ซูโยวหรานหวังว่าเธอเองจะมีคำตอบ ทว่าแม้แต่เธอยังไม่รู้ว่าหนานกงเฉวียนถูกพิษยาอะไรด้วยซ้ำ
สุดท้ายหมอจึงได้ระบุในผลการวินิจฉัยและติดต่อญาติคนไข้ “เราต้องใช้เวลาสักพักเพื่อชี้ชัดว่าอะไรเป็นสาเหตุของอาการคนไข้ ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำร้ายเข้าที่คอด้วยเข็มฉีดยาครับ
“จากผลการตรวจเลือด ยาที่อยู่ในกระแสเลือดคือ โลมาเซน ครับ เป็นยาตัวใหม่ที่ทำให้สมองเป็นอัมพาตได้ อาชญากรมักเอาใช้เพื่อให้เป้าหมายของตัวเองสำเร็จครับ แต่ว่ายาที่อยู่ในกระแสเลือดของสามีของคุณดูเหมือนมันจะถูกพัฒนามา
“ถึงเราจะพยายามอย่างหนักเพื่อถ่ายยาออกจากเลือดของเขา มันก็ยังส่งผลอย่างรวดเร็วและกระทบกระเทือนสมองของเขาไปแล้ว เขาอาจจะต้องอาการสาหัสไปอีกพักใหญ่ เป็นไปไม่ได้ที่เราจะคาดการณ์ได้ว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่เลยครับ คุณต้องเตรียมใจกับกรณีที่เลวร้ายที่สุดไว้นะครับ แล้วเราก็ต้องนึกถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนด้วยครับ”
หลังได้ยินคำวินิจฉัยของหมอ ซูโยวหรานกุมอกและทรุดลงไปกับพื้น
อยู่ๆ เธอก็คิดอยากฆ่าผู้อาวุโสหนานกงเสียเดี๋ยวนี้
แต่จังหวะนั้นเองที่เสี่ยวต้านเขอถามขึ้นอย่างใสซื่อ “แม่ขา พ่อจะตายเหรอคะ”
ขณะที่เธอหันไปมองอัญมณีตัวน้อยที่น่าสงสารของเธอ ซูโยวหรานไม่อาจเมินเฉยเธอไปได้
“ไม่ค่ะ พ่อจะไม่ตาย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพ่อทั้งนั้นนะคะ หนูเชื่อแม่ไหมคะ” ใจของซูโยวหรานพังยับเยิน แต่เธอต้องทำให้เสี่ยวต้านเขออุ่นใจและดูแลเธอให้ดี อย่างไรเสียเธอก็เป็นคนเดียวที่เสี่ยวต้านเขอพึ่งพาได้ในตอนนี้
“แม่ขา หนูกลัวค่ะ…”
“ไม่ต้องกลัวไปนะคะ แม่อยู่นี่แล้วนะ” ซูโยวหรานเอื้อมแขนออกมากอดเสี่ยวต้านเขอไว้พร้อมกับหยดน้ำตาที่ร่วงหล่นลงมา นอกจากการทำเช่นนั้นเธอนึกไม่ออกว่าต้องทำอะไรอีก
ไม่นานซูโยวหรานได้เข้าเยี่ยมสามีของที่ห้องผู้ป่วยวิกฤต เมื่อเห็นเขานอนนิ่งหมดสติอยู่บนเตียงโดยไม่ขยับตัวแม้แต่นิด เธอก็ปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง…
ข่าวนี้เป็นเรื่องใหญ่พอสมควร ไม่นานมันก็ลอยมาถึงหูถังหนิงกับโม่ถิงเช่นกัน
ถังหนิงนึกไม่ถึงว่าผู้อาวุโสหนานกงจะทำรุนแรงขนาดนี้ เพียงเพื่อต้องการคุมบริษัท เขาโหดเหี้ยมถึงขั้นที่ไม่ปล่อยหลานชายตัวเองไปด้วยซ้ำ
“ตอนนี้โยวหรานต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ เลยค่ะ…” ถังหนิงถอนหายใจ “และหนานกงเฉวียน…”
“ผู้อาวุโสหนานกงคงพยายามปักเข็มฉีดยาลงบนคอของผมเหมือนกัน แต่การรักษาความปลอดภัยของไห่รุ่ยแน่นหนามาก เขาเลยหาโอกาสไม่ได้” โม่ถิงบอก
“ฉันอยากไปเยี่ยมโยวหรานจังเลยค่ะ” เธอว่าขึ้น
“อย่าไปเลยครับ ถ้าเธอเจอคุณในเวลาอย่างนี้มันมีแต่จะทำให้เธอรู้สึกแย่ลง” โม่ถิงตอบพลางลูบผมถังหนิง “คุณต้องรู้เอาไว้ว่าผู้อาวุโสหนานกงคงไม่ทำร้ายหลานตัวเอง ถ้าเขาไม่กำลังพยายามหาทางแก้แค้นเรื่องระหว่างสองตระกูล เราทำให้หนานกงเฉวียนต้องเจ็บตัวทางอ้อม ดังนั้นซูโยวหรานมีแต่จะรู้สึกแย่ถ้าเธอเจอเรา”
หลังได้ยินคำตอบของโม่ถิง ถังหนิงพยักหน้ารับ
“ฉันแค่นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นน่ะค่ะ…คิดไม่ถึงเลย…”
“ถ้าเขายอมทำร้ายหลานชายตัวเองได้ แล้วเราจะเหลืออะไรล่ะครับ ก่อนที่เขาจะเล่นงานเรา เราต้องระวังตัวให้มากขึ้น จำได้ไหมครับว่าก่อนหน้านี้คุณบอกให้เลิกตามเขา ตอนนี้คุณคิดยังไงล่ะครับ”
ถังหนิงก้มหน้า เธอประมาทความมุ่งมั่นในการแก้แค้นของชายแก่ไปจริงๆ
แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแล้ว ความเกลียดชังในใจของเขาก็ไม่อาจเลือนหายไป ว่าแต่เรื่องนี้จะโทษใครได้กันล่ะ
ถึงกระนั้นถังหนิงก็ไม่คิดว่าผู้อาวุโสโม่ทำผิดแต่อย่างใด
หากเธอเป็นเขาก็คงจะทำแบบเดียวกัน
“คอยดูว่าตาเฒ่านั่นจะมาไม้ไหนเถอะครับ”
…
หลังจากได้อำนาจเหนือบริษัทมาจากมือหลานชาย สิ่งแรกที่ผู้อาวุโสหนานกงทำคือการประกาศเลื่อนวันออกฉาย ปรสิต ออกไป มันคือเจตนาเบื้องหลังทั้งหมดในการทำร้ายหลานชายของเขา
ถึงทุกคนในบริษัทจะต้องการคัดค้านก็ไม่มีใครกล้าแสดงความเห็น ชะตากรรมที่หนานกงเฉวียนได้รับนับว่าเป็นคำเตือนที่เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ
ชายสูงวัยทำร้ายได้แม้แต่หลานชายตัวเอง ทำไมเขาต้องมาสนใจคนที่ไม่ได้มีความเกี่ยวพันกันด้วยล่ะ
ทุกคนรู้กิตติศัพท์ความโหดเหี้ยมของชายแก่ในสมัยก่อน ตอนนี้เมื่อนึกถึงมัน เขายังรักษาชื่อเสียงตัวเองได้คงเส้นคงวาจริงๆ
“ผมรู้ว่าพวกคุณไม่พอใจกับการตัดสินใจของผม แต่ผมจะพิสูจน์กับพวกคุณว่าการตัดสินใจเลื่อนวันฉายออกไปเป็นสิ่งที่เหมาะสม”
นี่เป็นพูดที่มีแต่เขาที่เชื่อ อย่างไรเสียทุกคนในบริษัทก็รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเขาคืออะไร
คนขี้เมาไม่ได้ดื่มเพราะชมชอบรสชาติเหล้าในมือเสียหน่อย
…
คืนนั้นซูโยวหรานพาเสี่ยวต้านเขอมาเก็บเสื้อผ้าที่บ้าน แต่ผู้อาวุโสหนานกงกลับยืนรอพวกเธออยู่หน้าประตูบ้าน
ซูโยวหรานก้มหน้าและแสร้งทำเป็นไม่เห็นเขา ในขณะที่เธอกำลังจะเดินผ่านเขาไปพร้อมกับเสี่ยวต้านเขอเขาก็เอ่ยรั้งพวกเธอไว้ “แค่ครั้งนี้เท่านั้น ฉันรับรองว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก”
“ฉันไม่อยากคุยกับคุณตอนนี้ค่ะ ได้โปรดออกไปเถอะนะคะ” ซูโยวหรานตอบอย่างเย็นชา “ฉันไม่คิดว่าคนที่เลือดเย็นพอที่จะทำร้ายหลานตัวเองนับได้ว่าเป็นมนุษย์หรอกค่ะ
“เสี่ยวต้านเขออยู่ที่นี่ด้วย ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องแย่ๆ ได้โปรดออกไปเถอะค่ะ”
ผู้อาวุโสหนานกงสูดหายใจลึกขณะหันหลังเดินจากไป
“ถ้าใครสักคนอยากจะทำเลวพวกเขาก็น่าจะเลวให้ถึงที่สุด การทำครึ่งๆ กลางๆ มีแต่จะทำให้คนพากันเกลียดมากกว่าเดิม
ผู้อาวุโสหนานกงไม่รู้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัวเพียงไหน แต่ทุกคนรอบตัวเขาเห็นมันได้อย่างชัดเจน เพื่อสิ่งที่เขาเรียกว่าการแก้แค้น เขาจะยอมเสียไปสักกี่คนถึงจะพอ ซ้ำสำหรับคนนอกแล้ว เขาสมควรได้รับความทุกข์ทรมานที่ผ่านมาแล้ว!
“แม่ขา ทวดเป็นคนทำร้ายพ่อเหรอคะ” เสี่ยวต้านเขออาจจะยังเด็กแต่เธอก็เข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูดกันทั้งหมด
“หนูถึงไม่ควรนับถือเขาเป็นทวดอีกแล้วไงคะ” ซูโยวหรานตอบ “เสี่ยวต้านเขอ อย่าลืมว่าคนที่ทำร้ายคนที่เรารักมากที่สุดคือทวดของหนูนะคะ”
ชายสูงวัยหมายมั่นไว้ในใจ เขาแค่ต้องการสร้างเรื่องวุ่นวายก่อนที่มดราชินีสองจะออกฉายเท่านั้น
เขาเสียสละครั้งใหญ่เพียงเพื่อให้ตระกูลโม่ต้องทุกข์ทรมาน หักหลังตระกูลตัวเองเพียงเพราะจะได้แก้แค้น
ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ถังหนิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นใจ
อย่างไรเสียในโลกใบนี้ก็มีหลายสิ่งที่เธอเอาใจใส่ หากผู้อาวุโสหนานกงพยายามคุกคามหนึ่งในพวกเขา เธอคงไม่อาจออมมือกับเขาได้
ก่อนหน้านี้เธอไม่เข้าใจว่าความเกลียดชังของผู้อาวุโสหนานกงนั้นมีมากขนาดไหน ทว่าตอนนี้เธอได้เห็นคนที่ ยอมทำทุกอย่าง กับตาตัวเองแล้ว
เธออยากจะปลอบใจซูโยวหราน หากแต่เป็นอย่างที่โม่ถิงว่าไว้ การปรากฏตัวของเธอคงไม่ได้เป็นการปลอบใจแต่คงทำให้เธอเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม
ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่เธอทำได้นอกจากคอยระวังตัว… ยานี้ถูกพัฒนาขึ้นเฉพาะ เขาคงมีเจตนาซ่อนเร้น