เซี่ยฉิงกงยังคงอิงไหล่มู่เฉินฮ่าวหลับใหลอย่างเป็นสุข ที่เธองวยเงียตื่นขึ้นมาก็เพราะหมั่นโถวปลุก
“เมื่อกี้คุณนอนน้ำลายยืด”
มู่เฉินฮ่าวพูดติดตลก ทำให้เซี่ยฉิงกงตาสว่าง เธอหันไปมองเขา จึงพบว่าเธอถูกหลอก
เธอใช้ส้นรองเท้าส้นสูงเหยียบมู่เฉินฮ่าวอย่างแรง โต้กลับอย่างไม่ลดราวาศอก
“คุณนั่นแหละที่นอนน้ำลายยืด !”
“เอาล่ะ ลงจากรถกันเถอะ พ่อของหนูและคนอื่น ๆ รอเราอยู่แล้ว”
มู่จื่อหมิงก้าวลงจากรถ จากนั้นก็หันกลับมามองคู่ตุนาหงันทั้งสองคน จึงได้เห็นท่าทีของลูกสะใภ้ที่ไม่รู้จะร้องไห้ หรือหัวเราะดี
ครั้นทั้งสามคนลงจากรถเรียบร้อย เซี่ยเจิ้งหัวก็ทักทายขึ้นทันที
“มู่จื่อหมิง ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“อืม เหล่าเซี่ย ไม่นึกเลยว่าเจอกันอีกครั้ง เราจะกลายเป็นดองกันได้”
มู่จื่อหมิง และเซี่ยเจิ้งหัวไม่ได้พบเจอกันนานกว่าสิบปี เพราะในช่วงเวลานั้นพวกเขาต่างก็ไม่ชอบหน้ากัน
มู่จื่อหมิงไม่ชอบใจ เพราะเขารู้สึกว่าเซี่ยเจิ้งหัวไม่คู่ควรกับน่าหลานเซวี่ย ส่วนเซี่ยเจิ้งหัวก็รู้สึกอิจฉาที่มู่จื่อหมิงและน่าหลานเซวี่ยสนิทสนมกันมาตั้งแต่ยังเด็ก
นอกจากนี้ภายหลังจากที่น่าหลานเซวี่ยให้กำเนิดเซี่ยฉิงกง เซี่ยฉิงกงก็ถูกลักพาตัวไป ณ ตอนนั้นที่โรงพยาบาลไม่มีกล้องวงจรปิด น่าหลานเซวี่ยโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก เป็นเหตุให้สุขภาพของเธอย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ หลังจากที่เธอเสียชีวิต มู่จื่อหมิงก็รู้สึกเสียใจ นับแต่นั้นมาเขาก็ไม่ยอมมีปฏิสัมพันธ์กับตระกูลเซี่ยอีกเลย
ครั้งนี้เป็นเพราะธุรกิจของตระกูลเซี่ยเกิดวิกฤติ ทั้งที่แท้จริง แล้วตระกูลเซี่ยมีคู่ค้ามากมาย ทว่ากลับไม่มีใครเต็มใจที่จะช่วยเหลือ เซี่ยเจิ้งหัวจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพยายามเข้าพบมู่จื่อหมิง
ด้านมู่จื่อหมิงก็มีเงื่อนไข คือ ทั้งสองครอบครัวต้องดองกัน และผู้ที่จะต้องเข้าพิธีวิวาห์ก็จะต้องเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลเซี่ย ! ลูกสาวของน่าหลานเซวี่ย
แท้จริงแล้ว หลังจากที่น่าหลานเซวี่ยเสียชีวิตในปีนั้น เซี่ยเจิ้งหัวก็พยายามตามหาเซี่ยฉิงกงอยู่ระยะหนึ่ง ทว่าท้ายสุดเขาก็ไม่สามารถต้านทานลมปากที่คอยเป่าหูจากคู่เรียงเคียงหมอนเช่นเจินเมี่ยวหยูได้ ด้วยเหตุนี้หลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เหตุการณ์ในครั้งนั้น นัยน์ตาของเขาจึงมืดบอด เขาล้มเลิกความคิดที่จะตามหาเซี่ยฉิงกงกลับคืนมา …
“คุณพ่อ คุณน้า”
เซี่ยฉิงกงเรียกออกมาเสียงดัง แม้ว่าเจินเมี่ยวหยูจะมีความไม่พอใจอยู่ในใจ หากแต่ก็ไม่ใช่เวลาที่จะต่อต้าน
เจินเมี่ยวหยูทำได้เพียงยิ้ม เธอยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ตอบสนองใด ๆ หลังจากงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของเซี่ยเจิ้งหัวแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเสแสร้งทำตัวเป็นเป็นภรรยาที่แสนดี และแม่ที่แสนดีอีกต่อไป
“เข้าไปนั่งคุยกันในบ้านดีกว่า”
ครั้นเซี่ยเจิ้งหัวได้ยินเสียงเซี่ยฉิงกงเอ่ยเรียก ใบหน้าของเขาก็พลันอบอุ่นขึ้น เขามองมู่เฉินฮ่าวกุมมือเซี่ยฉิงกงไม่ยอมปล่อย ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เขาก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น
แต่จะอย่างไรก็ตาม เขาก็ยังรู้สึกผิดต่อเซี่ยฉิงกงลูกสาวคนโตของเขาอยู่ดี
ทั้งหมดพากันเดินเข้าไปในบ้าน เมื่อต่างก็นั่งกันเรียบร้อยแล้ว มู่จื่อหมิงก็พูดขึ้นว่า
“เหล่าเซี่ย วันนี้ผมมาที่นี่ก็เพื่อหารือกับคุณเกี่ยวกับเรื่องหมั้นหมายของเด็กทั้งสองคนนี้ ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเด็กทั้งสองก็เรียกได้ว่าราบรื่นมาก วันที่ 17 เดือนนี้เป็นวันดีแต่หากคุณมีวันอื่นอีกก็ว่ามาพวกเราจะได้เลือกกัน … “
มู่จื่อหมิงยังไม่ทันจะได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น เขาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงที่อยู่ในชุดนอน เสื้อผ้ายับย่น ผมเผ้ายุ่งเหยิงในมือถือมีดวิ่งออกมา พร้อมกับตะโกนว่า
“เซี่ยฉิงกงออกไปจากที่นี่ เดี๋ยวนี้นะ ! ทำไมแกยังมีหน้ามาที่นี่อีก ทั้งที่แกทำกับฉันขนาดนั้น ทำไม ?”
เซี่ยชิงฉวนพุ่งตัวเข้าหาเซี่ยฉิงกงพร้อมมีด เธอหมายจะกรีดใบหน้าของเซี่ยฉิงกง
เซี่ยฉิงกงสะดุ้ง เธอรีบหลับตาโดยไม่รู้ตัว
ทว่าก่อนที่คมมีดจะกรีดลงบนใบหน้าของเซี่ยฉิงกง หมั่นโถวก็ถีบเข้าที่บริเวณท้องน้อยของเซี่ยชิงฉวน และด้วยลูกถีบนี้ เซี่ยชิงฉวนถึงกับลอยละลิ่วออกไปครึ่งเมตร เธอยกมือขึ้นกุมท้องด้วยความเจ็บปวด
“ชิงฉวน !”
เจินเมี่ยวหยูกรีดร้องลั่น สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที เธอรีบลุกจากที่นั่งของตน
***จบตอน เซี่ยชิงฉวนถูกถีบ***