หลังถูกทำร้ายร่างกายซ่งหลินหลินทำเพียงบอกผู้จัดการของเธอให้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นกับทางไห่รุ่ย อย่างน้อยเธอก็ต้องแจ้งให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของไห่รุ่ยทราบ พวกเขาจะได้ไม่งุนงงหากอยู่ๆ สื่อมวลชนตั้งคำถามกับพวกเขา
ไป๋ชิงอีคงเป็นคนมือหนักแน่ สำหรับเธอแล้วการสั่งสอนบทเรียนให้กับคนอื่นถือว่าเป็นเกมเด็กเล่น
ทั้งไห่รุ่ยและถังหนิงไม่อาจปกป้องซ่งหลินหลินได้ สุดท้ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดจึงกลายเป็นฝันร้ายสำหรับเธอ
เธอถูกล้อเล่นกับความรู้สึก เจ็บไปทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมกับหน้าที่การงานที่พังพินาศ ซ่งหลินหลินไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงคนไหนบนโลกใบนี้ที่จะน่าสงสารไปมากกว่าเธอ ที่แย่ที่สุดคือการที่ไป๋ชิงอียังตามรังควานและโจมตีเธอไม่เลิกรา
ซ่งหลินหลินนึกอยากจะฆ่าตัวตายเสียเดี๋ยวนี้…
เมื่อถังหนิงรู้เรื่อง เป็นอีกครั้งที่เธอไปเยี่ยมที่บ้านซ่งหลินหลิน พอได้เห็นเธอนอนอยู่บนเตียงพร้อมบาดแผลเต็มตัว ถังหนิงถึงกับอึ้งไป
“ฉันเพิ่งเจอคุณไปไม่นานมานี้เอง…”
“ถ้าไป๋ชิงอีอยากจะเล่นงานฉัน คุณก็ห้ามเธอไม่ได้หรอกค่ะ เว้นเสียว่าคุณจะคอยจับตาดูฉันตลอดเวลานั่นแหละ” ซ่งหลินหลินว่าขึ้นอย่างเย้ยหยันตัวเอง “ถังหนิง ทำไมพวกคุณไม่ส่งฉันไปให้ซะให้จบๆ ล่ะ บางทีนั่นอาจจะทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นบ้างก็ได้นะคะ”
“ส่งคุณไปเหรอ คุณประเมินไห่รุ่ยต่ำไปแล้วล่ะค่ะ…” ถังหนิงเอ่ยเสียงแข็ง “ฉันบอกให้ลู่เช่อหาบอดีการ์ดสองคนมาให้คุณแล้ว ถ้ามีเรื่องเกิดขึ้นอีกก็เรียกพวกเขาได้เลยค่ะ อย่างน้อยมันก็ทำให้คุณไม่เจ็บตัวไปมากกว่านี้”
“แต่ถ้าคุณทำอย่างนั้นคุณจะมีเรื่องกับตระกูลไป๋ไม่ใช่เหรอคะ คุณไม่ได้บอกว่ากลัวจะสร้างศัตรูให้ประธานโม่เหรอคะ”
“แค่เพราะกลัวจะสร้างศัตรู มันไม่ได้หมายความว่าฉันจะลืมอุดมการณ์ของฉันหรอกนะคะ” ถังหนิงตอบด้วยท่าทีจริงจัง “ที่ผ่านมา ฉันไม่…”
“คุณไม่เคยโจมตีคนที่ไม่ได้โจมตีคุณก่อน!” ซ่งหลินหลินเอ่ยแทรกพร้อมเสียงหัวเราะ “แต่ว่า ถังหนิง คุณเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ นะคะ ฉันรู้ว่าภายนอกคุณดูเข้าถึงยากและเย็นชา แต่จริงๆ แล้วในใจคุณเป็นคนอบอุ่นและเห็นอกเห็นใจจนทำทุกอย่างเพื่อเพื่อนของคุณ ฉันโชคดีมากแล้วค่ะที่ได้เป็นเพื่อนของคุณ…”
“อย่าเศร้าไปเลยค่ะถ้าไป๋ชิงอีมาหาเรื่องคุณได้ ฉันก็ทำให้เธอพ่ายแพ้ในสถานการณ์อย่างนี้ได้เหมือนกัน แค่เพราะว่าเธอมีเงินไม่ได้หมายความว่าเธอทำทุกอย่างได้ตามใจหรอกนะคะ”
ดูจากวิธีของไป่ชิงอีแล้ว ดูเหมือนว่าเธอกำลังบีบให้ซ่งหลินหลินถึงแก่ชีวิต
อย่างไรเสียก็มีคนไม่มากที่ทนกับการทำร้ายร่างกายที่ซ่งหลินหลินเจอขนาดนี้ได้
ว่าแต่แล้วสามีชั่วช้าของเธอละ
เดิมทีไป๋ชิงอีนั้นตกเป็นเหยื่อเช่นกัน ทว่าในตอนนี้ลมได้เปลี่ยนทิศแล้ว แม้ว่าซ่งหลินหลินจะทำร้ายเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็ไม่มีเหตุผลที่ไป๋ชิงอีจะใช้วิธีรุนแรงกับเธอขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอหมายจะเอาชีวิตของซ่งหลินหลินด้วยการโจมตีที่เธอใช้จัดการอีกฝ่าย
หลังจากเยี่ยมซ่งหลินหลิน ถังหนิงกลับมาที่ไห่รุ่ย ทันทีที่เข้ามาในห้องทำงานโม่ถิง เธอนั่งลงโดยไม่พูดสักคำ
โม่ถิงสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของเธอจึงถามขึ้น “เธอบาดเจ็บสาหัสเหรอครับ”
“ไม่ใช่แค่สาหัสนะคะ เธอเกือบจะตายเลยต่างหาก!” ถังหนิงตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “ถิงคะ ไป๋ชิงอีทำเกินไปแล้วนะคะ”
เมื่อคิดในมุมมองของไป๋ชิงอี หากจะสั่งสอนบทเรียนให้กับภรรยาน้อยก็ถือว่าไม่ผิด แต่เธอก็ต้องมีขอบเขตบ้าง
ครั้งหนึ่งถังหนิงเองก็จงเกลียดจงชังหันอวี่ฝานกับโม่อวี่โหรวเช่นกัน หากแต่เธอไม่เคยทำร้ายร่างกายพวกเขาแม้แต่น้อย ความรุนแรงทางกายไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดใครได้ทั้งนั้น
แต่แน่นอนว่าดูท่าไป๋ชิงอีจะไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เธอนึกถึงเพียงความสะใจของตัวเองเท่านั้น…
“คุณวางแผนจะทำยังไงล่ะครับ” โม่ถิงถามขึ้นมาเบาๆ “คุณจะทำอย่างที่คุณทำมาตลอดเหรอ”
“แน่นอนค่ะ…” บทสนทนาของคู่รักทั้งสั้นและเรียบง่าย ด้วยพวกเขาเข้าใจกันและกันอยู่แล้ว
โม่ถิงรู้ว่าถังหนิงต้องการทำอะไร และถังหนิงก็ต้องการความช่วยเหลือของโม่ถิง
ทั้งคู่เข้าใจกันและกันในทันที…
…
ซ่งหลินหลินยังคงเป็นศิลปินของไห่รุ่ย ไห่รุ่ยจึงต้องรับผิดชอบรักษาความปลอดภัยให้เธอ
ในเมื่อไป๋ชิงอีไม่รู้ขอบเขตของตัวเอง ถังหนิงก็ไม่มีทางเลือกนอกจากตอบโต้กลับ
เธอเป็นลูกสาวของแชมป์มวยปล้ำแล้วอย่างไรล่ะ คนที่สมควรถูกจัดการก็ควรถูกจัดการ! ไห่รุ่ยไม่เคยกลัวใครหน้าไหนอยู่แล้ว!
ถังหนิงจึงตัดสินใจวางแผนแก้ข่าวให้กับซ่งหลินหลินอย่างที่เคยทำครั้งที่อยู่ที่จู้ซิงมีเดีย เธอกำลังทำเหมือนกับซ่งหลินหลินเป็นศิลปินของเธอที่กำลังตกต่ำในหน้าที่การงาน และจะช่วยให้เธอกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้ ถังหนิง ฟังอวี้ และฝ่ายประชาสัมพันธ์ของไห่รุ่ยจึงนัดประชุมกัน
“เราจะแก้ปัญหานี้กันสามช่วง ช่วงแรกเราจะปล่อยแถลงการณ์ไปทั่วโลกออนไลน์ ชี้แจงว่าซ่งหลินหลินไม่ได้ตั้งใจเข้าไปเป็นมือที่สาม พร้อมแนบข้อความที่พวกเขาคุยกันนี้เป็นหลักฐาน
“ช่วงที่สอง เราต้องเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคนไปที่ไอ้สารเลวนั่น นี่เป็นผลกระทบที่เขาต้องเจอ หลังจากทุกคนหันไปสนใจไอ้หมอนั่น ก็จะเปิดโปงว่าไป๋ชิงอีส่งคนไปทำร้ายร่างกายซ่งหลินหลิน
“ช่วงที่สามซึ่งสำคัญที่สุด ถ้านักมวยปล้ำคนนั้นตัดสินใจจะสยบข่าว เราต้องทำให้มั่นใจว่าไป๋ชิงอีจะขึ้นพาดหัวข่าวที่ร้อนแรงที่สุดทั้งอาทิตย์ ถ้าไป๋ชิงอีร้องไห้และบอกว่าเธอตัดสินใจชั่ววูบลงไปเพราะเธอเจ็บปวดเต็มที เราก็จะจัดงานแถลงข่าวให้ซ่งหลินหลินแล้วแฉเรื่องที่ไป๋ชิงอีข่มขู่เธอ
“เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับวงการกีฬาด้วย และคนอื่นอาจจะยกศักดิ์ศรีของประเทศชาติมาอ้าง แต่พวกเขาเอามันมาเป็นข้ออ้างในการทำเรื่องร้ายกาจอย่างนี้ไม่ได้
“ข้อดีของแผนนี้คือการเปิดโปงให้สาธารณชนรู้จะกันไม่ให้ไป๋ชิงอีเล่นงานซ่งหลินหลินอีก
“แล้วในวงการบันเทิงคนของไห่รุ่ยก็จะมาล้อเล่นด้วยไม่ได้ง่ายๆ ด้วย”
หลังจากได้ยินสิ่งที่ถังหนิงพูด ฟังอวี้ก็พยักหน้า “ตอนนี้ชุนชิวขยับขยายขึ้น พวกเขาจับตามองเราอยู่ตลอดเวลา เราเลยต้องเข้มงวดกับเรื่องนี้
“ไม่มีใครจะมาท้าทายตำแหน่งนายใหญ่ไปได้”
ต่อไปนี้งานของฟังอวี้คือการทำให้มั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน ในขณะที่ถังหนิงคอยระวังความเคลื่อนไหวของไป๋ชิงอีและพ่อแชมป์มวยปล้ำของเธอ และเฝ้าดูเจตนาของพวกเขา
…
หลังจากผู้อาวุโสหนานกงรู้เรื่องปัญหาที่ไห่รุ่ย เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ถ้าเป็นบริษัทอื่น พวกเขาคงทิ้งศิลปินธรรมดาไปแล้ว วันนี้เราเสียนักร้องคนนี้ไป แต่พรุ่งนี้คนอื่นก็จะขึ้นมาดังแทน”
เมื่อได้ยินผู้อาวุโสหนานกง ก็เป็นธรรมดาที่หนานกงเฉวียนจะไม่เห็นด้วย “หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้เป็นไห่รุ่ยในทุกวันนี้ก็คือความเป็นหนึ่งเดียวกันของพวกเขา เธออาจเป็นแค่ศิลปินแต่ไห่รุ่ยก็ไม่คิดทิ้งเธอ ศิลปินคนอื่นๆ เลยเห็นตัวเองในตัวเธอไงครับ
“ตลอดหลายปีมานี้ถึงไม่มีใครมีเหตุผลต้องออกจากไห่รุ่ย
“โม่ถิงสร้างไห่รุ่ยมาด้วยความซื่อสัตย์”
“มันอาจจะดูเป็นความคิดที่ดี แต่เขาก็มีเรื่องกับหลายคนเลยนี่” ชายสูงวัยว่าขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ยากที่จะเลี่ยงการแข่งขันในวงการนี้ ไม่มีใครทำอะไรได้สมบูรณ์แบบหรอกครับ ไห่รุ่ยพิเศษเพราะรักษาคุณธรรมเอาไว้ไงครับ”
“ดูแกจะเห็นด้วยกับการบริหารไห่รุ่ยของตระกูลโม่สินะ” ผู้อาวุโสหนานกงรู้ว่าหนานกงเฉวียนกำลังบอกอะไร และรู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อย
“ผมแค่พูดความจริงครับ” สิ้นคำ หนานกงเฉวียนก็หันหลังจากไป ทิ้งให้ชายแก่ดื่มไวน์แก้เบื่อเพียงลำพัง