เชียนหลานไม่ได้กลับบ้านทั้งคืน เดิมทีเธอวางแผนว่าจะไปสอนก่อนจะกลับไปแก้ตัวที่บ้าน แต่เมื่อมาถึงโรงเรียนเธอก็พบว่าอาจารย์ใหญ่กำลังรอเธออยู่
อาจารย์ใหญ่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเชียนหลาน และทันทีที่เธอมาถึงเขาก็เอ่ยกับเธอ “เชียนหลาน เก็บข้าวของของเธอแล้วกลับบ้านซะ”
“หือ” เชียนหลานมุ่นคิ้วอย่างไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“อ้า ฟังนะ ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกสาวคนรองของท่านนายกเทศมนตรี ฉันขอโทษถ้าเมื่อก่อนเคยทำอะไรให้เธอขุ่นเคืองใจ!”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ในที่สุดเชียนหลานก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ดูเหมือนว่าตระกูลเชียนจะมาพูดบางอย่าง
“อาจารย์ใหญ่คะ…จริงๆ แล้ว…”
“ไปเถอะ อย่าทำให้เราลำบากเลยนะ” อาจารย์ใหญ่โบกมือคล้ายไม่ให้เธอขัด ตระกูลเชียนมาชี้แจงทุกอย่างแล้ว เธอจึงไม่อาจอยู่ที่โรงเรียนนานมากไปกว่านี้ได้
เชียนหลานไม่สบอารมณ์แต่เธอไม่อาจกดดันอาจารย์ใหญ่ไปมากกว่านี้ได้ เธอจึงเก็บข้าวของและออกจากโรงเรียนไป
เธอแค่ไม่ได้กลับบ้านคืนเดียว ครอบครัวของเธอต้องทำรุนแรงขนาดนี้เชียวหรือ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากเธอยืนกรานที่จะคบหากับโม่จื่อเฉินกัน
เธอขนของกลับมาที่บ้านพร้อมกับความหงุดหงิดใจ อย่างไรก็ตามเธอพบว่าแม่ตัวเองกำลังดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา
“ลูกกลับมาแล้ว”
“แม่คะ เกิดอะไรขึ้นที่โรงเรียนกันคะ” เชียนหลานถามแม่ของเธอ
“ลูกไม่ได้กลับบ้านทั้งคืน ไปอยู่กับครูฟิสิกส์คนนั้นใช่ไหม” คุณนายเชียนถามพลางมองหน้าลูกสาวตัวเอง “ในเมื่อลูกไม่หลาบจำ แม่ก็ต้องใช้วิธีเด็ดขาดกับลูก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอก็แทบสติขาดผึง
“อย่างนั้นทำไมไม่ให้หนูเลิกเป็นลูกสาวของแม่ไปซะเลยล่ะคะ” เชียนหลานโยนข้าวของลงพื้น “แค่คิดซะว่าแม่ไม่เคยคลอดหนูออกมา หนูไม่อยากกลับมาตระกูลนี้อีกแล้ว”
“ระวังคำพูดของลูกไว้บ้างนะ!”
“แม่คะ หนูขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายว่าถ้าแม่ไม่เคารพชีวิตของหนู หนูก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรลงไปได้บ้าง!” เชียนหลานเอ่ยก่อนหันหลังวิ่งออกไปจากบ้าน
คุณนายเชียนสูดหายใจลึก เธอเพียงรู้สึกว่าลูกสาวตัวเองไม่คิดหน้าคิดหลัง คนเป็นพ่อเป็นแม่แค่ต้องการให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจพวกเขาบ้าง
หลังจากวิ่งหนีออกมา เชียนหลานไม่รู้ว่าจะไปที่ใด สุดท้ายจึงลงเอยด้วยการเดินไปเรื่อยๆ อยู่ข้างถนนเพียงลำพัง
…
ในขณะเดียวกันที่โรงเรียน โม่จื่อเฉินได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับเชียนหลานอย่างรวดเร็ว เขาจึงต่อสายหาเธอ แต่โทรศัพท์ของเจ้าตัวแบตเตอรี่หมดตั้งแต่เมื่อคืนก่อนและเธอยังไม่ได้ชาร์จ
ทันทีที่จบคาบ โม่จื่อเฉินขับรถออกจากโรงเรียน เขามีความรู้สึกว่าเธอต้องอยู่ที่ไหนสักที่
…
ในเวลาเดียวกัน สวีฉุนเฮ่ากำลังออกตามหาเชียนหลาน เขาอยู่ชั้นบนตอนที่เธอทะเลาะกับคุณนายเชียน และได้ยินเสียงเชียนหลานวิ่งหนีไป เมื่อคุณนายเชียนกลับเข้าไปในห้องตัวเอง เขาจึงออกตามหาน้องสะใภ้ตัวเองทันที
โชคดีที่เชียนหลานไม่ได้ไปไหนไกลนัก
“เชียนหลาน…ขึ้นมาบนรถสิ” สวีฉุนเฮ่าขับรถมาทางเชียนหลานและขวางทางเธอไว้ “ให้ฉันพาเธอไปส่งบ้าน”
เธอมองหน้าเขาก่อนส่ายหน้า “พี่ไม่ควรเข้ายุ่งเรื่องของฉัน”
“พี่แค่ไม่อยากเห็นเธอทะเลาะกับครอบครัว”
“ฉันขอโทษด้วยค่ะ แต่มันไม่ใช่เรื่องของพี่”
เชียนหลานเดินต่อหลังพูดจบ จังหวะนี้เองที่รถของโม่จื่อเฉินจอดอยู่ใกล้ๆ เช่นกัน เขาบีบแตรใส่ทันทีที่เห็นเธอ
เธอมองไปทั่วอย่างระวัง เมื่อเห็นว่าเป็นรถของโม่จื่อเฉิน เธอข้ามถนนและกระโดดขึ้นที่นั่งผู้โดยสารทันที
“ไปกันเถอะค่ะ”
สวีฉุนเฮ่ามองเธอจากไปพร้อมกับโม่จื่อเฉิน แต่ไม่อาจทำสิ่งใดได้
โม่จื่อเฉินเองสังเกตเห็นสวีฉุนเฮ่าในเวลาเดียวกัน
“เกิดอะไรขึ้นครับ” โม่จื่อเฉินถามระหว่างทางกลับห้องพักตัวเอง “คุณถูกโรงเรียนไล่ออกเหรอ”
“เป็นฝีมือแม่ของฉันค่ะ ท่านไม่อยากให้เราคบกัน” เชียนหลานอธิบายอย่างไม่อ้อมค้อม “แต่ฉันก็ไม่ต้องการครอบครัวนั้นอยู่แล้ว จื่อเฉิน คุณพาฉันไปจากที่นี่ได้ไหมคะ”
“แต่ว่าคุณก็ยังผูกพันทางสายเลือดนะครับ ไม่มีอะไรตัดขาดความสัมพันธ์ได้หรอกครับ! ให้ผมพาคุณกลับบ้านนะ…”
“ฉันไม่อยากกลับค่ะ!”
“ผมลักพาตัวลูกสาวคนอื่นไม่ได้นะครับ” โม่จื่อเฉินเอ่ย “เชื่อผมนะ ผมมีทางที่จะโน้มน้าวพ่อแม่ของคุณได้”
“ยังไงล่ะคะ” เธอถึงจุดแตกหัก “พ่อแม่ของฉันยืนยันจะหาคนที่ฐานะเท่าเทียมกับเรา ฉันไม่อยากให้พ่อแม่ของฉันดูถูกคุณค่ะ…”
“ใครบอกว่าเราฐานะไม่เท่าเทียมกันล่ะครับ” โม่จื่อเฉินหัวเราะขณะที่เร่งเครื่อง
“แต่ฉันไม่อยากเจอแม่ฉันนี่”
“อย่างนั้นก็ไปเจอพ่อคุณแล้วกันครับ” โม่จื่อเฉินตอบ “เอาที่อยู่เขามาให้ผมสิ ช่างมันเถอะ…ผมหาเองได้ครับ”
“คุณพูดจริงเหรอคะ”
เขาจะจริงจังได้มากกว่านี้อีกหรือ โม่จื่อเฉินขำ “คุณคิดว่าผมจะปล่อยให้ผู้หญิงที่ตัวเองชอบแตกหักกับครอบครัวเพราะผมเหรอ ผมเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับครอบครัว ผมไม่ยอมให้ความสัมพันธ์ของคุณกับครอบครัวต้องย่ำแย่หรอกครับ”
“แต่ว่า…”
โม่จื่อเฉินไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ขณะที่ขับรถพาเชียนหลานตรงไปยังสำนักงานสภาเมือง ก่อนแจ้งฝ่ายต้อนรับว่าเขาต้องการพบคุณพ่อเชียน
โชคดีที่ใกล้ถึงเวลาพักเที่ยง คุณพ่อเชียนจึงเพิ่งเสร็จงานและบังเอิญได้พบกับทั้งคู่บริเวณทางเข้า
“ไปกันเถอะ…” ทั้งสามมุ่งหน้าไปยังร้านชาละแวกนั้นก่อนนั่งลง เชียนหลานก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา
“ลูกยังรู้ว่าบ้านอยู่ไหนอยู่หรือเปล่า” คุณพ่อเชียนขึ้นเสียง
“สวัสดีครับ คุณลุง ผมชื่อโม่จื่อเฉิน”
“ฉันได้ยินเรื่องของเธอมาแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าเธอจะกล้าถึงขนาดมาหาฉันพร้อมกับลูกสาวของฉัน” คุณพ่อเชียนเอ่ยขณะจัดชุดสูทตัวเอง “เธอเกือบจะขโมยลูกสาวไปจากฉันแล้วนะ”
“ผมขอโทษครับ คุณลุง ผมรู้ว่าคุณลุงเป็นห่วงลูกสาวถึงได้กังวลว่าเธอจะเป็นเพื่อนกับใครบ้าง ผมเข้าใจความรู้สึกคุณลุงครับ”
“ในเมื่อเธอเข้าใจฉันอย่างนั้นทำไมถึง…”
“พ่อคะ อย่าพูดจากรุนแรงนักสิคะ!” เชียนหลานปกป้องโม่จื่อเฉินทันที
หากแต่โม่จื่อเฉินไม่ได้โกรธ กลับยกยิ้มก่อนเอ่ย “ผมขอโทษถ้าทำให้คุณลุงไม่พอใจนะครับ ผมจะเชิญคุณลุงมาทานมื้อเย็นกับพ่อผมวันหลังเพื่อเป็นการขอโทษที่อยู่ๆ โผล่มาในวันนี้ครับ”
“ฮึ่ม”
“ถ้าคุณลุงจะให้เกียรติกับผม ผมอยากจะเชิญเชียนหลานไปทานมื้อเย็นที่ไฮแอทรีเจนซีคืนนี้ครับ”
ในขณะที่คุณพ่อเชียนได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูด แรกเริ่มเขาโกรธที่ไอ้หมอนี่ช่างกล้าขนาดนี้ เขากล้าดีอย่างไรมาร้องขอเช่นนี้ในเวลาแบบนี้ แต่เมื่อได้ยินคำว่า ไฮแอทรีเจนซี เขาก็มุ่นคิ้วด้วยความงุนงงทันที
ถึงอย่างไรจะไม่มีใครรู้บ้างว่าบ้านแต่ละหลังในนั้นราคาเป็นพันล้าน
“ไฮแอทรีเจนซีงั้นเหรอ”
“ผมขอโทษด้วยครับคุณลุง ผมลืมบอกว่าพ่อของผมคือโม่ถิงและถังหนิงก็คือแม่ของผมครับ” โม่จื่อเฉินพูดอย่างอ่อนน้อมอยู่ตลอดเวลา
มีใครในปักกิ่งไม่เคยได้ยินสองชื่อนี้บ้างล่ะ
คุณพ่อเชียนไม่อยากจะเชื่อว่าโม่จื่อเฉินเป็นลูกของพวกเขา
แม้แต่เชียนหลานยังถึงกับตกตะลึง!
“คุณ…”
“เดี๋ยวผมอธิบายให้คุณฟังทีหลังนะครับ” โม่จื่อเฉินเอ่ยกระซิบข้างหูเชียนหลาน