จ๋ายหวินเชิ่งตอบกลับความคิดเห็นของท่านผู้เฒ่าจ๋ายอย่างเฉื่อยชา “ยังไงก็ตาม เด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งกลัวได้ง่ายกว่ากลุ่มผู้ชายที่หยาบกร้านกลุ่มนี้”
ท่านผู้เฒ่าจ๋ายอารมณ์ขึ้น “แกทำเรื่องนี้โดยมีจุดประสงค์ไม่ใช่เหรอ แกไม่ต้องการให้ฉันเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่แกสนใจอยู่ใช่หรือเปล่า”
ยิ่งจ๋ายหวินเชิ่งเป็นแบบนี้ ท่านผู้เฒ่าจ๋ายก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น นี่ยิ่งทำให้เขาอยากพบเด็กสาวคนนี้มากยิ่งขึ้น
ดังนั้นท่านผู้เฒ่าจ๋ายจึงประกาศว่า “เอาละ ไม่ว่าจะยังไง แกก็คงสนใจเธอ ถ้าแกไม่อยากเดทกับเธอและก็สนใจเธอ งั้นก็แค่แต่งงานกับเธอซะ”
ท่านผู้เฒ่าจ๋ายทำสิ่งต่างๆอย่างเร่งรีบ เขายังไม่ได้พบกับเด็กผู้หญิงคนนั้น แต่เขาก็พร้อมที่จะให้หลานชายแต่งงานกับเธอแล้ว
เห็นได้ชัดว่าท่านผู้เฒ่าจ๋ายกังวลแค่ไหนกับเรื่องจ๋ายหวินเชิ่งแต่งงาน
จ๋ายหวินเชิ่งรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “หยุด เธอยังเป็นเด็ก ไม่มีใครสนใจเธอหรอก”
“แล้วทำไมแกไม่ให้ฉันเจอเธอ” ไม่ว่ายังไง ท่านผู้เฒ่าจ๋ายก็ตั้งใจที่จะเจอเธอให้ได้ในวันนี้
นับตั้งแต่ที่เขาได้เห็นรูปถ่ายที่หยูซีส่งมา เขาก็คิดถึงเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา
“อาา ถ้าปู่อยากพบเธอ ถ้างั้นก็ไปหาเธอ ทำตามที่ปู่ต้องการ”
จ๋ายหวินเชิ่งไม่รั้งท่านผู้เฒ่าจ๋ายไว้อีกต่อไป
ดังนั้นท่านผู้เฒ่าจ๋ายจึงหันหน้าไปหาหยูซี “เอาล่ะ หวินเชิ่งอนุญาตให้ฉันพบเธอแล้ว พาฉันไปพบเธอได้แล้ว”
รูปที่หยูซีส่งให้เขาครั้งที่แล้วไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามในภาพดูเหมือนว่าเด็กหญิงจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลานชายเขา
“ท่านผู้เฒ่าจ๋าย ถ้าท่านไปบ้านคนอื่น ท่านอาจจะทำให้ทุกคนที่นั่นตกใจ ผมไปชวนเธอมาแทนไม่ดีกว่าเหรอ”
หยูซีคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าจะเชิญเทพหลิงมา แทนที่จะให้ท่านผู้เฒ่าจ๋ายไปสร้างความหวาดกลัวให้ผู้คน
การเยี่ยมชมเมืองเหิงหยวนของท่านผู้เฒ่าจ๋ายในครั้งนี้เป็นการดำเนินการอย่างเงียบๆ ไม่มีใครได้ยินเรื่องนี้
“ต้องใช้ความพยายามแค่ไหน” การเดินทางไปกลับต้องใช้เวลาพอสมควร
“ไม่ต้องใช้เท่าไหร่ เธออาศัยอยู่ข้างบ้าน”
ข้างบ้านงั้นเหรอ
ดังนั้นท่านผู้เฒ่าจ๋ายจึงรอให้หยูซีนำ ‘สาวน้อย’ มา
จากนั้นท่านผู้เฒ่าจ๋ายก็พบว่าแท้จริงแล้วเธอเป็น ‘เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ’
ใบหน้าเธอดูขาวและนุ่มนวล
หน้าตาเธอค่อนข้างสบายตา อย่างไรก็ตามอายุเธอไม่เป็นไปตามความต้องการของเขา
ท่านผู้เฒ่าจ๋ายอ้าปากพูด แต่ทว่าเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
เจี่ยนอีหลิงมองไปที่สุภาพบุรุษชราตรงหน้าเธอ เขามีผมสีขาวและสวมเสื้อผ้าสีเทาเข้มธรรมดา เมื่อมองแวบแรก เขาดูเหมือนจะเป็นชายชราธรรมดาคนหนึ่ง
แต่กลิ่นอายของสุภาพบุรุษชรานั้นไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้ มันเป็นกลิ่นอายของคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงในสังคมมาหลายปี
สุภาพบุรุษชราจ้องมองมาที่เธอเป็นเวลาพอสมควร จากนั้นเขาก็ถอนหายใจ ราวกับว่าเขารู้สึกผิดหวังอย่างมากกับเรื่องบางอย่าง
“อีหลิง นี่คือท่านผู้เฒ่าจ๋าย เขาเป็นคุณปู่ของนายท่านเชิ่ง” หยูซีกล่าว เขาแนะนำตัวตนของท่านผู้เฒ่าจ๋ายให้กับเจี่ยนอีหลิงอย่างระมัดระวัง
หยูซีค่อนข้างกังวล เขาสงสัยว่าเจี่ยนอีหลิงจะรู้หรือไม่ว่า ท่านผู้เฒ่าจ๋ายคือใคร
อย่างไรก็ตามหยูซีกังวลไปโดยเปล่าประโยชน์ แน่นอน เจี่ยนอีหลิงรู้ว่าท่านผู้เฒ่าจ๋ายคือใคร
เขาเป็นชายชราที่มีเรื่องราวเป็นตำนานมากมายที่กล่าวถึงเขา
ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความเคารพและยำเกรงชายชราผู้นี้ แม้แต่คุณปู่ของเจี่ยนอีหลิงก็ไม่มีข้อยกเว้น
“สวัสดี ท่านผู้เฒ่าจ๋าย”
แม้ว่าเสียงของเจี่ยนอีหลิงจะนุ่มนวล แต่เธอก็ไม่ปรากฏถึงความกลัว น้ำเสียงเธออ่อนโยนและผ่อนคลาย
หยูซีคิดกับตัวเอง ขอบคุณพระเจ้า เทพหลิงดูเหมือนจะไม่รู้ว่าท่านผู้เฒ่าจ๋ายเป็นคนที่น่ากลัวแบบไหน ถ้าเธอรู้เธอคงรู้สึกกลัวแน่ๆ
คงจะดีกว่าที่จะไม่รู้
ท่านผู้เฒ่าจ๋ายมองไปที่เจี่ยนอีหลิงมาสักพักหนึ่งแล้ว ยิ่งเขามองเธอมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งผิดหวัง
อาาา เธอเป็น ‘เด็กหญิงตัวเล็กๆ’ จริงๆ
ฉันเดาว่าเธอน่าจะเป็นได้แค่น้องสาวของหวินเชิ่งเท่านั้น…
สีหน้าของท่านผู้เฒ่าจ๋ายเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและผิดหวัง
ทันใดนั้น ท่านผู้เฒ่าจ๋ายก็พูดไม่ออก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะถามคำถามอะไร
ดังนั้นเขาจึงหันหน้าไปถามหยูซีด้วยความงุนงง “นายมีอะไรผิดปกติไปหรือเปล่า”
หยูซีคอตก เขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
หยูซีรู้สึกค่อนข้างหัวเสีย ไม่ใช่ความผิดเขาที่นายท่านเชิ่งปฏิเสธที่จะร่วมมือกับเขา…เขาทำได้แค่ทำอะไรแบบนี้กับงานที่ท่านผู้เฒ่าจ๋ายมอบให้เขา…
นอกจากเทพหลิงแล้ว นายท่านเชิ่งก็ปฏิเสธที่จะให้ผู้หญิงคนอื่นเข้าใกล้เขามากเกินไป
ถ้านายท่านเชิ่งสนใจเล่นกับผู้หญิง เขาคงไม่แค่จับภาพนายท่านเชิ่งกับเทพหลิง …
“อาาา ลืมไปเถอะ” ท่านผู้เฒ่าจ๋ายกล่าว เขาไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ ปัญหาหลักไม่ได้อยู่ที่หยูซี มันอยู่ที่หลานชายคนเดียวของเขา…
ตอนแรกเขาคิดว่าหลานชายของเขาสุดท้ายก็ได้รู้แจ้ง
อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเพียงจินตนาการเขาเอง เขามีความสุขโดยไร้ประโยชน์ …
จากนั้นท่านผู้เฒ่าจ๋ายก็หันกลับมาและพูดกับเจี่ยนอีหลิง “ไม่เป็นไร สาวน้อยเธอกลับไปได้แล้ว”
เจี่ยนอีหลิงไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจากไปทันทีที่ท่านผู้เฒ่าจ๋ายบอกให้เธอไป
ทันทีที่เจี่ยนอีหลิงจากไป ท่านผู้เฒ่าจ๋ายก็ชี้ไปที่จมูกของจ๋ายหวินเชิ่งและยังคงจู้จี้จุกจิกเรื่องเขา “แกเจ้าเด็กเลว ทำไมแกไม่รู้สิ่งเหล่านั้นบ้าง ฉันเคยบอกแกหลายครั้งแล้วว่าแกต้องออกเดทให้เร็วที่สุดจากนั้นก็แต่งงานทันทีที่มีโอกาส
อย่างไรก็ตามจ๋ายหวินเชิ่งเคยชินกับการจู้จี้ของท่านผู้เฒ่าจ๋ายแล้ว พอฟังคำพูดของท่านผู้เฒ่าจ๋ายเขาก็เริ่มทำท่าง่วง
อารมณ์ของท่านผู้เฒ่าจ๋ายหดหู่ขณะที่เขามองไปที่หลานชายของตนเอง
เขายอมแพ้เลิกจู้จี้ จากนั้นเขาก็เรียกหยูซื่อเหมี่ยวให้ไปกับเขาที่ห้องใกล้ๆ
หยูซื่อเหมี่ยวตามหลังท่านผู้เฒ่าจ๋ายไป
อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com
“นั่ง” ท่านผู้เฒ่าจ๋ายบอกหยูซื่อเหมี่ยว จากนั้นหยูซื่อเหมี่ยวจึงค่อยกล้าที่จะนั่งลง
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะนั่งลงแล้ว หยูซื่อเหมี่ยวก็ไม่กล้าที่จะผ่อนคลาย
“หวินเชิ่งทำให้นายหนักใจในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ขอบคุณที่ดูแลเขา” ท่านผู้เฒ่าจ๋ายกล่าว เขาแสดงความขอบคุณต่อหยูซื่อเหมี่ยว
“ด้วยความยินดีครับ นั่นไม่มีปัญหาเลย”
“อย่าบอกว่าไม่มีปัญหา ฉันรู้จักเขาดีกว่านาย” ท่านผู้เฒ่าจ๋ายตอบ เขาถอนหายใจยาวๆก่อนจะพูดต่อ “นายคิดว่าฉันกดดันให้เขาแต่งงาน เพื่อที่เราจะได้มีลูกหลานให้ตระกูลจ๋ายของเราหรือเปล่า”
หยูซื่อเหมี่ยวไม่กล้าตอบคำถามนี้ เขานั่งตัวตรงและรอให้ท่านผู้เฒ่าจ๋ายพูดต่อ
ท่านผู้เฒ่าจ๋ายยังคงพูดต่อไป “ถ้าฉันอยากมีทายาทสำหรับตระกูลจ๋าย นั่นจะมีประโยชน์กับฉันมากกว่าที่จะบังคับให้ลุงคนที่สองเขาให้หลานอีกคนกับฉัน ฉันต้องการเหลน ที่จริงแล้ว ฉันต้องการให้เขาเกิดความลังเลหากจะต้องจากโลกนี้ไป”
บางทีถ้าเขามีภรรยาและลูก เขาจะให้ความสำคัญกับชีวิตตัวเองมากขึ้น
ในชีวิตเขา ท่านผู้เฒ่าจ๋ายได้เห็นสิ่งต่างๆมากมาย ในสายตาของคนนอกไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้
อย่างไรก็ตามใครจะรู้ถึงความขมขื่นในใจของชายชรา
มีเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในตระกูลจ๋าย ลูกชายคนโตและลูกสะใภ้เขาได้จากโลกนี้ไปแล้ว
หลานชายคนเดียวก็มีความผูกพันกับโลกใบนี้น้อยมาก เขาปฏิเสธที่จะใช้ชีวิตอย่างจริงจัง
เมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดที่ออกมาจากใจของท่านผู้เฒ่าจ๋าย หยูซื่อเหมี่ยวไม่กล้าพูด
เขาเป็นแค่คนนอก ไม่มีที่ให้เขาพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องราวของตระกูลจ๋าย
ท่านผู้เฒ่าจ๋ายยังคงคร่ำครวญ “ฉันต้องการให้เขาพบใครสักคนที่เข้าใจเขาได้ ฉันต้องการให้เขาพบคนที่เขาต้องการปกป้องและรัก ถ้าเขาเจอคนแบบนั้น เขาจะหวงชีวิตของตัวเองมากขึ้น”
“ท่านผู้เฒ่าจ๋ายโปรดอย่ากังวล นายท่านเชิ่งยังเด็ก เขาต้องเจอคนแบบนั้นแน่นอน”
“ฉันกลัวว่าฉันจะไม่มีโอกาสได้รอ เขาจะฆ่าตัวตายไปเสียก่อนที่จะเจอคนแบบนั้น”
ดวงตาของท่านผู้เฒ่าจ๋ายเต็มไปด้วยความไร้พลังอำนาจ
หลังจากคร่ำครวญเกี่ยวกับหลานชายเขาแล้ว ท่านผู้เฒ่าจ๋ายก็ถามหยูซื่อเหมี่ยวเกี่ยวกับบางสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลจ๋าย ไม่ว่าอย่างไร เรื่องนี้ก็เป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงอย่างมากในเป่ยจิงมาระยะหนึ่งแล้ว
“นายรู้ไหมว่าตระกูลฉินส่งคนมาที่เมืองเหิงหยวน เพื่อตามหาลูกชายนอกสมรสของพวกเขา”