เขตตะวันตก อาคารหมายเลข 9 ถนนปรารถนา บ้านพักนายกรัฐมนตรี
อากัส·นีแกนกำลังนั่งบนเก้าอี้ทำงานนายกรัฐมนตรี สายตาจ้องมองเอิร์ลฮอลล์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ลอร์ดฮอลล์ เลขานุการของผมคงรายงานสถานการณ์เบื้องต้นให้ฟังไปบ้างแล้ว หลังจากเกิดเหตุ ผมก็รีบติดต่อคุณเป็นคนแรกทันที”
อากัส·นีแกน สมาชิกคนสำคัญของพรรคอนุรักษนิยม และยังเป็นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของอาณาจักร มีสีหน้าแววตาหม่นมองลงอย่างเห็นได้ชัด ราวกับแก่ขึ้นนับสิบปีภายในชั่วข้ามคืน ด้วยรูปร่างสูงใหญ่ มันนั่งเอนตัวมาข้างหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง หากไม่มีสองแขนช่วยพยุงก็คงมิอาจทรงตัวไว้ได้
อย่างไรก็ตาม สายตานีแกนยังขึงขังเช่นเคย กิริยาท่าทางสุขุมเยือกเย็น
เอิร์ลฮอลล์ เจ้าของหนวดงามเหนือริมฝีปากบน ถอนหายใจและกล่าว
“ผมต้องขอแสดงความเสียใจกับข่าวร้าย เรื่องนี้ทำเอาใจหายไม่น้อยเช่นกัน ผมและท่านดยุคมีแผนจะหารือเกี่ยวกับร่างกฎหมายสำคัญในอีกไม่กี่วันข้างหน้า…”
ขุนนางใหญ่มาดสง่างาม ผู้สูญเสียความหล่อเหลาในวัยหนุ่ม โดยมีร่างกายอวบอ้วนและริ้วรอยร่องลึกเข้ามาแทน พฤติกรรมแรกของมันคือการแสดงความเสียใจ แสดงออกถึงความเจ็บปวดและเข้าอกเข้าใจ จากนั้นจึงกล่าวเข้าประเด็นโดยพยายามระงับอารมณ์
“ในเมื่อท่านดยุคได้จากพวกเราไปแล้ว ความเศร้าและอารมณ์โกรธแค้นคงไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น พวกเราต้องสุขุมและครองสติให้มั่น มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น หัวรถจักรใหญ่นามโลเอ็นจึงจะแล่นต่อไปได้โดยไม่ตกราง”
“นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงได้ติดต่อคุณเป็นคนแรกหลังจากเกิดเรื่อง ขุนนางอื่นคงเอาแต่สวดภาวนาต่อองค์เทพ สั่นเทาด้วยความหวาดกลัว และแสดงออกถึงความโกรธแค้นต่อการจากไปของท่านพี่ คงไม่มีความเห็นอื่นนอกจากบอกให้จับตัวคนร้ายมาลงโทษอย่างสาสม และสอบปากคำถามหาตัวผู้บงการ พวกเขาคงเกิดคำถามในหัวมากมาย เช่น แม้แต่ท่านดยุคผู้ได้รับการอารักขาแน่นหนายังถูกลอบสังหาร แล้วพวกตนจะปลอดภัยได้อย่างไร”
นายกรัฐมนตรีอากัส·นีแกนกล่าวเสียงขรึม
“จริงอยู่ พฤติกรรมข้างต้นค่อนข้างสมเหตุสมผลและเข้าใจได้ แต่ผมไม่ต้องการ”
เอิร์ลฮอลล์พยักหน้ารับ ตามด้วยซักถาม
“ฆาตกรเป็นใคร? มีจุดประสงค์อันใด?”
“ปีศาจ มันแฝงตัวในคราบนายธนาคารมานานกว่าสิบปี เป็นปีศาจตัวจริงเสียงจริง ธนาคารบาร์วาร์ตของคุณเพิ่งฮุบกิจการของมันเมื่อไม่นานมานี้”
อากัส·นีแกนเล่าเสียงเรียบ
“เจสัน·แพทริค?” เอิร์ลฮอลล์เอ่ยชื่อของคนร้ายได้ทันที เพราะมันคือผู้ลงนามอนุมัติให้ธนาคารบาร์วาร์ตเข้าซื้อหุ้นกิจการธนาคารเล็กของเจสัน
นายกรัฐมนตรีอากัสกล่าวต่อไปโดยไม่ได้แวะตำหนิเอิร์ล
“มันคือผู้วิเศษลำดับ 5 ขายธุรกิจของตัวเองอย่างกะทันหัน ละทิ้งตัวตนนายธนาคารซึ่งสั่งสมชื่อเสียงมานานกว่าสิบปี เพียงเพื่อเสี่ยงทำภารกิจลอบสังหารพี่ชายของมัน แม้จะแทบไม่มีโอกาสสำเร็จเลยก็ตาม…เท่านี้ก็สามารถระบุได้แล้วว่า มันต้องมีขั้วอำนาจใหญ่หรือผู้บงการคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แต่น่าเสียดาย คนร้ายเสียชีวิตระหว่างการหลบหนี แม้แต่วิญญาณก็ถูกช่วงชิงไปด้วย จากรายงานของทางเหยี่ยวราตรี ผู้ลงมือคือจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด”
“คุณกำลังจะบอกว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับองค์กรลับสุดยอด และทางรัฐบาลไม่สามารถสืบหาข้อมูลได้ภายในระยะเวลาสั้น?” เอิร์ลฮอลล์ซักถาม
“ถูกต้อง ผู้ถูกเรียกว่าจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดไม่ทิ้งเบาะแสใดไว้เลย พวกเราทำได้แค่สืบหาจากบุคคลซึ่งเคยติดต่อกับเจสัน·แพทริคในช่วงหลายเดือนหลัง อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนดังกล่าวจะกินเวลานานมาก และอาจไม่พบสิ่งใดเลย” อากัส·นีแกนอธิบายอย่างฉะฉาน
เอิร์ลฮอลล์เดินสองก้าวเพื่อขยับตัวเข้าไปใกล้ ตามด้วยการซักถามเสียงเบา
“ฝ่าบาทมีท่าทีเช่นไรกับเรื่องนี้”
“เสียพระทัย แต่ไม่มีความเห็นเพิ่มเติม” อากัสตอบกระชับ
เอิร์ลฮอลล์ขมวดคิ้ว ก้มหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ
“ถ้าอย่างนั้น เรื่องน่ากังวลในตอนนี้ไม่ใช่ผู้บงการเบื้องหลังนักฆ่า แต่เป็นจุดประสงค์แท้จริงของพวกมัน การตายของดยุคนีแกนทำให้ฝ่ายใดได้ประโยชน์? พวกมันต้องการจุดชนวนสงคราม? หรือต้องการเปิดประเด็นในดินแดนอาณานิคมอีกครั้ง? บางที พวกเราต้องบอกกับสาธารณชนว่า ผู้บงการเบื้องหลังเจสัน·แพทริคคือรัฐบาลของจักรวรรดิฟุซัค แน่นอน ต้องปลอมหลักฐานขึ้นมาให้แนบเนียน สร้างเรื่องราวอย่างสอดคล้องและสมเหตุสมผล ตลอดหลายร้อยปีหลัง เพื่อนบ้านทางเหนือรายนี้เคยก่อเรื่องในลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง ทุกคนคงชาชิน จะมีอีกสักครั้งก็คงไม่น่าแปลก คงไม่มีใครเคลือบแคลงว่าคนเถื่อนของทางเหนือจะก่อความวุ่นวายจริงหรือไม่”
“และสาธารณชนก็จะหวาดกลัวพวกมัน” นายกรัฐมนตรีอากัสยกมุมปาก แต่มิได้มีเจตนายิ้มแย้ม “อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเราทำแบบนั้น ทางโลเอ็นจะตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบทันที หลังจากปฏิรูปการปกครองหลายเรื่องติดต่อกัน อาณาจักรเราจำเป็นต้องรออีกอย่างน้อยครึ่งปี จึงจะพร้อมเข้าสู่สภาวะสงครามเต็มตัว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เอิร์ลฮอลล์พึมพำ
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราต้องหาแพะรับบาปซึ่งทุกฝ่ายพึงพอใจ แต่จะให้เป็นจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดคงไม่เหมาะ เขาลึกลับและเต็มไปด้วยปริศนา อาจมีองค์กรใหญ่มากคอยหนุนหลัง ผู้คนจะยิ่งแตกตื่นและเสียขวัญถ้าได้ทราบข่าว ประชาชนมักหวาดกลัวปริศนาในเงามืดเสมอ”
“เห็นด้วย ถ้าอย่างนั้น เอาเป็นชุมนุมแสงเหนือดีไหม? พวกมันเพิ่งลงมือลอบสังหารไอ้โรคจิตจากอินทิสไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน หากคิดเหิมเกริมลงมือซ้ำก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก”
“เหมาะสม ชื่อเสียงของพวกมันเลวร้ายเป็นทุนเดิม ถูกตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์หลายฉบับในฐานะผู้ก่อการร้าย จนถึงขั้นมีนิยายหลายเรื่องนำไปอ้างอิงในทางชั่ว นอกจากนั้น การป้ายสีให้พวกมันยังจะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล คดีลอบสังหารราชทูตอินทิสทำให้พวกเราเสื่อมเสียชื่อเสียงพอสมควร หลายฝ่ายถึงกลับกล่าวหาว่าเราเป็นผู้จ้างวานให้ชุมนุมแสงเหนือลงมือลอบสังหาร”
“ไม่เลว ในเมื่อพวกเราคิดจะกว้างล้างผู้ก่อการร้ายให้หมดไปอยู่แล้ว ก็ต้องฉวยโอกาสนี้ล้างบางเบ็คลันด์ให้สะอาดเอี่ยมไปพร้อมกัน เมืองหลวงไม่ควรมีบุคคลอันตรายมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากเฉกเช่นในปัจจุบัน” อากัสเห็นพ้อง
“ไม่มีใครเหมาะจะรับบทผู้ร้ายไปมากกว่าชุมนุมแสงเหนืออีกแล้ว…เอาแบบนี้เป็นไง พวกเราใช้มันเป็นแพะรับบาปไปในช่วงแรกไปก่อน รอจนกระทั่งผ่านไปสักครึ่งปี เมื่อโลเอ็นพร้อมเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบ ถึงตอนนั้น พวกเราจะแสร้งทำเป็นเปิดเผยข้อมูลการสืบสวน โดยระบุว่าผู้บงการให้ชุมนุมแสงเหนือลอบสังหารดยุคนีแกนคือรัฐบาลจักรวรรดิฟุซัค คงไม่มีใครเคลือบแคลงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ก่อการร้ายกับคนเถื่อนแดนเหนือแน่…”
เอิร์ลฮอลล์เว้นวรรคเล็กน้อย
“ไม่คิดว่าจะนำมาต่อยอดได้ขนาดนี้…”
โดยไม่มีความเห็นเพิ่มเติม อากัส·นีแกนลุกขึ้นยืนพร้อมกับขอตัว
“ผมต้องไปเข้าฝ่าบาทแล้ว”
เมื่อพูดจบ มันจ้องเอิร์ลฮอลล์
“คุณเองก็ควรห่วงความปลอดภัยไว้บ้าง พวกเรายังไม่ทราบเจตนาแท้จริงของผู้อยู่เบื้องหลัง ฮึ่ม! ทางโบสถ์วายุสลาตันตัดสินใจเปลี่ยนตัวอาร์ชบิชอปประจำมุขมณฑลเบ็คลันด์สักที! สเน็กไม่เคยมาทันช่วงเวลาสำคัญเลยสักครั้ง! สมกับเป็นสาวกของวายุสลาตัน มีแต่พวกหุนหัน เจ้าอารมณ์ และถูกคนร้ายจูงจมูกได้ง่าย!”
“อาจไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป ยกตัวอย่างเช่นลัวมี่ เขาฉลาดเป็นกรด” เอิร์ลฮอลล์เผยรอยยิ้มจืดชืด มือข้างหนึ่งทำสัญลักษณ์สี่จุดบนหน้าอก สื่อถึงพระจันทร์แดง “ขอบคุณสำหรับคำเตือน แต่ผมมีเทพธิดาคอยคุ้มครอง”
…
สภานักสิทธิ์สนธยา…แต่ชื่อก็กินขาด…
เมื่อกลับถึงโลกความจริง ไคลน์ยืนขึ้นพร้อมกับกดชักโครก
ชายหนุ่มเปิดประตูออกจากห้องโดยปล่อยให้เสียงน้ำวนดังตามหลัง สมองกำลังวิเคราะห์ข้อมูลใหม่ล่าสุด
มันเชื่อว่า สภานักสิทธิ์สนธยาคือองค์กรลับเก่าแก่ในความหมายเดียวกับโรซายล์ องค์กรซึ่งถือครองศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สองไว้ในมือ
การลงทุนจ้างใครสักคนให้ลอบสังหารดยุคนีแกนเพียงเพื่อสร้าง ‘ประวัติศาสตร์’ อาจฟังดูเป็นเรื่องเหลวไหล แต่ขณะเดียวกันก็สมเหตุสมผลไม่น้อย… เป้าหมายของพวกเขาคือการคืนชีพพระผู้สร้างต้นกำเนิด? ทฤษฎีดังกล่าวสอดคล้องประวัติศาสตร์ของเมืองเงินพิสุทธิ์มาก เดอะซันน้อยไม่เคยบอกว่าพระผู้สร้างต้นกำเนิดตายไปแล้ว มีเพียงการใช้คำว่าท่าน ‘ทอดทิ้ง’ ดินแดนไป เป็นเหตุให้ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ยังคงพยายามติดต่อกับ ‘ท่าน’ ผ่านพิธีกรรมอย่างไม่ละความพยายาม…
ไคลน์เดินวนเวียนในห้อง ปล่อยสมองให้ล่องลอยอย่างอิสระ
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ จนกระทั่งมันได้ยินเสียงใครบางคนเคาะประตู
ผู้มาเยือนมิใช่บริกรชายหรือสาวใช้ของสโมสรครักซ์ แต่เป็นบุรุษสวมแว่น คาร์ลเซ่น หนึ่งในสมาชิกจิตแห่งจักรกล ไคลน์เคยพบหน้ามาแล้วครั้งหนึ่งในบ้านของเจสัน
“คุณเข้ามาได้ยังไง?” ชายหนุ่มแสร้งถาม
เมื่อเห็นว่าไคลน์ยังอยู่ในห้อง คาร์ลเซ่นทำสีหน้าโล่งใจ มันมองไปรอบตัวหนึ่งหนเพื่อยืนยันว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ตามด้วยการยิ้มกว้างและเริ่มอธิบายสถานการณ์
“ในฐานะผู้วิเศษ พวกเราย่อมมีวิธีพิเศษอยู่เสมอ”
หืม เขาคงได้รับข่าวจากอาวุโสไอคานส์ว่าผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเสียชีวิตแล้ว จึงแวะเข้ามาหาเราเพื่อยืนยันตำแหน่ง…แต่ขณะเดียวกันก็หมายความว่า ‘กล’ ของเราแนบเนียนจนคนดูแยกไม่ออก ในเมื่อ ‘ร่างปลอม’ ในห้องน้ำไม่ถูกเปิดโปง เราจึงกลายเป็นลูกแกะในสายตาคนรอบข้าง…
ไคลน์แสร้งขมวดคิ้ว
“ดูจากท่าทางของคุณ คงมีข่าวดีมาบอกผมใช่ไหม?”
“ถูกต้อง เจสัน·แพทริค·บีเลียลถูกฆ่าตายแล้ว คุณจึงปลอดภัยและไม่จำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองจากพวกเราอีก” คาร์ลเซ่นอธิบายอย่างซื่อตรง
ท่าทาของอีกฝ่ายทำให้ไคลน์เริ่มตระหนักว่า โอสถในร่างกายตนกำลังถูกย่อยด้วยความเร็วสูงผิดปรกติ
ชายหนุ่มทำหน้าประหลาดใจแกมโล่งอก
“แน่ใจแล้วใช่ไหม?”
“ไม่ผิดแน่” คาร์ลเซ่นยืนกราน
“เยี่ยมไปเลย!” ไคลน์โพล่งอย่างยินดี
คาร์ลเซ่นยังคงจ้องมองนักสืบหนุ่ม ก่อนจะกล่าวชมเชยด้วยใจจริง
“สัญชาตญาณนักสืบและความคิดเชิงตรรกะของคุณช่วยพวกเราได้มาก ท่านอาวุโสระบุว่า หากคดีนี้สิ้นสุดลง คุณจะได้รางวัลตอบแทนอย่างลับๆ เป็นเงินราวหนึ่งพันปอนด์”
หนึ่งพันปอนด์… ใจกว้างไม่เลว!
หืม แต่เมื่อลองเทียบกับทรัพย์สินของเจสัน ทั้งจากธนบัตรและอัญมณี ตีราคาอย่างต่ำก็คงไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นปอนด์ เงินจำนวนพันปอนด์มันออกจะ… ถ้าเราจำไม่ผิด มาดามแมรี ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทโคอิมและหนึ่งในคณะกรรมการมลพิษทางอากาศแห่งชาติ ก็คงมีทรัพย์สินรวมกันประมาณห้าหมื่นปอนด์กระมัง…
แต่ต้องไม่ลืมว่า เจสันใช้กลอุบายบางอย่างล่อลวงผู้ขับขานแห่งเทพออกไป บางที หนึ่งในเหยื่อล่ออาจเป็นเงินก้อนใหญ่ และถ้าเป็นเช่นนั้น เจสันจะเหลือเงินติดตัวขณะหลบหนีราวสองหมื่นปอนด์ แต่ก็ยังมหาศาลเมื่อเทียบกับหนึ่งพันปอนด์อยู่ดี ช่างน่าเศร้า… ไม่สิ เราจะคิดแบบนั้นก็ไม่ถูก ผู้สมรู้ร่วมคิดของเจสันอาจนำทรัพย์สมบัติทั้งหมดหนีไปพร้อมกันเพื่อความแนบเนียน…
ไคลน์ทั้งยินดีและผิดหวังในเวลาเดียวกัน
เมื่อได้ยินเกี่ยวกับรางวัล ชายหนุ่มเริ่มตระหนักอีกครั้งว่าการแสดง ‘กล’ ของตนประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม และเหลืออีกเพียงไม่กี่ก้าว โอสถก็จะถูกย่อยโดยสมบูรณ์
“เป็นงานของนักสืบอยู่แล้วครับ และยิ่งไปกว่านั้น คนร้ายกำลังคุกคามชีวิตผม” ไคลน์ฉีกยิ้มกว้าง
มันไม่กังวลว่าจะถูกผู้สมรู้ร่วมคิดของเจสันกลับมาล้างแค้น เพราะการแก้แค้นนักสืบเป็นเพียงกลอุบายของเจสันตั้งแต่แรก แต่ถึงอีกฝ่ายจะคิดอาฆาตจริง ตอนนั้นตนคงกลายเป็นลำดับ 6 เรียบร้อยแล้ว
คาร์ลเซ่นใช้ปลายนิ้วขยับกรอบแว่น
“เชอร์ล็อก คุณเองก็เป็นสาวกของพระองค์เหมือนกันใช่ไหม ทางเราต้องการสานสัมพันธ์อันดีด้วย ในอนาคต คุณสามารถปรึกษากับจิตแห่งจักรกลได้ทุกเรื่อง”
พวกเขาต้องการให้เราเป็นสายข่าวของจิตแห่งจักรกลสินะ… ไม่เลว มีช่องทางให้เบิกค่าเสียหายเพิ่มอีกแล้ว…
ไคลน์วาดสัญลักษณ์สามเหลี่ยมกลางหน้าอกและรีบขานรับ
“ด้วยความยินดี!”
…
เมื่อเป็นอิสระจากจิตแห่งจักรกล ไคลน์พักอยู่ในสโมสรครักซ์ลากยาวจนถึงอาหารมื้อค่ำ จึงค่อยเช่ารถม้ากลับมายังอาคารหมายเลข 15 ถนนมินส์
ชายหนุ่มเปิดกล่องจดหมายตรวจสอบตามปรกติ และได้พบจดหมายฉบับใหม่ไม่ติดตราไปรษณียากร
มาจากนักสืบไอเซนการ์ด ถูกสอดไว้ในตู้จดหมายหลังจากแวะมาเยี่ยมแต่ไม่พบใครในช่วงเย็น มีใจความดังนี้ :
“…ผมได้ยินสมมติฐานอันยอดเยี่ยมของคุณจากจิตแห่งจักรกลแล้ว ความหลักแหลมและรอบคอบของคุณช่างน่ายกย่อง หากคุณยังไม่เป็นผู้วิเศษ ผมเชื่อเหลือเกินว่าเส้นทางนักอ่านจะเหมาะสมกับคุณอย่างมาก ผมไม่เคยเห็นคนหนุ่มคนใดมีทักษะการอนุมานในระดับอัจฉริยะเท่าคุณมาก่อน!”
…
ปัจจุบัน ไคลน์กำลังยืนท่ามกลางเครื่องเรือนในห้องรับแขก สายตากวาดอ่านจดหมายของไอเซนการ์ดภายใต้แสงสว่างจากตะเกียงแก๊ส
ในคราวนี้ ‘กล’ ของเราไม่ได้พิเศษไปกว่าครั้งอื่น ออกจะน้อยไปด้วยซ้ำ เป็นการวิเคราะห์และมอบคำแนะนำ ผนวกกับการเล่นละครตบตาอีกเล็กน้อย…เพียงแต่ว่า ‘กล’ ในคราวนี้มีผู้ชมรู้เห็นเป็นจำนวนมาก และเกือบทั้งหมดก็อยู่ข้างกายเรา พวกเขาสามารถมอบคำชมเชยและปรบมือให้ได้โดยตรง…
ไคลน์ยืนถือกระดาษจดหมายพลางตรึกตรองเรื่องราวทั้งหมดอย่างใจเย็น
ชายหนุ่มหลับตาลง ดื่มด่ำไปกับสัมผัสใหม่ภายในร่างกายอย่างอิ่มเอม คล้ายกับมีบางสิ่งกำลังกระจัดกระจายด้วยความรู้สึกซาบซ่าน ยิ่งเวลาผ่านไป ดวงดาวจำนวนมากก็ยิ่งผุดขึ้นภายในสมอง ไคลน์ไม่รู้สึกถึงแรงดึงดูดจากหมู่ดาราสุกสว่างรอบตัวอีกต่อไป
เดือน 12 ปี 1349
โอสถนักมายากลถูกย่อยโดยสมบูรณ์
……………………