สารจากถังหนิงนั้นชัดเจน ไม่มีความจำเป็นต้องลอกเลียนแบบชาวอเมริกาเพราะเธอเชื่อว่าพวกเขามีความสามารถพอที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง
คำพูดของฟังอวี้เป็นตัวแทนของไห่รุ่ย ซึ่งหมายความว่าไห่รุ่ยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่าลอกเลีบยแบบและพวกเขามีหลักฐานเพื่อยืนยัน
เป้าหมายของพวกเขาคือบอกกับทุกคนว่ามดราชินีสองเป็นของพวกเขาอย่างเต็มภาคภูมิและไม่มีความเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติน่ารังเกียจแต่อย่างใด
แน่นอนว่าการออกมาของไห่รุ่ยช่วยให้ทุกคนเบาใจได้
[ฉันเป็นอีกคนหนึ่งที่ดูหนังทั้งสองเรื่อง ถ้าเราวิเคราะห์ทั้งสองเรื่องดีๆ หนัง หมาบ้า ที่น่าขันมันไม่เข้าเลยสักนิดเดียว!]
[หรือว่าชาวอเมริกันพยายามจะกาะกระแสความนิยมงั้นเหรอ]
[ฉันเชื่อหมดใจว่ามดราชินีสองเป็นผลงานต้นฉบับ ทำไมพวกเขาต้องลอกเลียนแบบหนังห่วยๆ ด้วย คนอเมริกันต้องพูดบ้าๆ แน่ๆ!]
[ฉันยืนยันที่จะสนับสนุนถังหนิงกับมดราชินีสองหวังว่าไห่รุ่ยจะชนะคดีและทำให้คนอเมริกันหุบปากสักที!]
[แม้แต่วงการฮอลลีวูดยังตกต่ำและค่อยๆ หันมาหาฟากตะวันออก ฉันถึงได้ไม่คิดว่าเราควรเสียความมั่นใจของเราไปไง ต่อให้ไห่รุ่ยจะไม่ออกมาชี้แจงฉันก็ยังจะสนับสนุนถังหนิง ถ้าฉันเชื่อมั่นในตัวเธอฉันก็จะเชื่อจนถึงที่สุด]
ไม่นานไห่รุ่ยก็จัดสำรวจความคิดเห็นของคอภาพยนตร์ในปักกิ่ง ผลที่ได้แสดงให้เห็นว่ามีคนยินดีที่จะเชื่อในผลงานในประเทศมากกว่าคนที่ไม่เชื่อ แม้จะประชันกับวงการฮอลลีวูดพวกเขาก็ไม่ยอมพ่ายแพ้
ผลสำรวจนี้ได้ทำให้ถังหนิงและโม่ถิงอุ่นใจ
ทว่าทนายความชาวอเมริกายังคงปรากฏตัวตามแผน…
….
โม่ถิงสั่งให้ลู่เช่อพาชายกลุ่มนั้นไปนั่งรอในห้องประชุมและบอกให้ไปรับถังหนิงที่บ้าน จากนั้นจึงเรียกทีมกฎหมายและบอกให้ฟังอวี้เริ่มการประชุมก่อน อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ทุกคนที่มีโอกาสประชุมกับโม่ถิงโดยตรง
ฟังอวี้รู้สึกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดชักน่าปวดหัวที่จะจัดการ ด้วยเขาเกลียดการติดต่อกับชาวต่างชาติ แม้ว่าจะมีชาวต่างชาติบางคนที่มีเหตุผล แต่ทีมงานที่อยู่ตรงหน้าเขาวันนี้ก็ไม่มีข้อดีอย่างแน่นอน
“กรณีของการคัดลอกผลงาน ผมขอพบเจ้านายของคุณครับ”
“ผมเป็นรองประธานของไห่รุ่ยครับ” ฟังอวี้ตอบกลับเสียงแข็ง
ชายกลุ่มนั้นไหวไหล่ก่อนดึงเอกสารบางอย่างออกมา “กฎหมายด้านลิขสิทธิ์ของอเมริกาเข้มงวดมาก ผมหวังว่าก่อนความจริงจะถูกเปิดเผย คุณจะถอดหนังของคุณออกจากโรงหนังทุกแห่งเป็นการชั่วคราวนะครับ หลังจากทุกอย่างคลี่คลาย คุณจะสามารถฉายมันอีกครั้งได้
“แต่แน่นอนว่าในกรณีที่คุณพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้คัดลอกผลงานครับ”
“ผมไม่เคยเห็นการหลอกลวงขนาดนี้มาก่อนในชีวิตเลยนะครับ” ฟังอวี้หัวเราะโดยไม่ยอมรับเอกสารจากชายกลุ่มนั้น
“ถ้าคุณถูกจับได้ว่าคัดลอกผลงานในอเมริกา ไม่เพียงแต่คุณจะต้องถอดหนังออกจากโรงหนัง คุณยังต้องจ่ายค่าปรับมหาศาลอีกด้วย”
“พูดจบหรือยังครับ” ฟังอวี้หัวเราะ “ในเมื่อคุณกำลังอยู่ในถิ่นของเรา อย่างนั้นก็ควรทำตามกฎของเราสิ เราเองก็จะส่งทนายความไปฟ้องร้องคุณเหมือนกัน ความจริงแล้วเรามีทีมงานอยู่แปดคนที่อยู่ระหว่างทางไปที่บริษัทหนังของพวกคุณในอเมริกาแล้ว! …
..ยิ่งไปกว่านั้นเรายังมีร่างฉบับแรก เรื่องย่อ และเอกสารหลายอย่างเป็นหลักฐาน พร้อมกับบทวิเคราะห์เชิงลึกจากนักเขียนบทชื่อดังระดับโลกอีกด้วย มารอดูกันเถอะครับว่าใครลอกเลียนแบบใครกันแน่…” ฟังอวี้เอ่ยอย่างมั่นใจ
“ในเมื่อคุณไม่มียางอายเราก็ไม่คาดหวังให้คุณยอมรับหรอกครับ แต่เราไม่สนใจ เรากำลังดำเนินการอย่างซื่อสัตย์ งั้นก็มาสืบหาความจริงไปด้วยกันเถอะครับ
“แต่ผมไม่คิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่บริษัทคุณทำอย่างนี้นะครับ ถ้าผมจำไม่ผิด บริษัทคุณเคยเข้าไปข้องเกี่ยวกับคดีที่คล้ายๆ กันเมื่อห้าปีก่อน แล้วก็ลงเอยด้วยการเสียค่าปรับไปสามสิบล้านหยวนนี่ครับ
“แต่คุณยังจะพยายามทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกเหรอครับ
“คุณคิดว่าเราเล่นงานได้ง่ายๆ อย่างนั้นเหรอครับ”
อีกฝ่ายนึกไม่ถึงว่าฟังอวี้จะแข็งแกร่งเช่นนี้ และไม่คาดคิดว่าเขาจะสืบเรื่องของพวกเขาได้แจ่มแจ้งขนาดนี้
ดูเหมือนว่าไม้แข็งจะใช้ไม่ได้ผลกับไห่รุ่ย ชาวเอเชียไม่ได้ยอมก้มหัวให้อย่างนอบน้อมเมื่อพูดถึงฮอลลีวูดหรอกหรือ
ทว่าแน่นอนว่านี่คือความมั่นใจในตัวเองเกินไปของพวกเขา มันไม่ได้มีผลกับคนอื่นทั้งนั้น
เวลาเปลี่ยนไปแล้ว พวกเขายังคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นักหนาอยู่หรือ
“ถ้าพวกคุณวางแผนจะนิ่งเงียบอย่างนั้นผมก็ต้องขอโทษด้วย ผมจะไม่มายุ่งและเสียเวลาอีก เดี๋ยวอีกไม่นานทนายความของไห่รุ่ยจะเจรจากับคุณเอง…
…ส่วนเรื่องที่คุณบอกว่าให้ถอดหนังของเราออกจากโรงหนังและจ่ายค่าชดเชย…ฝันไปเถอะครับ!” พูดจบฟังก็ลุกขึ้นและฝากเรื่องที่เหลือไว้กับทนายความ
ชาวต่างชาติคิดว่าไห่รุ่ยเล่นงานได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าไห่รุ่ยจะมั่นใจว่าสามารถออกมาแก้ต่างให้ตัวเองได้ แต่ทั้งบริษัทก็ต้องทุ่มเทอย่างหนักเพื่อทำให้สำเร็จ
ฟังอวี้รับผิดชอบเรื่องการชี้แจงกับสาธารณชน ลู่เช่อดูแลเรื่องการรวบรวมหลักฐาน ในขณะที่โม่ถิงและถังหนิงใช้เวลาหาทางเชิญนักเขียนบท ผู้กำกับ และนักเขียนที่มีอิทธิพลเพื่อขอให้ออกมาวิเคราะห์เชิงลึกในเรื่องนี้
จึงเป็นไปตามจุดประสงค์ของผู้อาวุโสหนานกง
ในขณะที่เขาเฝ้ามองไห่รุ่ยหัวหมุนอย่างกับลูกข่าง เขาถือโอกาสนี้ประกาศออกฉายปรสิต
หากแต่ใครเล่าจะพยายามเกาะกระแสในเวลาอย่างนี้ เขามีสมองไว้คั่นประตูหรืออย่างไรกัน
เขาไม่คิดบ้างหรือว่ากำลังฉวยโอกาสในขณะที่คนอื่นอ่อนแอที่สุด
แน่นอนว่าเขารู้ มันคือสิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริง เขาต้องการทำร้ายตระกูลโม่และโม่ถิง!
การกระทำของชายแก่เป็นไปด้วยความจงเกลียดจงชัง แต่ความตั้งใจในท้ายที่สุดของเขาไม่ใช่เพียงเท่านี้
เพื่อหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วยวิเคราะห์ โม่ถิงกับถังหนิงต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเจรจากับพวกเขา ในระหว่างที่พวกเขาไม่อยู่ ชายแก่พบโอกาสที่จะลักพาตัวฝาแฝด
อันที่จริงเขาติดต่อกับครูของแฝดโม่และใช้ทุกทางเพื่อติดสินบนอีกฝ่าย ตอนแรกเขาพยายามใช้เงินหลอกล่อครู แต่เมื่อเงินไม่สำเร็จเขาจึงไปข่มขู่อีกฝ่ายและครอบครัว
ทุกอย่างดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน วันที่เขาจะได้มอบของคริสต์มาสกับโม่ถิงและถังหนิง
ด้วยเหตุนี้ในบ่ายวันนั้น อยู่ๆ แฝดโม่จึงได้หายตัวไป ที่แย่ไปกว่านั้นคือไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
จากนั้นคุณครูแสร้งทำเป็นเหยื่อด้วยการรายงานเรื่องนี้ให้โรงเรียนทราบและติดต่อถังหนิง…
ตอนนั้นทั้งคู่อยู่ที่สนามบิน เมื่อถังหนิงได้ยินว่าลูกๆ หายตัวไปท่าทีของเธอก็ตื่นขึ้นมา
“มีอะไรครับ”
“ลูกของเราหายตัวไปค่ะ…” ถังหนิงตอบ “ลูกของเราหายตัวไปจากโรงเรียนค่ะ”
ทันทีที่โม่ถิงได้ยินเช่นนี้ เขาออกจากสนามบินพร้อมกับถังหนิงและโทรหาโรงเรียนเผื่อว่าอาจมีคนในครอบครัวมารับพวกเขาไปหรือบางทีอาจเป็นคนรู้จักอื่นๆ ทว่าทางโรงเรียนกลับตอบเพียงว่าเด็กหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากพักเที่ยง และกล้องวงจรปิดก็ดันมาเสียจึงไม่สามารถเก็บภาพใดไว้ได้…