นนั้นจิตใจดีแค่ไหน ฉะนั้นเธอเห็นด้วยที่จะให้ส้งหลิงหลิงนั้นอยู่โรงพยาบาลอย่างแน่นอนฝู้เฟิ่งหยีนั้นรู้สึกโชคดีมากที่มีลูกสะใภ้เช่นนี้เธอนั้นรู้ดีว่าลูกชายของตนนั้นเก่ง แต่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่จะใจกว้างเช่นนี้
“แม่ครับ ท่านวางใจเถอะ เดี๋ยวผมกับชีหรั่นจะไปดูส้งหลิงหลิงที่โรงพยาบาลเอง”เย่เชินหลินนั้นรู้ว่าฝู้เฟิ่งหยีนั้นเป็นห่วง แต่ว่าเขานั้นเชื่อมั่นในตัวของเซี่ยชีหรั่น ไม่ใช่ตัวเขาเอง เธอนั้นจิตใจดีเช่นนี้และก็รักเขามากขนาดนี้ ตอนนี้ยังหาส้งหลิงหลิงไม่พบ ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหล่อนหรือเปล่า “แม่ครับ แม่ไปพักผ่อนก่อนเถอะ ดึกแล้ว ”เย่เชินหลินนั้นจูงมือของฝู้เฟิ่งหยีจากนั้นก็พาหล่อนไปพักผ่อนที่ห้องของเย่เฮ่าหรัน
“แม่รู้แล้ว ลูกก็เหมือนกัน รีบพักผ่อนเถอะ อย่าคิดมาก ส้งหลิงหลิงนั้นตัดสินใจจากไปเอง ไม่ได้เป็นความผิดของลูก”ฝู้เฟิ่งหยี นั้นดูสายตาของเย่เชินหลินออกว่า เขานั้นรู้สึกกังวล
“ทราบแล้วครับแม่ แม่รีบพักผ่อนเถอะ”เย่เชินหลินบอกลาฝู้เฟิ่งหยี เขานั้นไม่ได้ไปพักผ่อนแต่กลับไปที่ห้องหนังสือ เขาต้องการที่จะนั่งเงียบๆสักครู่หนึ่ง การจากไปของส้งหลิงหลิง ทำให้เขาคาดไม่ถึง
เมื่อเซี่ยชีหรั่นเห็นว่าไฟของห้องหนังสือนั้นยังเปิดอยู่ เธอก็ยืนดูอยู่ห้องหนังสือผ่านทางด้านหน้าของหน้าต่าง
นานมากแล้ว แต่เย่เชินหลินนั้นก็ยังไม่ออกมา เซี่ยชีหรั่นมองดูเวลาก็ดึกมากแล้ว เธอนั้นอยากไปห้องครัวเพื่อทำโจ๊กให้กับเย่เชินหลิน อาจารย์เหลี่ยวพ่อครัวก็นอนหลับไปแล้ว เซี่ยชีหรั่นจึงต้องลงมือทำด้วยตนเอง การที่ตนสามารถทำอาหารให้กับคนที่ตนรักทานนั้น ถือว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่งของตน
เซี่ยชีหรั่นนั้นตั้งใจทำเป็นอย่างมาก โจ๊กถ้วยนั้นอบอวลไปด้วยมิตรภาพ เธอนั้นเดินถือโจ๊กไปเสิร์ฟให้กับเย่เชินหลิน
“เชินหลิน ฉันเอง ดึกแล้วทานอะไรหน่อยเถอะ โจ๊กนี่ค่อนข้างจืดทำให้สบายท้อง”เซี่ยชีหรั่นผลักประตูแล้วเดินเข้ามา เย่เชินหลินนั้นยืนสูบบุหรี่ที่ด้านหน้าของหน้าต่าง ภายใต้ควันบุหรี่นั้น ทำให้รู้ได้ในทันทีว่าเขานั้นอารมณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก ภายในใจของเซี่ยชีหรั่นนั้นรู้สึกเจ็บปวด เธอเอ่ยปากพูดปลอบใจเย่เชินหลินว่า:“พรุ่งนี้โทรหาส้งซูหาวสิว่าเขานั้นรู้เรื่องนี้ไหม”
เซี่ยชีหรั่นนั้นไม่อยากให้เย่เชินหลินเป็นกังวลมากนัก ส้งซูหาวเป็นพี่ชายของส้งหลิงหลิง หล่อนก็น่าจะไปหาเขาแหละ เพราะคนปกติก็มักที่จะกระทำเช่นนี้
เย่เชินหลินพยักหน้า สีหน้าของเขานั้นเก็บความรู้สึกได้เป็นอย่างดี สภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิตของเซี่ยชีหรั่นนั้นทำให้เธอมีความสามารถให้การสังเกตคำพูดและสีหน้า ขอแค่มีบางอย่างที่ผิดปกติไป เขาก็สามารถดูออกได้เลยในทันทีว่าเย่เชินหลินนั้นเป็นกังวล
ค่ำคืนนั้นก็ผ่านไปเช่นนั้น ขณะที่เย่เชินหลินนอนนั้น เขาลืมตาตลอด แต่พยายามที่จะผ่อนลมหายใจเพื่อให้เซี่ยชีหรั่นนั้นเข้าใจว่าเขานั้นได้นอนหลับแล้ว แต่เซี่ยชีหรั่นก็ไม่ได้เข้าใจเช่นนั้นเลย
ฟ้ายังไม่สว่าง เย่เชินหลินก็มองไปที่เซี่ยชีหรั่นที่กำลังนอนหลับอยู่ เขานั้นจูบลงที่หน้าผากของเธอ จากนั้นก็ค่อยๆลุกจากเตียงแล้วเดินออกจากห้องไป
โคมไฟแปดเหลี่ยมที่ส่องสว่างอยู่ภายใต้ห้องรับแขกนั้นไม่ได้แตกต่างจากตอนกลางวันสักเท่าไหร่ เย่เชินหลินอยู่ในห้องรับแขกอย่างโดดเดี่ยว จากนั้นก็ยกหูโทรศัพท์โทรหาส้งซูหาว
หลังจากที่โทรศัพท์นั้นดังขึ้นครั้งแรก ก็ถูกตัดสายจากฝั่งตรงข้าม เย่เชินหลินจึงลองโทรครั้งที่สอง
ส้งซูหาวนั้นยังคงนอนหลับฝันอยู่ เซียวเสี่ยวลี่จึงรับรับโทรศัพท์ด้วยความโมโหอย่างสะลึมสะลือ จากนั้นพูดขึ้นว่า :“ใครอ่ะ โทรมาทำไมตอนนี้ ดึกดื่นขนาดนี้คนเขาจะนอนกัน?” หลังจากที่พูดจบเซียวเสี่ยวลี่ก็วางสายลง เมื่อวานนี้หล่อนกับส้งซูหาวนั้นมีเซ็กซ์กันหนักไปหน่อย ทำให้ตอนนี้นั้นหมดแรง การที่โทรศัพท์ดังขึ้น จึงทำให้หล่อนนั้นรู้สึกไม่พอใจ
เย่เชินหลินครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจกดสายโทรออกอีกครั้ง เมื่อสักครู่นี้เซียวเสี่ยวลี่เป็นคนรับสายโทรศัพท์ของส้งซูหาว เขานั้นจำเสียงของเธอได้
“ส้งหลิงหลิงอยู่ที่นั่นหรือเปล่า” เขาไม่รีรอให้เซียวเสี่ยวลี่นั้นพูดขึ้น ก็ชิงเอ่ยปากถามเสียก่อน เดิมทีเซียวเสี่ยวลี่นั้นอยากที่จะด่ากลับไปแรงสักครั้ง แต่คำพูดของฝั่งตรงข้ามกับเย็นยะเยือกราวกับเสียงนั้นดังออกมาจากนรก ความรู้สึกง่วงนอนของหล่อนนั้นก็หายไปจนสิ้น เพราะนี่คือเสียงของเย่เชินหลิน
เซียวเสี่ยวลี่นั้นกลัว เพราะหล่อนนั้นเคยเห็นทุกอารมณ์ของเย่เชินหลินในขณะที่หล่อนไปอาศัยอยู่กับส้งหลิงหลิงในบ้านตระกูลเย่ เขานั้น โหดเหี้ยมอำมหิต หล่อนนั้นไม่กล้าที่จะต่อกรกับเขา เซียวเสี่ยวลี่สะกิดส้งซูหาวที่นอนราวกับหมูอยู่ข้างหล่อน
“อย่ารบกวนการนอนของผม” ส้งซูหาวพูดขึ้นอย่างรำคาญ พอเซียวเสี่ยวลี่ได้ฟังดังนั้น ก็รีบเอามือปิดโทรศัพท์เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามนั้นได้ยิน หล่อนกับส้งซูหาวนั้นลงเรือลำเดียวกันแล้ว หากส้งซูหาวไม่สามารถดำเนินชีวิตอย่างสงบสุขได้ หล่อนก็คงจะเช่นเดียวกัน
เซียวเสี่ยวลี่นั้นร้อนใจเป็นอย่างมาก จนสุดท้ายหล่อนตัดสินใจบีบจมูกของส้งซูหาว
“ทำอะไรเนี่ย”ไม่นานส้งซูหาวก็ถามขึ้นเสียงดัง เขานั้นเริ่มได้สติ จากนั้นก็มองไปที่โทรศัพท์ที่อยู่ในมือของเซียวเสี่ยวลี่ ส้งซูหาวพูดขึ้นอย่างรู้สึกรำคาญว่า:“วางสายไปซ่ะ” วันนี้เสี่ยวลี่เป็นอะไร ทำไมบอกอะไรไม่ฟังเลย
เซียวเสี่ยวลี่นั้นไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือร้องไห้ดี หล่อนพูดขึ้นเสียงเบาๆว่า:“เย่เชินหลินโทรมา”
ส้งซูหาวที่ยังไม่ได้สติจากความง่วง พอได้ยินคำว่าเย่เชินหลินสามคำนี้ก็ตกใจและตื่นขึ้นอย่างกะทันหัน เขาจะยังรู้สึกง่วงอยู่ได้อย่างไรกัน เขารับโทรศัพท์อย่างระมัดระวัง ภายในใจก็พยายามครุ่นคิดว่าเย่เชินหลินนั้นโทรหาเขาทำไมกัน?เขานั้นพยายามครุ่นคิดว่าตนนั้นได้ไปทำอะไรล่วงเกินเย่เชินหลินหรือไม่ แต่ก็ไม่นะ เขาจึงกล้าที่จะรับโทรศัพท์ หลังจากผ่านเรื่องนั้นมา ภายในใจของเขานั้นก็เต็มไปด้วยเงามืด พอพูดถึงเย่เชินหลินเขานั้นก็จะรู้สึกวิตกกังวล
เย่เชินหลินนั้นอดใจรอจนกระทั่งได้ยินเสียงของส้งซูหาวรับโทรศัพท์ เขาขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า:“พี่สาวของคุณอยู่ที่นั่นหรือเปล่า?”
นับตั้งแต่ที่ส้งหลิงหลิงก้าวเท้าเข้าไปอยู่ในบ้านของตระกูลเย่ก็ขาดการติดต่อไป ส้งซูหาวก็ไม่ได้ติดต่อหล่อนอีกเลย วันๆเขานั้นมัวคิดอยู่แต่กับเรื่องที่ไม่ดี แล้วจะมีเวลามาใส่ใจน้องสาวของตนเองได้อย่างไรกัน
“พี่สาวของผมก็อยู่บ้านของคุณไม่ใช่เหรอ?” ส้งซูหาวถามกลับ เมื่อถามเสร็จก็เริ่มรู้สึกกลัว
“หล่อนนั้นไม่สบาย เดิมทีจะหางานให้หล่อนทำหลังจากหล่อนหายป่วย หรือไม่ก็ให้หล่อนพักรักษาตัวไปก่อน แต่เมื่อวานนี้ทางโรงพยาบาลบอกว่าหล่อนนั้นออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว หล่อนไม่ได้กลับบ้านเหรอ?” น้ำเสียงของเย่เชินหลินนั้นราบเรียบ เมื่อส้งซูหาวได้ยินเช่นนั้นก็มักจะรู้สึกว่าเป็นเสียงของอสูร น้ำเสียงนั้นแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายมรณะ เขานั้นพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง กลัวว่าตนนั้นจะกระทำการล่วงเกิน เขาไม่กล้าที่จะให้เย่เชินหลินปล้นสะดมบ้านของเขาอีกแล้ว
“หล่อนไม่ได้มา แต่หากหล่อนมาผมจะโทรบอกครับ”ส้งซูหาวพูดขึ้นอย่างเอาใจ หากสามารถทำให้เย่เชินหลินนั้นพึงพอใจได้ ก็ยิ่งมีประโยชน์ต่อเขาเช่นกัน ส้งซูหาวนั้นเข้าใจเป็นอย่างดี เพราะตอนนี้สถานะของเขากับเย่เชินหลินนั้นห่างชั้นกันมาก
ส้งซูหาวนึกขึ้นได้ว่าเซียวเสี่ยวลี่นั้นเป็นผู้ช่วยของส้งหลิงหลิง เขาหันไปมองเซียวเสี่ยวลี่ อยากที่จะรู้ว่าหล่อนนั้นได้ติดต่อกับส้งหลิงหลิงบ้างหรือไม่
เซียวเสี่ยวลี่นั้นส่ายหัว ส้งหลิงหลิงนั้นไม่ได้ติดต่อกับเขานานแล้ว
หลังจากที่เย่เชินหลินนั้นวางสายลง เขาก็นั่งครุ่นคิดว่า หากส้งหลิงหลิงนั้นไม่ได้ติดต่อกับส้งซูหาวและเซียวเสี่ยวลี่ แล้วหล่อนจะไปที่ไหน?แม้แต่ญาติของหล่อนก็ไม่ทราบเรื่อง แล้วหล่อนน่าจะไปที่ไหนกัน?
เซี่ยชีหรั่นยืนอยู่ที่ประตูแล้วมองไปที่เย่เชินหลิน เชินหลินคุณยังไม่ลืมเรื่องราวของเด็กคนนั้นใช่ไหม เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้นแล้วเขานั้นก็คงจะไม่ตามหาส้งหลิงหลิงแบบลุกลี้ลุกลนเช่นนี้ ฉันควรทำอย่างไรดีถึงจะทำให้คุณนั้นลืมเรื่องราวที่เป็นทุกข์นี้ได้ฝู้เฟิ่งหยีก็เห็นเงาของลูกชายของตนนั้นอยู่ในห้องรับแขก หล่อนนั้นเดินออกมาจากห้องนอน มองดูเย่เชินหลินที่อยู่ที่ห้องรับแขก ภายใต้แสงไฟนั้นสีหน้าของเย่เชินหลินนั้นเศร้าสร้อยและดูเป็นกังวล
เย่เชินหลินนั้นไม่ได้เดินกลับเข้าไปในห้องนอน แต่เดินกลับไปที่ห้องหนังสือ
เซี่ยชีหรั่นมองดูเงาหลังอย่างโดดเดี่ยว เธอนั้นรู้สึกไม่สบายใจ
สายตาของแม่ผัวกับลูกสะใภ้ประสานกันอย่างไม่ได้นัดหมาย กระทั่งเย่เชินหลินนั้นปิดประตูห้องหนังสือลง
เซี่ยชีหรั่นรู้สึกเป็นกังวลที่เย่เชินหลินนั้นเป็นเช่นนี้ เธอนั้นพยักหน้าให้กับฝู้เฟิ่งหยี จากนั้นก็เดินเข้ามา
“แม่คะ ลูกเป็นห่วงเชินหลินจังเลยค่ะ”น้ำเสียงของเซี่ยชีหรั่นนั้นเต็มไปด้วยความกังวล เธอนั้นไม่รู้ว่าจะช่วยเย่เชินหลินอย่างไรส้งหลิงหลิงนั้นไม่ใช่อุปสรรคของเขาทั้งสองแล้ว การที่ลูกของเขาจากไปต่างหากที่ทำให้เย่เชินหลินนั้นไม่สามารถลืมบาดแผลนี้ไปได้ เซี่ยชีหรั่นไม่เคยที่จะอยากให้เขานั้นลืมลูกของตน เธอเพียงต้องการให้เขานั้นมีความสุขก็เท่านั้น
“ชีหรั่น หรือแบบนี้ดีไหม พวกลูกย้ายไปอยู่ที่อื่น?”ฝู้เฟิ่งหยี ครุ่นคิดอยู่นานจนได้วิธีนี้มา ถ้าหากว่าพวกลูกย้ายไปอยู่ที่อื่น อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบใหม่ก็คงจะมีลูกได้เร็วกว่านี้ การมาเยือนของความสุขนี้อาจจะทำให้เขานั้นลืมความทุกข์ในอดีตลงได้
วิธีการนี้เซี่ยชีหรั่นนี้ก็เห็นด้วย เพียงแต่ว่าเธอนั้นไม่รู้ว่าเย่เชินหลินจะยอมย้ายไปอยู่กับเธอไหม
“อย่ากังวลไปเลย เชินหลินจะต้องเห็นด้วยแน่นอน เดี๋ยวเราสองคนไปดูบ้านกัน ดูเสร็จแล้วค่อยบอกเรื่องนี้กับเชินหลิน”ฝู้เฟิ่งหยีคิดว่า หากเขาทั้งสองคนได้มีโอกาสอยู่ในโลกเล็กๆของตนตามลำพัง เขานั้นรู้สึกดีกับชีหรั่นขนาดนี้ แล้วจะกังวลว่าจะไม่มีลูกอีกเหรอ?
“แม่คะ ถ้างั้นวันนี้ตอนกลางวันพวกเราไปดูบ้านกันค่ะ ฉันอยากได้บ้านที่อยู่ใกล้กับบริษัทฝู้ซื่อกรุ๊ป เวลาเชินหลินไปทำงานจะได้สะดวกคะ” เซี่ยชีหรั่นนั้นไม่เคยคิดถึงตนเองเลยแม้แต่น้อย หล่อนจะคิดถึงแต่ความสุขของเชินหลิน
ฝู้เฟิ่งหยีพยักหน้าเห็นด้วย หล่อนนั้นรู้ดีว่าเซี่ยชีหรั่นนั้นจะนึกถึงเชินหลินก่อนตลอด
ส้งหลิงหลิง คุณอยู่ที่ไหนกันแน่?คุณไม่รู้เลยเหรอว่าเย่เชินหลินนั้นเป็นห่วงคุณ?เซี่ยชีหรั่นครุ่นคิดภายในใจอย่างเจ็บปวด
ส่วนส้งหลิงหลิงนั้นยังอยู่ที่ตงเจียง หล่อนนั้นอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าขนาดเล็กแห่งหนึ่งในเมืองนั้น เสื้อผ้าแบรนด์เนมราคาแพงนั้นถูกโยนทิ้งถังขยะจนหมดแล้ว เสื้อผ้าที่หล่อนที่สวมใส่อยู่นั้นราคาถูกกว่าแผงขายเสื้อผ้าเสียอีก ในช่วงเริ่มแรกนั้นหล่อนปรับตัวยังไม่ค่อยได้ ร่างกายนั้นเต็มไปด้วยรอยแดงที่ผุดขึ้นเหมือนดอกเห็ด เถ้าแก่ซุปเปอร์มาเก็ตนั้นก็ไม่รับหล่อน แต่ส้งหลิงหลิงนั้นปากหวาน เพื่อเย่เชินหลินแล้ว ไม่ว่าจะต้องลำบากแค่ไหนหล่อนก็ยอม อารมณ์โกรธของเถ้าแก่เนี้ยนั้น แตกต่างจากอารมณ์ของเธออย่างสุดชั่ว ส้งหลิงหลิงนั้นสลัดความคิดทุกอย่างทิ้ง เหลือเพียงความคิดที่อยากจะทำงาน เถ้าแก่เนี้ยเห็นดังนั้นจึงรับหล่อนไว้ทำงานและให้ค่าแรงเพียงน้อยนิด การที่ให้คุณหนูอย่างหล่อนนั้นยืนขายของอยู่ในซุปเปอร์ มาร์เก็ตก็ทำให้หล่อนอึดอัดใจไม่น้อย ส้งหลิงหลิงนั้นผ่านเรื่องราวต่างๆมาไม่น้อย ทำให้หล่อนนั้นไม่ใช่คุณหนูที่แบมือรอให้คนมาป้อนข้าวป้อนน้ำอีกต่อไป

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset