“โม่ถิงคิดว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จทุกอย่างเหรอ มาดูกันว่าครั้งนี้เขาจะทำยังไง…”
ไม่ว่าใครจะชนะหรือแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้ มันก็นับว่าเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ขยับขยายธุรกิจ
การอยู่เฉยๆ และปล่อยให้พวกเขาสู้กันเองมันก็ดีกว่าไม่ใช่หรือ
อย่างไรเสียเขาก็ยังมีของขวัญเตรียมให้ตระกูลโม่รอให้โม่ถิงกับถังหนิงรับไว้อีกสองชิ้น เขาไม่ได้เลือดเย็นเสียทีเดียวหรอก เขาจะไม่เตะใครซ้ำในขณะที่พวกเขาลำบากอยู่ จึงรอจนกว่าเรื่องของซ่งหลินหลินจะจบลงก่อนจะส่งของขวัญไปให้พวกเขา
…
หนานกงเฉวียนรู้ว่าการเจรจากับผู้อาวุโสหนานกงเป็นเรื่องยาก เขาจึงจงใจเลี่ยงชายแก่ จนถึงวันนี้นี่เป็นทางที่ดีที่สุดที่จะอยู่กับเขาได้อย่างสันติ
ตราบใดที่มันไม่ได้ฝืนกับศีลธรรมในใจของเขา เขายอมถอยและยังทำตัววางเฉย แน่นอนว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเสี่ยวต้านเขอและซูโยวหรานนั้นเป็นข้อยกเว้น
คืนนั้นหนานกงเฉวียนกลับมาที่ห้องนอนหลังจากเสร็จงานแล้ว เขาเห็นภรรยากำลังพับผ้าอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะกอดเธอจากข้างหลัง
“ฉันได้ยินเรื่องที่คุณพูดกับปู่แล้วค่ะ ปู่คงอยากจะเห็นตระกูลโม่พังพินาศ แต่คุณก็ยังไปเถียงปู่เสียขนาดนั้น” ซูโยวหรานกลัวจะต้องเห็นชายทั้งสองคนเข้าหน้ากันไม่ติด
“ผมแค่พูดความจริงกับเขาครับเองครับ สิ่งที่แย่ที่สุดเวลาทำธุรกิจคือการทับถมคนอื่น ถึงมีใครกำลังเดือดร้อนอยู่ คุณก็ต้องดูว่าพวกเขาแก้ปัญหายังไงก่อนจะไปตัดสินนะครับ” หนานกงเฉวียนตอบเสียงเรียบ
“นี่เป็นความแตกต่างที่สุดระหว่างคุณกับปู่เลยนะคะ คุณไม่ได้เกลียดตระกูลโม่”
ซูโยวหรานมองขณะที่หนานกงเฉวียนถอดเสื้อสูทและวางไว้ด้านข้าง “ฉันก็ไม่ได้เกลียดพวกเขาเหมือนกันค่ะ แต่เราก็ยังต้องนึกถึงความรู้สึกของปู่ด้วยนะคะ”
“คุณรู้ไหมว่าผมคิดอะไรอยู่ ผมกำลังหวังว่าปู่จะไม่โจมตีตระกูลโม่ในเวลาอย่างนี้ครับ”
ผู้อาวุโสหนานกงกำลังเพลิดเพลินกับการแสดงเป็นอย่างมาก เป็นไปได้ที่เขาจะพยายามหาทางแก้แค้น
ไม่มีใครมั่นใจได้
ในอีกฟากหนึ่ง ไห่รุ่ยตัดสินใจเลิกใช้ไม้อ่อนและนำมาตรการการแก้ข่าวขั้นรุนแรงมาใช้
ก่อนอื่นอย่างที่ถังหนิงได้สั่งไว้ ไห่รุ่ยร่วมมือกับสื่อเพื่อปล่อยแถลงการณ์ไปทั่วโลกออนไลน์โดยเน้นย้ำว่าซ่งหลินหลินไม่ใช่ภรรยาน้อย แม้ว่าพวกเขาจะถูกสงสัยว่าพยายามแก้ตัวให้เธออยู่ วิธีการให้ข้อมูลนี้ก็ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจประเด็นหลัก
อันดับแรก ซ่งหลินหลินมีหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าเธอถูกหลอก
และอันดับต่อมา ไอ้สารเลวนั่นไม่ออกมาพูดอะไรตั้งแต่แรก และหลบอยู่หลังภรรยาตัวเองอย่างกับคนขี้ขลาดตาขาว
ด้วยเหตุนี้กระแสเรื่องซ่งหลินหลินจึงเริ่มย้อนไปอีกทิศทางหนึ่ง
ทว่าทำไมเรื่องนี้ถึงเป็นที่พูดถึงกันขนาดนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะว่ามีแชมป์มวยปล้ำเข้ามาเกี่ยวข้อง และวงการกีฬานั้นได้พลอยเดือดร้อนไปด้วย
ตอนนี้ไห่รุ่ยได้เบี่ยงเบนความสนใจของทุกคนไปทางไอ้สารเลวคนนั้น เป็นธรรมดาที่สาธารณชนจะให้ความร่วมมือด้วยการรุมประณามเขา
[ในความสัมพันธ์นี้ ผู้หญิงไม่รู้อีโหน่อีเหน่บริจาคเงินทั้งหมดของเธอและแบกรับทุกอย่างเอาไว้คนเดียว ในขณะที่ฝ่ายชายหลบอยู่ในบ้านอย่างขี้ขลาด ไม่ยุติธรรมเลย!]
[ถึงซ่งหลินหลินจะทำบางอย่างผิดไป เธอก็เป็นเหยื่อเหมือนกันนะ ฝ่ายชายปลอมใบหย่าเพื่อจงใจหลอกเธอด้วยซ้ำ เธอจะไม่หลงเชื่อยังไงละ]
[ออกมาพูดสักอย่างสิ ไอ้เลว! คุณทำลายชีวิตของคนคนหนึ่งแต่ยังทำได้แค่ซ่อนตัวเนี่ยนะ คุณนี่มันแย่ซะยิ่งกว่าสัตว์อีก!]
แน่นอนว่ากระแสตอบรับนี้เป็นผลจากการปลุกปั่นของไห่รุ่ย ตอนนี้ผู้คนได้ขึ้นมาอยู่ในขบวนความคิดที่ถูกที่ควรแล้ว
ทำไมโลกนี้ถึงได้ยกโทษให้ผู้ชายขนาดนี้ เห็นกันชัดๆ ว่าเขาทำร้ายผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวถึงสองคน แต่เขาก็ยังหวังให้พวกเธอชดใช้กับสิ่งที่เขาทำผิด
ทุกคนต่างพูดถึงนักร้องหญิงที่ชีวิตรักพัง ทำไมถึงไม่พาดหัวข่าวว่าไอ้ชั่วหลอกให้ใครบางคนหลงรักแทนบ้าง
ข้อถกเถียงของทุกคนเปลี่ยนไปโดยปริยายด้วยการชี้นำของไห่รุ่ย…
อย่างน้อยตอนนี้ก็มั่นใจได้แล้วว่าซ่งหลินหลินนั้นได้ตกเป็นเหยื่อ ถังหนิงต้องการให้ทุกคนรู้ว่าผู้หญิงที่พวกเขาเรียกว่า นังแพศยาที่พวกเขารุมประณามว่าเป็น นังหน้าด้าน แท้จริงแล้วคือผู้ถูกกระทำ เมื่อพวกเขาได้รู้เรื่องนี้ก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา
ไม่นานซ่งหลินหลินก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ส่งมาจากไห่รุ่ย
หากแต่เป็นธรรมดาที่มันจะกระตุ้นให้คู่อริของเธอโกรธ
“น่าสนใจจริงๆ ไห่รุ่ยไม่ปล่อยเรื่องของศิลปินธรรมดาคนหนึ่งไปจริงๆ สินะ…”
อย่างไรก็ตามเมื่อเธอนึกถึงสถานการณ์ ก็ถูกของไห่รุ่ย เธอยังไม่ได้ตามไปจัดการไอ้เลวนั่น หากไห่รุ่ยไม่พูดถึง เธอคงจะเอาแต่สนใจซ่งหลินหลิน
ตลอดช่วงเวลานี้ สามีของไป๋ชิงอีรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการซี่โครงหักซึ่งเป็นเพราะพ่อแชมป์มวยมวยปล้ำของเธอ เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากนอนติดเตียงและพักฟื้นร่างกาย
“ดูท่าแล้วร่างกายคุณคงดีวันดีคืนสินะคะ”
ไป๋ชิงอีส่งชามซุปไก่ที่ซื้อมาจากร้านอาหารข้างนอกให้สามี “ถ้าคุณพร้อมแล้วก็ออกจากโรงพยาบาลเถอะค่ะ มีนักข่าวมารอคุณด้านนอกเพียบเลย”
“ไป๋ชิงอี ถ้ามีอะไรอยากจะพูดก็พูดมาเถอะ เลิกอ้อมค้อมสักที คุณไม่เหนื่อยบ้างเหรอ” ชายร่างท้วมถามพลางเหลือบมองภรรยาตัวเอง เขาออกจะอายุมากไปสักหน่อยแต่ก็ยังคงเสน่ห์เอาไว้ ดูออกได้ไม่ยากว่าเขาค่อนข้างหน้าตาดีตอนที่ยังหนุ่ม
“ทีอย่างนี้พูดตรงจังนะคะ…”
“คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมผมถึงออกไปหาผู้หญิงคนอื่นข้างนอก เพราะความคิดของคุณไงละ คุณคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าหรืออะไรทำนองนั้นเหรอ”
ไป๋ชิงอีกำลังเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ ทันทีที่ได้ยินสามีว่าเช่นนั้นเธอก็พ่นหมากฝรั่งใส่หน้าเขา “ออกจากโรงพยาบาลเถอะค่ะ ทั้งโลกกำลังรอให้คุณออกมาชี้แจงอยู่ ซ่งหลินหลินบอกว่าเธอเป็นผู้บริสุทธิ์แล้วคุณก็หลอกเธอ คุณจะว่ายังไงละคะ”
เขาก้มหน้าและเงียบไป เพราะเขาหลอกซ่งหลินหลินจริง…
นับตั้งแต่ที่เขาเริ่มตามจีบเธอ เขาก็บอกเธอว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่หย่าแล้ว…
“ตอนนี้ทุกคนเรียกคุณว่าไอ้สารเลวที่ทำร้ายผู้หญิงถึงสองคน คอยดูแล้วกันว่าคุณจะทำยังไงกับเรื่องนี้”
เขาขำออกมาอย่างเย้ยหยันก่อนตอบ “ถ้าผมต้องเลือก คงเลือกซ่งหลินหลินอยู่แล้วละ อย่างน้อยเธอก็เอาใจใส่ผมแล้วผมก็รักเธอจริงๆ ด้วย ต่อให้ต้องเสียทุกอย่างไปผมก็จะปกป้องเธอ…”
“คุณแน่ใจเหรอ” ไป่ชิงอีหัวเราะ “คุณไม่กลัวความลับของบริษัทคุณจะถูกเปิดโปงเหรอไง”
“คุณวางแผนจะทำอะไร”
“ในเมื่อคุณเป็นสามีของฉัน ฉันก็ต้องช่วยคุณอยู่แล้วสิ” เธอเหยียดยิ้ม “ยังไงเราก็แต่งงานกันนี่…”
ชายหนุ่มดูไม่พอใจนัก เห็นได้ชัดว่าเขาอยากเป็นอิสระจากการบงการของผู้หญิงคนนี้
เขาใช้ชีวิตใต้เงาของไป๋ชิงอีมานานหลายปีแล้ว เขาเบื่อหน่ายเต็มที…
“ซ่งหลินหลินเที่ยวป่าวประกาศไปทั่วว่าคุณหลอกลวงเธอ และเธอเองก็ตกเป็นเหยื่อเหมือนกัน ฉันอยากให้คุณออกไปบอกกับสื่อว่าซ่งหลินหลินรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณยังไม่ได้หย่า เธอปลอมข้อความที่คุยกันขึ้นมาเองจะได้พ้นจากความผิด!
“นักร้องธรรมดาๆ จะมาสู้ภรรยาของคุณได้ยังไงล่ะ จริงไหม” ไป๋ชิงอีปรายตามองสามีของเธอด้วยท่าทีข่มขู่ “ฉันรู้ว่าคุณจัดการเรื่องนี้ได้ดีค่ะ”